บริษัทโบอิ้งต้องการขยายธุรกิจในซาอุดิอาระเบียด้วยการสนับสนุนด้านระบบความมั่นคงทหาร บริการด้านพลังงาน และการฝึกอบรมบุคลากรสำหรับซาอุ
“เราอยู่ที่นี่เพื่อสนับสนุนความต้องการด้านการทหารของที่นี่ในระยะยาว” นายเคนเนธ คอมบ์ส ประธานโบอิ้งตะวันออกกลางกล่าวกับบลูมเบิร์กวานนี้ (21 มิถุนายน) “เรากำลังมองหาลู่ทางทางการค้าอื่นๆเพื่อขยายธุรกิจของโบอิ้ง”
บริษัทจากสหรัฐฯรวมถึงโบอิ้งและจีอีพยายามที่จะขยายธุรกิจในซาอุดิอาระเบียเนื่องจากรัฐบาลซาอุมีแผนการลงทุนมูลค่ากว่า 400,000 ล้านดอลลาร์ภายใน 5 ปี เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน เพิ่มกำลังการผลิตพลังงาน และฝึกอบรมประชาชนของประเทศ เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา จีอีชนะการประมูลและได้ลงนามในสัญญามูลค่า 300 ล้านดอลลาร์กับบริษัทซาอุดิ อิเล็กตริซิตี้
โบอิ้งเริ่มให้บริการด้านระบบการทหารแก่ซาอุตั้งแต่ปี 1978 เมื่อรัฐบาลซาอุต้องการซื้อเครื่องรบ เอฟ-15 ลำแรก ปัจจุบัน บริษัทโบอิ้งจ้างคนประมาณ 200 คนในประเทศและบริษัทก็มีส่วนแบ่งธุรกิจที่สูงในธุรกิจการทหารที่นี่ นายคอมบ์สกล่าว
ความพยายามของซาอุในการกระจายเศรษฐกิจออกจากภาคน้ำมันและต้องการพัฒนาพลังงานแสงอาทิตย์ได้สร้างโอกาสมากมาย ซาอุต้องการพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อสนองความต้องการพลังงานโดยตั้งเป้าว่าพลังงานแสงอาทิตบ์จะต้องมีส่วนแบ่งในการใช้พลังงาน 10% ภายในปี 2020 นายอาหมัด อัลโคไวเทอร์ ผู้อำนวยการสายการประเมินธุรกิจใหม่จากซาอุดิอารามโก้กล่าวเมื่อเดือนพฤษภาคม
“พลังงานแสงอาทิตย์จะกลายเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ที่นี่” นายคอมบ์สกล่าว “เราสร้างแผงพลังงานแสงอาทิตย์ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในโลกบางชิ้นไว้แล้ว”
นอกจากนั้น โบอิ้งกำลังทำงานกับหุ้นส่วนจากซาอุในโครงการวิจัยเพื่อพัฒนานาโนเทคโลยีที่ใช้กับพลาสติกด้วย ซึ่งวัสดุตัวใหม่นี้จะใช้กับเครื่องบินโบอิ้งในอนาคต นายคอมบ์สกล่าว “เราอยู่ที่ชั้นล่าง ทำงานกับมหาวิทยาลัยของซาอุ”
ความสัมพันธ์สหรัฐฯ-ซาอุ
กษัตริย์อับดุลเลาะห์ได้เปิด มหาวิทยาลัยกษัตริย์อับดุลเลาะห์ว่าด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว มหาวิทยาลัยแห่งนี้ซึ่งมีบุคลากรทางวิชาการจากต่างประเทศเป็นหลัก มีเป้าหมายที่จะสร้างนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรระดับโลก
ผู้บริหารโบอิ้งได้เข้าร่วมการประชุมว่าด้วยโอกาสทางธุรกิจสหรัฐฯ-ซาอุ เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาในชิคาโก ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสทางธุรกิจระหว่าง 2 ประเทศ ทางซาอุส่งคณะผู้แทนจากภาครัฐและธุรกิจกว่า 200 คน เข้าร่วมงานนี้ซึ่งรวมถึง รัฐมนตรีน้ำมันอาลี อัลไนมี่ และรัฐมนตรีคลังอิบราฮิม อัลอัซซาฟด้วย
ซาอุดิอาระเบียนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯคิดเป็น 14.2% ของการนำเข้าทั้งหมดในปี 2009 ลดลงจาก 19.7% ในปี 2000 ข้อมูลจากธนาคารบางก์ซาอุดิฟรานซี่ระบุ ขณะที่การนำเข้าจากจีนคิดเป็น 11.4% ในปี 2009 เพิ่มจาก 4.1% ในปี 2000
นายฟรานซิสโก้ ซานเชส ปลัดกระทรวงพาณิชย์ด้านการค้าระหว่างประเทศได้เยือนกรุงริยาด ประเทศซาอุดิอาระเบียในเดือนนี้เพื่อหาโอกาสการลงทุนให้กับธุรกิจสหรัฐฯที่นี่ การค้าระหว่าง 2 ประเทศอยู่ที่ 67,300 ล้านดอลลาร์ในปี 2008 ข้อมูลจากสภาธุรกิจสหรัฐฯ-ซาอุดิอาระเบียระบุ
ที่มา Bloomberg
http://noir.bloomberg.com/apps/news?pid=20601104&sid=aPO3gFTPK0xw
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1440 ครั้ง