ปชป.ดันว่าที่ผู้สมัครเลือดใหม่ลงชิงพื้นที่อีสาน แทนหน้าเก่าเสียงไม่ดี เผยโผว่าที่ผู้สมัครส.ส.เขตคืบหน้าแล้วกว่า 95% เตรียมเปิดตัวผู้สมัคร 14 พ.ค.นี้
นายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการคัดเลือกผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า พิจารณารายชื่อผู้สมัคร สส.เขตได้ กว่า 95% รอแต่เพียงรายชื่อผู้สมัครของบางจังหวัด หรือบางเขตที่มีการส่งรายชื่อเข้ามาหลายคน
บัญญัติ
ทั้งนี้ในส่วนของกทม.มีเพียงบางเขตที่ยังไม่สรุป ซึ่งทางพรรคก็จะมีการจัดทำโพลระหว่างผู้สมัครว่าใครจะได้รับคะแนนนิยมมากกว่ากัน ในส่วนของภาคอีสาน พิจารณาไปแล้วกว่า 80 % ส่วนหนึ่งจะมีการพิจารณาผู้สมัครหน้าใหม่แทนผู้สมัครหน้าเก่า ที่การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา คะแนนทิ้งห่่าง ครั้งนี้จึงส่งคนหนุ่มสาวที่เข้าร่วมโครงการคนรุ่นใหม่ อนาคตไทย และเป็นคนที่อยู่ในจังหวัดนั้นๆ ลงสมัคร
นายบัญญัติ กล่าวว่า พรรคไม่ได้ตั้งความหวังในพื้นที่อีสานมากนัก เพราะถือเป็นพื้นที่ที่มีการช่วงชิงมากเป็นพิเศษ แต่ก็ยังมั่นใจว่าจะมีคะแนนมากขึ้นจากพื้นที่เขตเมือง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ประชาชนใกล้ชิดข้อมูล โดยมั่นใจว่าจะได้มากกว่า 10 ที่นั่งแน่นอน ทั้งนี้จุดอ่อนคือพื้นที่ที่ไม่มี สส.เมื่อถามว่าคิดว่าจุดอ่อนของพรรคคงอยู่ในพื้นที่ใด
นายบัญญัติ กล่าวว่า จุดอ่อนของพรรคอยู่ในพื้นที่ที่ไม่มีสส. แต่เมื่อบางพื้นที่ที่มีสาขาพรรคแข็งแรงแล้วก็สามารถสื่อสารและตอบคำถามกับประชาชนได้ ซึ่งได้เตือนคนลงเลือกตั้งต้องไม่ประมาท
ส่วนขั้นตอนการคัดเลือกผู้สมัครยังต้องผู้ผ่านการคัดเลือกของคณะกรรมการบริหารพรรคในวันที่ 10 พ.ค. และ ผ่านการประชุมของคณะกรรมการคัดเลือกผู้สมัครฯ อีกครั้งในวันที่ 12 พ.ค. จากนั้นจะมีการสัมมนาว่าที่ผู้สมัครทั้งหมดในวันที่ 14 พ.ค. ซึ่งจะมีการเปิดตัวผู้สมัครสส.เขต และบัญชีรายชื่อทั้งหมดด้วย
ด้านนายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า กรณีที่พรรคเพื่อไทยเรียกร้องให้พรรคการเมืองทุกพรรคตั้งกรรมการเข้าไปตรวจสอบการตรวจการพิมพ์บัตรเลือกตั้ง ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ว่าเป็นเรื่องความหวาดระแวงเกินเหตุ พยายามที่จะสร้างเงื่อนไขให้เกิดปัญหา ทั้งที่เรื่องดังกล่าวเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของกกต.โดยตรง ซึ่งทุกพรรคควรให้ความเชื่อมั่นการทำงานขององค์กรอิสระ ไม่ควรที่จะตั้งบนความหวาดระแวง
ทั้งนี้ ในอดีตที่ผ่านมาการทำงานของกกต.แม้ว่าจะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในความบริสุทธิ์เที่ยงธรรมเพียงใดก็ตามก็ไม่เคยมีใครกดดัน หรือแทรกแซงเข้าไปตรวจสอบแต่อย่างใด แม้แต่ ในยุคของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่กกต.จัดการเลือกตั้ง ในลักษณะช่วยเหลือพรรคการเมืองบางพรรคจนถูกศาลจำคุกมาแล้วก็ตาม
นายเทพไท กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยไม่ควรที่จะหวาดระแวงหรือเข้าใจว่าการทำงานของ กกต.ทุกชุดมีความเหมือนกัน และถูกแทรกแซงได้เหมือนกับยุคของตนเอง ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์จะไม่เข้าร่วมตรวจสอบตามที่พรรคเพื่อไทยเรียกร้อง ปล่อยให้เป็นหน้าที่กกต.ทำโดยอิสระ หากเกิดเรื่องไม่ชอบมาพากลขึ้นมาพรรคก็จะใช้สิทธิตามกฏหมายเหมือนการดำเนินการ กกต.ในชุดก่อน
นายเทพไท กล่าวว่ากรณีที่โฆษกพรรคเพื่อไทยออกมากล่าวหาว่าผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์แย่งลงเขตเลือกตั้งเพราะเห็นผลโพลล์แพ้พรรคเพื่อไทยนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะพรรคได้ทำโพลประเมินคะแนนนิยมของควบคู่กับของพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอด และเห็นว่าผลสำรวจมีการสูสี ผลัดกันแพ้ชนะในบางช่วงบางเดือนเท่านั้น ผู้สมัครของพรรคยังมั่นใจว่าคะแนนนิยมของพรรคในระบบบัญชีรายชื่อยังอยู่ในจำนวนไม่ต่ำกว่า 60 คน
ทั้งนี้ พรรคให้หลักประกันกับอดีต สส.เก่าทุกคนว่าจะอยู่ในลำดับที่สามารถสอบได้เป็นสส.ทั้งสิ้น จึงไม่มีเหตุผลใดที่จะหนีการเป็น สส.ในระบบบัญชีรายชื่อไปลงสมัครรับเลือกตั้งในระบบเขตที่มีความสุ่มเสี่ยง ยากลำบากกว่าระบบบัญชีรายชื่อเสียด้วยซ้ำไป
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1180 ครั้ง