คะแนนนิยมโอบาม่าพุ่งหลังสังหารบินลาดิน ตัดสินใจไม่เผยแพร่ภาพสพ ด้านวุฒิสมาชิก 3 คน ของสหรัฐ ออกมาปฏิเสธว่า ได้เห็นภาพศพโอซามา บิน ลาเดน ผู้นำเครือข่ายอัลกออิดะห์แล้ว พร้อมยอมรับว่าภาพที่เห็นเป็นภาพปลอม
ส.ว.แซกบี แชมบลิส กรรมาธิการข่าวกรองของวุฒิสภาสหรัฐ จากพรรครีพับลิกัน ระบุกับผู้สื่อข่าวก่อนหน้านี้ว่า ได้เห็นภาพศพของบินลาเดน ซึ่งถูกหน่วยจู่โจมพิเศษของสหรัฐสังหารในบ้านพักที่ปากีสถาน แต่ทว่า ในอีกหลายชั่วโมงถัดมาได้ออกมายอมรับว่า ภาพที่นำออกเผยแพร่ดังกล่าวเป็นภาพที่ทำขึ้น และมีการนำมาแจกจ่ายกันในหมู่สมาชิกสภานิติบัญญัติ และยังไม่เคยเห็นภาพที่เป็นทางการ
ด้านวุฒิสมาชิกอีก 2 คน คือ ส.ว.เคลลี เอออท และ ส.ว.สกอตต์ บราวน์ ซึ่งอ้างว่าเห็นภาพศพที่น่าสยดสยองของบินลาเดน เช่นกันนั้น ส.ว.เคลลี เอออท กล่าวว่า วุฒิสมาชิกคนหนึ่งนำภาพดังกล่าวมาให้ดู และระบุว่าเป็นภาพศีรษะและครึ่งบนของลำตัวบิน ลาเดน แต่ต่อมาได้ออกมายอมรับว่าภาพดังกล่าวไม่ใช่ของจริง และเห็นว่าไม่ควรเปิดเผยภาพที่เห็นออกต่อสาธารณชน เนื่องจากเกรงว่าจะสร้างความเข้าใจผิด
ขณะเดียว ประธานาธิบดีบารัค โอบาม่า ของสหรัฐ ได้ตัดสินใจที่จะไม่เผยแพร่ภาพศพของโอซาม่า บินลาเดน โดยอ้างความเสี่ยงด้านความมั่นคงแห่งชาติ และสหรัฐไม่ควรฉลองชัยชนะ โดยก่อนหน้านี้ ครม.สงครามของประธานาธิบดีโอบาม่า ได้ถกเถียงกันในประเด็นที่ว่า สมควรจะเผยแพร่ภาพศพหลังการชันสูตรของหัวหน้าก่อการร้ายหมายเลข 1 ของโลก ที่ถูกกองกำลังชุดปฏิบัติการพิเศษของสหรัฐยิงสังหาร ในระหว่างการบุกจู่โจมเข้าจับกุมในปากีสถาน เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
ประธานาธิบดีโอบาม่า ซึ่งคะแนนนิยมเพิ่มขึ้นอีก 11 จุด เป็น 57 เปอร์เซ็นต์ จากการสำรวจของ CBS ร่วมกับนิวยอร์ค ไทม์ส และเพิ่มเป็น 72 เปอร์เซ็นต์ ในประเด็นการรับมือกับการก่อการร้าย ได้เปิดเผยในรายการซิกซ์ตี้ มินิทส์ ของสถานีโทรทัศน์ CBS ว่า เป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องให้แน่ใจว่า ภาพที่แจ่มชัดของคนที่ถูกยิงที่ศีรษะ จะไม่แพร่สะพัดออกไปยั่วยุให้เกิดความรุนแรงในฐานะเครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อ แล้วก็ไม่ควรฉลองชัยชนะด้วยคำพูดหรือการกระทำด้วย
ผู้นำสหรัฐ ยังได้ปฏิเสธในประเด็นที่ว่า การทดสอบ DNA และการวิเคราะห์ใบหน้า ได้มีขึ้นเพื่อคลี่คลายข้อสงสัยว่า ผู้ก่อการร้ายที่อยู่เบื้องหลังวินาศกรรม 11 กันยายน 2544 เสียชีวิตแล้ว โดยยืนยันว่า ไม่มีข้อสงสัยในหมู่สมาชิกอัลไกดาว่า บิน ลาเดน เสียชีวิตแล้ว และความเป็นจริงก็คือ คุณจะไม่ได้เห็นบิน ลาเดน เดินอยู่บนโลกอีกเลย
เผยแพร่เอกสารอ้างเป็นของบินลาดิน
ขณะเดียวกัน ได้มีการเผยแพร่เอกสารชิ้นหนึ่งที่คาดว่าจะเขียนขึ้นโดยโอซามะห์ บิน ลาดินถูกนำออกมาเผยแพร่เพียงไม่นานหลังการเสียชีวิตของเขา เป็นข้อความแสดงความเสียใจต่อลูกๆ ที่ไม่มีมีโอกาสได้เลี้ยงดูอย่างเต็มที่ และขอร้องไม่ให้เข้าร่วมกับกลุ่มอัลกออิดะห์
เอกสารที่คาดว่าจะเป็นพินัยกรรมของโอซามะห์ บิน ลาดิน ผู้นำกลุ่มอัลกอดะห์ ฉบับนี้ถูกตีพิมพ์ครั้งแรกในหนังสือพิมพ์ของเลบานอนตั้งแต่ปี 2544 และถูกนำออกเผยแพร่อีกครั้งในสัปดาห์นี้ หลังผู้นำก่อการร้ายเสียชีวิตด้วยฝีมือของทหารหน่วยซีลที่ 6 ของสหรัฐเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยคาดกันว่าบิน ลาเดน เขียนไว้ตั้งแต่หลังเหตุการณ์ถล่มตึกเวิลด์เทรด เซ็นเตอร์เมื่อวันที่ 11 กันยายน และทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 3 พันราย
เนื้อหาสำคัญในเอกสาร ระบุว่า เขาขอโทษลูกๆที่เขาไม่ได้ให้ความเอาใจใส่เลี้ยงดูเท่าที่ควร มัวแต่ทุ่มเทเวลาให้กับการเข้าร่วมสงครามศักดิ์สิทธิ์ที่ต้องต่อสู้กับพวกนอกรีต และได้ขอร้องไม่ให้พวกเขาเข้าร่วมงานกับกลุ่มอัลไกดาด้วย
บิน ลาดิน เปรียบเทียบตัวเองว่าเป็นคอลิฟะห์แห่งศตวรรษที่ 7 และยังแนะนำให้ลูกๆ ของเขานั้น ค้นหาหนทางที่เป็นของตัวเองจริง ๆ แทนที่จะเลือกดำเนินชีวิตตามอย่างเขา พร้อมทั้งขอให้ลูกๆให้อภัยเขาที่ไม่มีเวลาให้
นอกจากนี้ บิน ลาดิน ยังเขียนสั่งไม่ให้ภรรยาทั้ง 4 คนของเขาแต่งงานใหม่ถ้าหากว่าเขาเสียชีวิตลง แต่จะต้องดูแล เสียสละ และขอดุอาร์จากพระผู้เป็นเจ้า
แต่ไมเคิล ชูเออร์ เจ้าหน้าที่ของสำนักงานข่าวกรองกลางหรือ CIA ของสหรัฐ ซึ่งเป็นหัวหน้าหน่วยลับเกี่ยวกับบิน ลาเดน บอกว่า เอกสารดังกล่าวเป็นของปลอม เพราะสิ่งที่เขียนไม่ได้สะท้อนถึงรูปแบบความคิดของบิน ลาเดนเลย โครงสร้างภาษาที่ใช้ก็ไม่ใช่ลักษณะของเขา และสิ่งที่ไม่เคยปรากฏในเอกสารอื่นๆของบิน ลาเดนก่อนหน้านี้ คือ ความสิ้นหวัง แต่พินัยกรรมฉบับนี้กลับบ่งบอกถึงความสิ้นหวังทั้งสิ้น ซึ่งตรงกันข้ามกับสิ่งที่เขาเคยรู้เกี่ยวกับตัวบิน ลาเดน
เผยชีวิตของบิน ลาดินต้องหลบซ่อน
เพื่อนบ้านและเจ้าของร้านค้า ที่อยู่ใกล้บ้านที่โอซามะห์ บิน ลาดิน ซ่อนตัวอยู่ในเมืองอั๊บบอตตาบัตของปากีสถาน เปิดเผยว่า อั๊คบาร์ และราชิด ข่าน ชาวปากีสถาน 2 คน ที่เป็นเจ้าของบ้านที่มีรั้วสูงราวป้อมปราการ ในเมืองอั๊บบอตตาบัด อันเป็นที่ซ่อนตัวของอุสมา บิน ลาเดน นั้น เป็นคนกิริยาวาจาสุภาพและคอยซื้ออาหารจำนวนมากตามใบสั่ง และเลือกของดีมียี่ห้อ ทั้งนมเนสต์เล่ , สบู่และแชมพูคุณภาพดี รวมทั้งเครื่องดื่มน้ำอัดลม อย่างโค้ก และเป๊ปซี่ ที่ล้วนแล้วแต่จ่ายด้วยเงินสด
ราชิดและอัคบาร์ พูดภาษาปาชตุน หรือ ปาทาน สำเนียงคนในพื้นที่วาซิริสถาน ซึ่งอยู่ติดชายแดนอัฟกานิสถาน และจะออกไปซื้อของทุกวัน แต่คนที่บ้านนี้ไม่เคยเดินเท้า และมักจะขับรถแวนยี่ห้อซูซูกิ สีแดง ส่วนอาหารที่ซื้อก็มากพอสำหรับคน 10 คน เพื่อนบ้าน บอกว่า สงสัยเหมือนกันว่าทำไมจึงซื้อของมากมายขนาดนี้ แต่คิดว่าจะเป็นการไม่สุภาพที่ซักถามเรื่องส่วนตัว
ครอบครัวข่าน อ้างว่า พวกเขาหนีภัยการสู้รบในพื้นที่ชนเผ่าในวาซิริสถาน เพื่อมาใช้ชีวิตที่สงบสุขในเมืองอั๊บบอตตาบัด ที่ได้ชื่อว่าเป็นกองบัญชาการทหารของปากีสถาน และอยู่ห่างจากกรุงอิสลามาบัดที่เป็นเมืองหลวงเพียง 50 กิโลเมตร
เพื่อนบ้านพากันประหลาดใจ เมื่อรู้ว่า ผู้นำอัลกออิดะห์า ซ่อนตัวอยู่ในอาณาบริเวณเดียวกันกับพวกเขา และอยู่ห่างจากสถาบันทหารอันทรงเกียรติ ที่เทียบได้กับโรงเรียนนายร้อยแซนด์เฮิร์ตส์ของอังกฤษ หรือ เวสต์ปอยต์ ของสหรัฐ เพียงแค่ 1 กิโลเมตรเท่านั้น ซึ่งก่อนที่เฮลิคอปเตอร์ของสหรัฐจะโฉบลงที่บ้านหลังนี้ เพื่อปลิดชีพบิน ลาเดนนั้น พลเอกอัชฟัค พาร์เวซ ผู้บัญชาการทหารปากีสถาน เพิ่งจะบอกกับเหล่านักเรียนนายร้อยว่า กองทัพได้เตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ต่อภัยคุกคามภายในและภายนอกประเทศ
ใครเป็นผู้นำคนใหม่อัลกอดะห์เป็นศัตรูสหรัฐ
ลีออน พาเน็ตต้า ผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองกลางหรือ CIA ของสหรัฐ ให้สัมภาษณ์ในรายการข่าวภาคค่ำของสถานีโทรทัศน์ CBS เมื่อวานว่า ในขณะที่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าใครจะก้าวขึ้นเป็นผู้นำคนใหม่ของอัลไกดาแทนโอซามา บิน ลาเดน ที่ถูกสังหารในปากีสถานเมื่อวันจันทร์ แต่ขอให้มั่นใจได้ว่า ใครก็ตามที่เข้ารับตำแหน่งดังกล่าวจะถูกขึ้นบัญชีกลายเป็นศัตรูหมายเลข 1 ของสหรัฐทันที
ขณะนี้ชื่อของนายไอย์มาน อัล-ซาวาหิรี ศัลยแพทย์ชาวอียิปต์ที่เป็นมือขวาของบิน ลาดิน เป็นตัวเก็งในอันดับต้นๆที่จะได้เป็นผู้นำอัลกิอิดะห์ แต่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าจะมีการแต่งตั้งเมื่อไหร่ และเขาอาจกลัวเรื่องความปลอดภัยของตัวเองด้วยก็ได้
พาเน็ตต้า บอกว่า ในระหว่างที่อัลกออิดะห์ยังไม่มีการแต่งตั้งผู้นำใหม่อย่างเป็นทางการ สหรัฐจะใช้โอกาสนี้เพื่อเร่งกวาดล้างเครือข่ายกลุ่มนี้ ในช่วงที่ยังมีความสับสนและถกเถียงกันเรื่องผู้นำคนใหม่
ส่วนกรณีที่คฤหาสน์ของบิน ลาดิน ตั้งอยู่ในเมืองอับบอตตาบัด ห่างจากกรุงอิสลามาบัด เมืองหลวงของปากีสถานเพียงเกือบ 60 กม. ทำให้เกิดคำถามว่า รัฐบาลปากีสถานมีส่วนรู้เห็นหรือไม่นั้น นายพาเน็ตต้า บอกว่า รัฐบาลสหรัฐยังไม่มีข้อมูลข่าวกรองที่บ่งชี้ว่า ปากีสถานล่วงรู้ว่าบิน ลาเดนอยู่ในคฤหาสน์หลังนั้น หรือ รู้ว่าคฤหาสน์นี้เป็นที่ซ่อนตัวของบิน ลาเดน แต่ปากีสถานจำเป็นต้องตอบคำถามว่าทำไมคฤหาสน์ของบิน ลาดินอยู่ใกล้กับสถาบันการศึกษาทหาร และบิน ลาดินอาศัยอยู่ที่นี่นานถึงเกือบ 5 ปีโดยไม่มีใครรู้ได้อย่างไร
แต่เมื่อถูกซักถามว่าปากีสถานควรถูกประกาศให้เป็นรัฐก่อการร้ายหรือไม่นั้น พาเน็ตต้า บอกว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและปากีสถานเป็นเรื่องซับซ้อนและยุ่งยากมาก แต่ไม่ควรปล่อยให้ความสัมพันธ์ขาดสะบั้น สหรัฐได้เข้าไปตามล่าอัลกออิดะห์ในปากีสถาน และปากีสถานก็ได้ให้ความช่วยเหลือและความร่วมมือ
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1057 ครั้ง