“สุเทพ” เผย นายกฯอาจประกาศยุบสภา สัปดาห์หน้า หลังศาล รธน.จะวินิจฉัย กม.ลูก 9 พ.ค.นี้ ปัดอนุมัติงบทิ้งทวน ย้ำเป็นความจำเป็นของหน่วยงานช่วงรัฐบาลรักษาการ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงวันเวลาในการยุบสภาว่า ขึ้นอยู่กับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ว่าจะยุบเมื่อใด ทั้งนี้ในวันที่ 9 พ.ค. ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยกฎหมายลูก 3 ฉบับออกมา หากศาล รธน. วินิจฉัยว่าไม่ขัด รธน. นายกฯก็สามารถทูลเกล้าวันยุบสภาได้ ซึ่งอาจจะเป็นสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ตาม ครม.ได้อนุมัติงบในการจัดการเลือกตั้งไปแล้ว 2-3 พันล้านบาท
ส่วนการประชุม ครม.วานนี้นั้น ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นการอนุมัติงบทิ้งทวน แต่เป็นการดำเนินงานบริหารประเทศ โดยกระทรวงต่างๆได้เสนอโครงการเข้ามา ซึ่งภายหลังยุบสภาจะไม่สามารถอนุมัติงบประมาณหรือโครงการช่วง 3 เดือน หรือ 90วันได้จนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่ ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่จะต้องอนุมัติโครงการเพื่อแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน
ด้านนายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่รัฐบาลอาจจะเลื่อนวันยุบสภาไปสัปดาห์หน้าว่า เมื่อวันที่ 3 พ.ค. แพทย์ได้ถวายการผ่าตัดพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ดังนั้นตนคิดว่าถ้าไปเสนอเรื่องโปรดเกล้าฯยุบสภาต้องดูว่าเหมาะสมหรือไม่ มีเหตุจำเป็น ถ้าพระองค์ยังทรงประชวรอยู่อย่างนี้ ความเห็นตนถ้าจำเป็นก็ต้องเลื่อน ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย ไม่ใช่เรื่องของการเสียคำพูด แต่มีเหตุจำเป็นจริงๆ ที่จำเป็นต้องเลื่อน และการที่เลขาธิการสำนักพระราชวังจะนำเรื่องขึ้นทูลเกล้าฯก็ต้องดูด้วยว่าพระองค์ประชวรอยู่หรือเปล่า เพราะถ้าทรงประชวรอยู่แล้วเสนอขึ้นไปก็ไม่ดี ถ้าเป็นอย่างนี้น่าจะเลื่อนมากกว่า ส่วนจะเลื่อนไปเมื่อไหร่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง พรรคการเมืองก็ไม่มีปัญหา จะเลื่อนไป 7 วันก็ไม่น่ามีปัญหา
อภิสิทธิ์ยันไม่ทิ้งทวน
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เหตุผลที่การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)เมื่อวันอังคารที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมามีวาระพิจารณาและเพื่อทราบกว่า 100 เรื่อง เนื่องจากรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ว่าหากยุบสภาแล้วห้ามมีการพิจารณาเรื่องที่จะมีผลผูกพันต่อรัฐบาลชุดต่อไป ดังนั้นจะดำเนินการอะไรไม่ได้ แต่เรายังมีเรื่องงบประมาณที่เกี่ยวกับการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ภัยแล้งที่ต้องเร่งอนุมัติ หากไม่อนุมัติในการประชุม ครม.ครั้งนี้ก็ต้องรอไปอีก 3 เดือน และงบประมาณที่อนุมัติส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่อยู่ในแผนอยู่แล้ว ส่วนมากจะเป็นเรื่องของเงินเดือนค่าตอบแทนของ ครูและแพทย์พยาบาล เพราะเป็นค่าตอบแทนที่ต้องทำ หากไม่ดำเนินการก็ต้องอีก 2 เดือนถึงจะอนุมัติ ขณะที่ในส่วนของกระทรวงกลาโหมที่อนุมัติไปนั้นเป็นเรื่องเก่า ยกเว้นปัญหาชายแดน
เมื่อถามถึงความชัดเจนในการนำพระราชกฤษฎีประกาศยุบสภาขึ้นทูลเกล้า นายกรัฐมนตรีปฏิเสธที่จะตอบคำถามดังกล่าว
การประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)เมื่อวันที่ 3 พ.ค. มีวาระเสนอ เข้ามาทั้งสิ้น ประมาณ กว่า 300 วาระ ซึ่งถือเป็นครั้งประวัติศาสตร์ ที่มีวาระการประชุมมากที่สุดและใช้เวลายาวนานที่สุดตั้งแต่เวลา 08.00 น.ถึง 23.00น.
ทั้งนี้ เนื่องมาจาก การที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศยุบสภา จึงทำให้หลายกระทรวง ต้องแห่กันขออนุมัติงบประมาณและโครงการไว้ก่อน เพราะหลังจากยุบสภาจะทำไม่ได้
สำหรับโครงการที่มีการอนุมัติรวมวงเงินตามกรอบเบื้องต้น กว่า 6 แสนล้านบาทโดยมีรายละเอียดดังนี้
กระทรวงการคลัง
-โครงการบ้านธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เพื่อที่อยู่อาศัยแห่งแรก วงเงิน 2.5 หมื่นล้านบาท
-ช่วยเหลือบริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร(บีทีเอส)ช่วงการชุมนุมของเสื้อแดง 5.5 ล้านบาท
-ช่วยเหลือผู้ประกอบการย่านราชประสงค์วงเงิน 2,000 ล้านบาท
-เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยธรรมชาติปี 2553-54 เพิ่มเติมของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ 3 แห่ง กว่า 4,000 ล้านบาท
-เงินกู้ปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ (อีดีพี) ตามแผนปฏิรูปประเทศไทย 710 ล้านบาท เพื่อนำมาใช้พัฒนาและ สร้างสรรค์เด็กและเยาวชน
กระทรวงคมนาคม
-การรถไฟแห่งประเทศไทย ลงทุนซื้อรถจักรและล้อเลื่อน ตามแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน มูลค่า 1.7 แสนล้านบาท เป็นการลงทุนรอบแรก 1.4 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นจัดหาโบกี้ใหม่ 115 คันมูลค่ากว่า 4.9 พันล้านบาท จัดซื้อเครื่องจักรและอะไหล่ 50 คัน กว่า 6 พันล้านบาท และซื้อหัวรถจักรดีเซล 56 หัว มูลค่า 3 พันล้านบาท เบื้องต้นได้ให้การรถไฟใช้เงินกู้ในการดำเนินการโดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้รับประกัน
-โครงการดำเนินงานบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม 62.15 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม
-การดำเนินงานตามแผนงานการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม โดยใช้เงินกู้ธนาคารพัฒนาแห่งเอเชียในวงเงินประมาณ 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
-การดำเนินงานจัดทำระบบศูนย์บริหารจัดการรายได้กลางโดยใช้เงินกู้ ADB ในวงเงิน 13 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
-โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบบริการการการเดินอากาศกว่า 4,460ล้านบาท ของบริษัทวิทยุการบิน
กระทรวงศึกษาธิการ
-งบประมาณขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง (พ.ศ.2555-2561)แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คืองบประมาณตามนโยบายเร่งด่วน 10 โครงการ 1.58 หมื่นล้านบาท และเห็นชอบในหลักการแผนงบประมาณขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง 371,598.379 ล้านบาท เพื่อเป็นหลักประการว่าการปฏิรูปการศึกษาในรอบที่สองจะเดินหน้าตามที่ได้วางระบบและแผนงานต่อไป
-การจัดสรรงบประมาณเพิ่มเพื่อปรับอัตราค่าใช้จ่ายในการจ้างพนักงานมหาวิทยาลัย ทั้งมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐและมหาวิทยาลัยในสังกัดของรัฐที่เป็นส่วนราชการในอัตรา 5% เป็นเงินรวม 397.21 ล้านบาท
-ของบกลางค่าตอบแทนแก่เจ้าหน้าที่ 4200 ล้านบาท
กองทัพ
-ค่าตอบแทนพิเศษเพิ่มเติมให้กับกำลังพลกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.)งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2554 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น 293 ล้านบาท
กระทรวงมหาดไทย
-โครงการพัฒนาระบบสายส่งและสถานีไฟฟ้า ระยะที่ 9 ส่วนที่ 1 วงเงินลงทุน 7,060 ล้านบาท ส่วนที่ 2 วงเงินลงทุน 4,540 ล้านบาท ส่วนที่ 3 วงเงินลงทุน 15,085 ล้านบาท และส่วนที่ 4 วงเงินลงทุน 4,485 ล้านบาท รวมเป็นวงเงินลงทุน ทั้งสิ้น 31,170 ล้านบาท โดยใช้จากเงินกู้ในประเทศ 23,374 ล้านบาท และเงินรายได้ของ กฟภ. 7,796 ล้านบาท
-การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ปรับเพิ่มเงินตอบแทนพิเศษให้แก่พนักงานในพื้นที่เสี่ยงภัยจังหวัดชายแดนภาคใต้จากอัตราคนละ 2,500 บาทต่อเดือน เป็นอัตราคนละ 5,000 บาทต่อเดือน
– ศอ.บต. 180 ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนใน 12 อำเภอ พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้
-เช่ารถยนต์ เพื่อใช้ในราชการในกรมการพัฒนาชุมชน เป็นงบก่อหนี้ผูกพัน 2554-2557 จำนวน 152 ล้านบาท
-อนุมัติงบประมาณกว่า 197.25 ล้านบาท จัดระเบียบหาบเร่ แผงลอย และผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง ตามโครงการประชาวิวัฒน์
-ปรับค่าตอบแทนของผู้บริหารแลสมาชิกสภาท้องถิ่น อบจ. อบต. สก. สข. ไม่เกิน 20% สำหรับผู้วาราชกาจังหวัดกทม. และข้าราชการการเมือง 5% ทั้งหมดใช้งบท้องถิ่น
กระทรวงแรงงาน
-โครงการประชาสัมพันธ์การขยายความคุ้มครองประกันสังคม มาตรา 40 งบประมาณ 200 ล้านบาท และจัดสรรอัตราข้าราชการ 68 อัตรา และพนักงานราชการ 116 อัตรา
-ของบประมาณ 376 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายศูนย์ข้อมูลแรงงานแห่งชาติ
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
-โครงการสร้างพิพิธภัณฑ์พระราม 9 มูลค่า 1.8 พันล้านบาท เพื่อเฉลิมฉลองปีมหามงคลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวครบรอบ 84 พรรษา
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)
-โครงการกรุงเทพเมืองปลอดภัยห่างไหลอาชญากรม งบประมาณรายจ่ายปีงบประมาณ 2554 (งบกลาง) 123 ล้านบาท เพื่อดำเนินการใน
-ซื้อที่ดิน บสท. ให้ข้าราชการตำรวจสอบสวนกลาง ทำสำนักงานรวมถึงที่พักอาศัยของตำรวจ 40 ล้านบาทในการซื้อที่ดินและอนุมัติงบผูกพันปี 2555 อีก 700 ล้านบาท
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
-โครงการสร้างสนามกีฬาใน 9 จังหวัด ได้แก่ จ.ชลบุรี จ.ศรีสะเกษ จ.อุดรธานี, จ.บึงกาฬ จ.กระบี่ จ.ยะลา จ.แม่ฮองสอน จ.ลำปาง และ จ.สุโขทัย
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
-โครงการแก้ไขปัญหาความยากจนเกษตรกร และเกษตรกรที่ไม่มีที่ทำกิน วงเงินจำนวน 1,641 ล้านบาท
กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
-โครงการจัดตั้งสถาบันบริหารจัดการธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ 258 ล้านบาท
-เห็นชอบการดำเนินการตามนโยบาย บรอดแบนด์แห่งชาติในระยะต่อไป กระทรวงสาธารณสุข
-โครงการผลิตทรัพยากรบุคคลตามโครงการตามโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ปี 2555 -2564 เบื้องต้นได้วางกรอบงบประมาณไว้ที่ 1.07 หมื่นล้านบาท
-โครงการส่งเสริมการตั้งครรภ์อย่างมีคุณภาพ กำหนดเริ่มดำเนินการในช่วงเดือน ก.พ. 2554 และ โครงการ “พ่อแม่มือใหม่เลี้ยงลูกถูกวิธี” เพื่อดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการปฏิรูปประเทศไทย 415 ล้านบาท
กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคง
-งบกลาง 258 ล้านบาท ส่งเสริมสนับสนุนการทำศพผู้สูงอายุ 1.2 แสนราย
สำนักนายกรัฐมนตรี
-ก่อสร้างบ้านถาวรในจังหวัดที่ได้รับผลกระทบน้ำท่วม 1350 ล้านบาท
กระทรวงยุติธรรม
-อนุมัติ งบ 508 ล้านบาท เป็นค่าวัสดุอาหาร แก่กรมราชทัณฑ์
กระทรวงพาณิชย์
-อนุมัติงบ 200 ล้านบาท จัดงานมหกรรมลดค่าครองชีพ 3 เดือน
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1050 ครั้ง