วันที่ 27 พ.ค. เวลา 07.30น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ลุยหาเสียงช่วย นายสกลธี ภัททิยกุล ผู้สมัครส.ส.เขต 11 พรรคปชป. ที่ถนนแจ้งวัฒนะ ซอย 14
ก่อนที่จะไปหาเสียงให้นายวิทเยนทร์ มุตตามระ ผู้สมัคร ส.ส. เขตบางเขน ที่ซอยวัชรพลต่อไป โดยระหว่างการเดินหาเสียงมีประชาชนมาให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก
นายสุทธิพงศ์ ศรีพาณิช อายุ 22 ปี ชาวต.ท่าผา อ.เกาะคา จ.ลำปาง และเป็นสมาชิกกลุ่มคนเสื้อแดงลำปาง เดินทางเข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.เมธี ยั่งยืน พนักงานสอบสวน สภ.เกาะคา ลำปาง หลังของถูก นายสุพล วงศ์ษา อายุ 41 ปี เป็นชาวลำปางและเป็นลูกน้องคนสนิทว่าที่ผู้สมัครสส.พรรคประชาธิปัตย์ เขต 4 ทำร้ายร่างกาย โดยบริเวณถนนหน้า วัดบ้านใหม่ท่าผา ปากทางเข้าหมู่บ้าน ท่าผา ต.ท่าผา อ.เกาะคา จ.ลำปาง
นายสุทธิพงศ์ กล่าวว่า ขณะที่ตนเองกำลัง ซ้อนรถจักรยายนต์เพื่อนจำนวน 2 คัน มาด้วยกัน 4 คน ขับรถผ่านถนนดังกล่าว โดยนำธงสีแดง ซึ่งมีรูปพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กำลังจะนำไปเก็บไว้ที่บ้านเพื่อนฝั่งตรงข้ามถนน เพื่อใช้ออกหาเสียงในวันพรุ่งนี้แต่ปรากฏมีรถหาเสียงพร้อมขบวนของพรรคประชาธิปัตย์ ผ่านมาจู่ๆ นายสุพล วงศศา อายุ 41 ซึ่งเป็นคนขับรถตู้ในขบวนหาเสียง ได้จอดรถตู้ไว้และเดินอยู่ในขบวน ก่อนจะวิ่งกรูเข้ามาชกตนเองจนล้มลง ขณะถือธง จากนั้น ตนจึงวิ่งหนีเข้าไปในซอย ประมาณ 200 เมตร แต่นายสุพล ยังไม่ยอมเลิก วิ่งไล่ตามมาชกต่อยซ้ำตนอีก จนได้รับบาดเจ็บที่ศรีษะ คอ ขา ขวา ตนเองจึงวิ่งหนีมาได้ และได้รีบ มาแจ้งความไว้ที่ สภ.เกาะคา จ.ลำปาง ดังกล่าว
ขณะเดียวกัน นาย สุพล ได้เดินทางมาที่โรงพัก แต่ไม่ยอมพูดยอมจา และยอมเสียค่าปรับ ในคดีทะเลาะวิวาท จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงจึงปล่อยตัว ไป
ส่วนคดีคุณหญิงตบผู้ช่วยหาเสียงของพรรคเพื่อไทย ที่ศาลแขวงพระนครใต้ ถ.เจริญกรุง วันที่ 26 พ.ค. พนักอัยการฝ่ายคดีศาลแขวงพระนครใต้ ได้ยื่นฟ้องคุณหญิง พวงทอง เกตุอังกูร อายุ 62 ปี เป็นจำเลย ในความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่น โดยอัยการยื่นฟ้องด้วยวาจา ระบุความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 25 พ.ค. 54 เวลาประมาณ 07.30 น. ขณะที่ น.ส.ญาณี โมฮำมัสอีสมาอีล อายุ 24 ปีผู้เสียหาย กำลังช่วยนายพงษ์พิสุทธิ์ จินตโสภณ ผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขต พรรคเพื่อไทย เขตยานนาวา-บางคอแหลม อยู่นั้น จำเลยได้ใช้มือตบผู้เสียหายที่ใบหน้า 1 ครั้งจนได้รับบาดเจ็บ
เนื่องจากไม่พอใจที่ทีมงานหาเสียงส่งเสียงดังจนเกิดความรำคาญ เหตุเกิดบริเวณตลาดสดกิ่งจันทร์ แขวงวัดพระยาไกร เขตบางคอแหลม กทม. ต่อมาผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวน สน.วัดพระยาไกร จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลสอบคำให้การจำเลยแล้วเห็นว่า กระทำผิดตามฟ้องจริง จึงสั่งปรับตามกฎหมายเป็นเงิน 500 บาท
น.ส.ญาณี กล่าวว่า หลังเกิดเหตุ ได้เดินทางไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ โดยแพทย์ได้เอ็กซเรย์ และฉีดยาแก้อักเสบให้ 1 เข็ม เนื่องจากยังมีอาการปวดระบมอยู่ จากนั้นกลับไปพักผ่อนต่อที่บ้าน พอตกกลางคืนก็มีอาการไข้ขึ้นสูง ตอนเช้าจึงเดินทางไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลมเหสักข์ ซึ่งแพทย์ได้ให้ยาแก้ปวด ยาคลายกล้ามเนื้อ และยาช่วยให้ระบบไหลเวียนโลหิตดีขึ้นมากิน จากนั้นเดินทางมาขอพบพนักงานสอบสวนเพื่อติดตามความคืบหน้าของคดี และจะกลับบ้านไปพักผ่อนต่อไป
น.ส.ญาณี กล่าวต่อว่า ตั้งแต่เกิดเรื่องจนถึงตอนนี้ ทางฝั่งคู่กรณีไม่ได้ติดต่อมาขอเจรจาหรือไกล่เกลี่ยแต่อย่างใด ซึ่งทางฝ่ายตนก็คงต้องฟ้องร้องดำเนินคดีต่อไป โดยตนกับแม่ขอยืนยันว่าจะฟ้องร้องดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ให้เรื่องไปจบที่กระบวนการในชั้นศาล ทั้งนี้ ตนทำงานให้พรรคเพื่อไทยตั้งแต่สมัยยังเป็นพรรคไทยรักไทย มานานกว่า 10 ปี ตั้งแต่ยังเป็นเด็กๆ เรียนหนังสืออยู่ก็ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน
ด้านนางอุดมลักษณ์ จันทร์มา อายุ 49 ปี หัวหน้าทีมงานหาเสียง กล่าวว่า ทุกครั้งที่เข้าสู่ช่วงการเลือกตั้งก็จะเจอเหตุการณ์โห่ไล่เพียงปกติเท่านั้น แต่เหตุการณ์แบบเมื่อวานนี้ที่ถึงขั้นลงมือทำร้ายร่างกายนั้นไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่อย่างไรก็ตามทางผู้สมัครได้กำชับไว้ว่าไม่ให้ตอบโต้หรือใช้อารมณ์ ซึ่งตนคิดว่า การมีความคิดเห็นที่แตกต่างนั้นสามารถทำได้ แต่การลงมือทำร้ายร่างกายรุนแรงแบบนี้คงไม่สามารถยอมความได้ เพราะเกรงว่าจะไปลงมือทำกับคนอื่นอีก จึงต้องมาแจ้งความดำเนินคดีเพื่อขอความเป็นธรรม ซึ่งด้านครอบครัวของ น.ส.ญาณี เองก็ยืนยันว่าจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1090 ครั้ง