ปณิธานแถลง ในหลวงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ พ.ร.ฎ.ยุบสภาแล้วมีผล 10 พ.ค. จัดเลือกตั้งทั่วไป 3 ก.ค.นี้ นายกฯออกเอ็นบีทีแจงประชาชน วอนให้ทุกฝ่ายร่วมมือนำพาชาติเดินไปข้างหน้า
นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้ตรา พ.ร.ฎ.ยุบสภาสภาผู้แทนราษฎร แล้ว โดยมีผลบังคับใช้หลังประกาศในพระราชกิจจานุเบกษาในวันที่ 10 พ.ค.นี้ และ จะจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 3 ก.ค. 2554
ทั้งนี้ ในเวลา 20.30 น.วันที่ 9 พ.ค. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีจะออกรายการผ่านสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ เพื่อชี้แจงเหตุผลและความจำเป็นในการยุบสภาให้ประชาชนได้รับทราบพร้อมกับเชิญชวนประชาชนไปใช้สิทธิเลือกตั้งอย่างพร้อมเพียง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนายปณิธานแถลงเสร็จไม่นาน นายอภิสิทธิ์ ได้เดินทางลงมาจากตึกไทยคู่ฟ้า พร้อมกับ นางอัญชลี วาณิชเทพบุตร เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา และ นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งนายกฯมีสีหน้ายิ้มแย้ม พร้อมกับโบกมือให้กับคณะสื่อมวลชนที่รอบันทึกภาพ โดยนายกฯกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า “เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็มา” ทั้งนี้รถยนต์ของนายกฯได้ออกจากทำเนียบไปในเวลา 17.40 น. และเดินทางกลับบ้านพักภายในเวลา 30 นาที
หลังจากนายกฯเดินทางถึงบ้านพักไม่นาน บริเวณทำเนียบฯก็เกิดเหตุไม่คาดฝัน เมื่อฝนได้ตกลงมาอย่างหนัก ประมาณ 10 นาที จากนั้นท้องฟ้าก็แจ่มใส ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์สื่อมวลชนต่างต่างนานา
อนึ่งตลอดช่วงเช้าวันที่ 9 พ.ค. กองทัพสื่อมวลชนทั้งในและต่างประเทศได้เดินทางมาปักหลักเตรียมรายงานข่าวการประกาศยุบสภาของนายกฯ อย่างคึกคักที่บริเวณตึกสันติไมตรีหลังนอก โดยเชื่อว่าจะมีการแถลงในช่วงบ่าย แต่ปรากฎว่า ได้มีการยกเลิกกำหนดการดังกล่าวกระทั่งนายปณิธาน ได้ออกมาแถลงในช่วงเย็นแทน
ขณะที่ภารกิจนายกฯตลอดทั้งวัน เวลา 08.20 น. ได้เดินทางเข้าปฏิบัติงานที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบฯ จากนั้นเวลา 09.20 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ เดินทางเข้าพบนายกฯ นานกว่าชั่วโมง ตามด้วยนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี โดยนายกฯได้ยกเลิกกำหนดการบันทึกเทปคำปราศรัยเนื่องในวันเกษตรกร ประจำปี 2554 ณ ห้องโดมทอง ตึกไทยคู่ฟ้า และยกเลิกสัมภาษณ์พิเศษหนังสือพิมพ์มติชน จากนั้นเวลา 13.30 น. เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนมุสลิม เข้าเยี่ยมคารวะและสัมภาษณ์นายกฯ ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า
สำหรับกำหนดการวันที่ 10 พ.ค. Mr.Graeme Kraehe ประธานบริษัท Blue Scope Steel ของออสเตรเลีย เข้าเยี่ยมคารวะและรับมอบเกียรติบัตรจากนายกฯ ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบฯ จากนั้นเวลา 09.00 น. นายกฯเป็นประธานประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)
สำหรับปฏิทินทางการเมืองจากนี้ไปจนถึงวันเลือกตั้งทั่วไป 3 ก.ค.จะมีรายละเอียดดังนี้
19-23 พ.ค.54 รับสมัครเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ เวลา 08.30 – 16.30 น.ที่สนามกีฬาไทย – ญี่ปุ่น (ดินแดง)
24-28 พ.ค.54 รับสมัครเลือกตั้งแบบแบ่งเขต เวลา 08.30 – 16.30 น. ที่ผอ.กต.เขตเลือกตั้งกำหนด
26 มิ.ย.54 ลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้า เวลา 08.00-15.00 น. ส่วนสถานที่ลงคะแนน จะจัดในแต่ละจังหวัด
เมื่อเวลา 20.30น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้แถลงคำประกาศเรื่องการยุบสภาผู้แทนราษฎร ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง11 กรมประชาสัมพันธ์ ภายหลังจากที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้ตรา พ.ร.ฎ.ยุบสภาสภาผู้แทนราษฎรโดยมีผลบังคับใช้หลังประกาศในพระราชกิจจานุเบกษาในวันที่ 10 พ.ค.นี้ และ จะจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 3 ก.ค. 2554
ทั้งนี้ นายกฯ ได้กล่าวถึงแนวทางการร่วมกันเดินหน้าประเทศสู่การเลือกตั้งในวันที่ 3 ก.ค.ดังนี้
“สำหรับผม ผมเชื่อว่าการยุบสภาครั้งนี้เป็นการเริ่มต้นใหม่ด้วย เป็นการเริ่มต้นสำหรับพี่น้องประชาชนอีกครั้งหนึ่ง และเป็นการเริ่มต้นเดินหน้าประเทศไทยในการแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชนและครอบครัว…ผมจึงประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎรครั้งนี้ด้วยความเต็มใจอย่างยิ่ง และด้วยความหวังว่าพี่น้องประชาชนชาวไทยจะได้ใช้โอกาสที่สำคัญในครั้งนี้ ในการขับเคลื่อนประเทศไทยไปข้างหน้า” นายกฯ กล่าว โดยเป็นการยืนยันถึงการรักษาคำพูดตามสัญญาที่ได้ให้ไว้กับประชาชนในการประกาศให้มีการเลือกตั้งก่อนที่จะครบวาระ
นายอภิสิทธิ์ได้กล่าวยืนยันว่าประชาชนสามารถมีทางเลือกที่แท้จริงจากการเลือกตั้งนี้ในการตัดสินใจว่าจะให้ประเทศชาติเดินหน้าต่อไปอย่างไร พร้อมยืนยันว่า ครอบครัวคนไทยทั่วประเทศต่างเผชิญหน้าในปัญหาเดียวกันซึ่งต้องได้รับการแก้ไขโดยทันที “ผมตระหนักดีว่าในปัจจุบันนี้ พี่น้องประชาชนและครอบครัวจำนวนมาก ยังต้องเผชิญกับปัญหาค่าครองชีพ ข้าวของแพง รายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย และรอคอยที่จะได้มีการเดินหน้าแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้… ถามว่าสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ เป็นที่พอใจหรือไม่ ก็ต้องตอบว่า ตราบใดที่ยังมีพี่น้องประชาชนและครอบครัว …ยังคงมีปัญหา … เราพอใจไม่ได้ แต่ขณะเดียวกันเราก็พูดได้ว่า การแก้ไขปัญหาปูทางไปสู่การสร้างเศรษฐกิจที่ดี เป็นงานที่เราได้เริ่มต้นแล้ว”
นายอภิสิทธิ์ กล่าวชัดเจนว่าทั้งหมดนี้และประชาชนคนไทยและครอบครัวยังคงหวังให้รัฐบาลเดินหน้าทำงานต่อไปเพื่อยกระดับมาตรฐานความเป็นอยู่ “วันนี้ผมจึงบอกได้ว่าแม้เรายังมีงานต้องทำอีกมาก แต่เราไม่ได้เริ่มต้นจากศูนย์ และวันนี้การตัดสินใจของพี่น้องประชาชน จึงเป็นการตัดสินใจว่า วิธีที่ดีที่สุดในการเดินหน้าประเทศไทย แก้ไขปัญหานั้นคืออะไร” นายอภิสิทธิ์กล่าว
นายอภิสิทธิ์ ได้อธิบายในแถลงการณ์ถึงความมั่นใจว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการสร้างโอกาสครั้งใหญ่ให้กับประเทศในการให้ประเทศเดินหน้าต่อไปเพื่อพี่น้องประชาชนและครอบครัวบนพื้นฐานของความคืบหน้าจากการทำงานใน 2 ปีกว่าที่ผ่านมา โดยได้กล่าวถึงการทำงานของรัฐบาลที่ได้เริ่มต้นในนโยบายเรียนฟรี 15 ปี โครงการเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ประกันรายได้เกษตรกร ประกันภัยพืชผล การดูแลลูกหลานโดยการปราบปรามกวาดล้างยาเสพติด และเริ่มต้นการยกระดับความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนแล้วอย่างแท้จริง
แถลงการณ์คืนนี้ยังได้ระบุถึงความสำคัญของการให้เสียงประชาชนส่วนใหญ่ได้แสดงออกถึงความต้องการผ่านการเลือกตั้ง “การตัดสินใจในวันนี้ในการเดินหน้าประเทศ จึงเป็นการตัดสินใจว่า เราจะให้ประเทศของเรานั้นเดินไปในทิศทางไหน จะเดินไปข้างหน้า หรือจะเดินถอยหลัง หรือจะเดินวนจมปลักอยู่กับปัญหาความขัดแย้งที่ผ่าน ๆ มา ซึ่งทำให้ปัญหาอีกหลาย ๆ อย่างของพี่น้องประชาชน ซึ่งเป็นปัญหาที่แท้จริง ไม่ได้รับการแก้ไข”
“ผมหวังว่าไม่ว่าประชาชนที่ฟังอยู่จะนิยมชมชอบพรรคการเมืองใด หรือใส่เสื้อสีอะไร เราน่าจะเห็นตรงกันในบางเรื่องผมคิดว่าเราควรจะเห็นตรงกันว่าหลังจากวันนี้ไป การเมืองการปกครองของไทยนั้นต้องยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยไม่เดินออกนอกเส้นทาง ไม่เดินออกนอกรัฐธรรมนูญ ไม่เดินออกนอกกฎหมาย และใครก็ตามที่จะเข้ามาเป็นรัฐบาล มาบริหารประเทศ จะต้องยึดมั่นผลประโยชน์ของส่วนรวม และผลประโยชน์ประเทศเท่านั้น ไม่ใช่เห็นแก่ประโยชน์ของตัวตน ของพวกพ้อง ของพรรค”
ทั้งนี้ เชื่อว่าสิ่งหนึ่งที่ทุกพรรคการเมืองควรที่จะเห็นชอบด้วยได้แก่การนำปัญหาของประชาชนให้อยู่เหนือปัญหาทางการเมือง หรือของบุคคล หรือพวกพ้อง นายอภิสิทธิ์ยังได้กล่าวถึงความประสงค์ที่จะเห็นทุกพรรคการเมืองร่วมทำงาน เพื่อให้ประเทศหลุดพ้นจากวงจรของความขัดแย้งและให้ประเทศไทยเดินหน้าต่อไปได้
นายอภิสิทธิ์ได้สรุปการแถลงการณ์โดยการแสดงความรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณ และความภาคภูมิใจจากการได้รับใช้ประเทศชาติในฐานะนายกรัฐมนตรีใน 2 ปีครึ่งที่ผ่านมา
“บางวันเป็นวันที่ผมทำงานและมีความสำเร็จ ผลประโยชน์ต่าง ๆ ตกสู่พี่น้องประชาชน นั่นคือความภาคภูมิใจ นั่นคือความพึงพอใจ ของคนที่เป็นนักการเมืองอาชีพของผม แต่อีกหลายวันผมทราบดีว่างานของผมไม่ประสบความสำเร็จ ซ้ำร้ายไปกว่านั้น บางวันก็ทำให้พี่น้องประชาชนหลายส่วนผิดหวัง แต่ไม่ว่าจะเป็นวันที่พี่น้องประชาชนสมหวัง หรือผิดหวังนั้น ขอให้มั่นใจได้ว่า ผมได้ทำเต็มความสามารถ เพื่อที่จะตอบแทนสิ่งที่พี่น้องประชาชนได้มอบให้ผม…..ผมมีความเชื่อมั่นในการตัดสินใจของพี่น้องประชาชน” นายอภิสิทธิ์กล่าวในตอนท้าย
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1134 ครั้ง