วันที่ 29 เมษายน พ.อ.ประวิทย์ หูแก้ว โฆษกกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยถึงสาเหตุที่ยังมีการยิงปะทะกันระหว่างไทย กัมพูชาอยู่ แม้ว่าจะมีการเจรจากันในระดับพื้นที่แล้วว่า อาจจะเกิดการสื่อสารที่ไม่ตรงกัน เพราะเขมรเองมีหลายหน่วย หลายฝ่าย การถ่ายทอดคำสั่งหยุดยิงจึงยังไม่ทั่วถึง และบางส่วนอาจจะมีทหารเกเรที่ไม่เชื่อฟัง และมีความแค้นอยู่ เลยยิงเข้ามา อีกทั้งการบริหารงานของกัมพูชาเอง แม้จะมี พล.ท.เจีย มอน จะคุมระดับภูมิภาคที่ 4 แต่ก็มี พล.อ. ชิน จันปัว รองผู้บัญชาการทหารบก กองทัพกัมพูชา และ ผู้บัญชาการสมรภูมิรบพื้นที่ 3 คุมอีกที และมี พล.ท.ฮุน มาเนต คุมทั้งหมดอีกรอบ ทำให้การถ่ายทอดคำสั่ง และการเคารพคำสั่งอาจจะแตกต่างกัน
อย่างไรก็ตามล่าสุดในพื้นที่ได้มีการโทรศัพท์พูดคุยกับฝั่งกัมพูชาแล้ว และ ทางโน้นได้ขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนการเปิดด่านนั้น ไม่ใช่หน้าที่ของกองทัพที่จะสามารถสั่งการได้ ต้องเป็นระดับรัฐบาล ที่จะสั่งการ แต่อย่างไรก็ตาม หากมีการสู้รบกันอยู่ และยังมีเสียงปืนดังอยู่ พ่อค้า แม่ค้า คงไม่กล้ามาขาย และคนซื้อก็คงไม่กล้ามาแน่นอน
ทั้งนี้ เมื่อคืนวันที่ 28 เมษายน หลังมีข้อตกลงหยุดยิง ระหว่าง พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาค 2 กับ พล.ท.เจีย มอน ผู้บัญชาการภูมิภาคที่ 4 ของกัมพูชา แต่ตลอดทั้งคืนยังมีการปะทะกันต่อเนื่อง โดยมีเสียงปืนดังตลอดตั้งแต่เวลา 21.00 -21.30 น.และเวลา 03.00 -05.00 น.และส่งผลให้อาสาสมัครทหารพรานกึ๋ง พลสงคราม เสียชีวิตจากการขว้างระเบิดมือจากทหารฝ่ายกัมพูชา เนื่องจากทหารฝ่ายกัมพูชาได้รุกคืบจากเขตชายแดนเข้ามาในตัวปราสาทตาควาย พร้อมยิงอาวุธปืนประจำกายเข้ามาทำให้ฝั่งไทยตอบโต้ด้วยปืนประจำกายเช่นกันแต่ไม่มีการตอบโนต้ด้วยอาวุธปืนใหญ่และทำให้พลทหารที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่อีก 4 รายได้ร้ับบาดเจ็บ และถูกลำเลียงขึ้นรถพยาบาลส่งไปรักษาตัวที่ค่ายวีรวัฒน์โยธินจ.สุรินทร์
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ให้สัมภาษณ์ในรายการห้องข่าวรับอรุณ ของงสถานีโทรทัศน์เนชั่นชาแนล ถึงสถานการณ์ไทยกัมพูชาภายหลังการเจรจาของ พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาค 2 และ พล.ท.เจีย มอน ผบ.ภูมิภาคที่ 4 กัมพูชา และนำมาซึ่งข้อตกลงหยุดยิงว่า ขณะนี้ยังต้อง ต้องติดตามสถานการณ์ เพราะการหารือวานนี้เป็นการหารือในระดับพื้นที่ และเมื่อคืนที่ผ่านมาก็พบว่าทหารกัมพูชาพยายามใช้ปืนเล็กลูกระเบิดขว้าง ยิงและขว้างเข้ามาในเวลาประมาณ 21.00-21.30 ส่งผลให้ทหารไทยบาดเจ็บ 2 นาย และหลังจากนั้นในเวลา 02.00 และ 03.00 น. ของวันนี้ (29 เม.ย.)ก็ยังมีอยู่ประปราย
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวว่า สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อคืนที่ผ่านมา ยังมีการปะทะอย่างประปราย ซึ่งตนเคยพูดแล้วว่า การคุยกันของผู้บังคับบัญชาในพื้นที่ ไม่ใช่สัญญา เมื่อมีการใช้อาวุธยิงเข้ามายังฝ่ายไทย ไทยก็ต้องมีการตอบโต้ เพื่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่และประชาชน ทั้งนี้ เมื่อคืนที่ผ่านมาตนได้โทรศัพท์ไปสอบถามกับผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกัมพูชาถึงเหตุการณ์ปะทะที่เกิดขึ้น พร้อมสั่งการให้แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันกับผู้บังคับบัญชาของกัมพูชาว่าทหารกัมพูชาได้ยิงระเบิดเข้ามาในไทย อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลให้มีทหารเสียชีวิต 1 นาย และบาดเจ็บอีก 5 นาย
ด้านพลโทธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า ตลอดคืนเมื่อวานนี้จนถึงประมาณ 05.00 น. มีการปะทะระหว่างทหารไทยกับเขมรตลอดแนวชายแดน ปราสาทตาควายและตาเมือนธม โดยทางทหารเขมร เป็นฝ่ายรุกล้ำเข้ามาก่อน ทำให้ทหารไทยต้องต่อต้าน ผลทำให้ ทหารพรานของไทย เสียชีวิตอีก 1 นาย และบาดเจ็บ 4 นาย
นายเสริม ชัยณรงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาเวลาประมาณ 23.00 น. – 05.00 น. ทหารไทย – กัมพูชา ได้ยิงปะทะกันเล็กน้อย บริเวณชายแดน ปราสาทตาเมือนธม – ตาควาย แต่ก็มีกระสุนปืนตกกระจายเข้ามาในหมู่บ้าน โดยขณะนี้พื้นที่เสี่ยงที่ได้รับผลกระทบได้ขยายวงกว้างเพิ่มเป็น 3 อำเภอ คือ อ.พนมดงรัก อ.กาบเชิง และ อ.สังขะ ซึ่งทางจังหวัดได้อพยพประชาชนทั้งหมด เข้าไปอาศัยที่ ศูนย์อพยพเรียบร้อยแล้วและขณะนี้ได้เพิ่มศูนย์อพยพขึ้นอีกเป็น 34 จุด เพื่อรองรับจำนวนประชาชนที่เข้าพักพิง กว่า 41,000 คน
ทั้งนี้ เหตุปะทะเมื่อคืนนั้น ทำให้มีทหารพลีชีพในสมรภูมิรบ เพิ่มอีก 1 นาย โดยขณะนี้ ขวัญกำลังใจประชาชนมีน้อยมาก ทุกคนต่างอยู่ในภาวะหวาดกลัว ตนจึงคิดว่าจะเพิ่มมาตรการและเงินเยียวยาแก่ประชาชนผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ รวมถึง ชดเชยค่าเสียหายแก่บ้านเรือนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะในครั้งนี้ให้มากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งขณะนี้ได้เปิดบัญชีธนาคาร เพื่อขอรับบริจาคเงินจากผู้ที่ต้องการให้ความช่วยเหลือชาวสุรินทร์ บัญชี ธนาคารออมสิน สาขาย่อยแยกหนองบัว ชื่อบัญชี ช่วยเหลือผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจากเหตุปะทะ หมายเลขบัญชี 2003 8129 811
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1272 ครั้ง