วันที่ 6 มิ.ย.เวลา 10.00น.มีการประชุมคณะที่ปรึกษาและคณะกรรมการบริหารพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) นำโดยนายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาพรรค โดยมีวาระสำคัญ คือ การประเมินถึงสถานการณ์หาเสียงเลือกตั้งของพรรค
จากนั้น เวลา 11.30น.นายบรรหารได้ลงมาจากห้องประชุมด้วยสีหน้ายิ้มแย้มและอารมณ์ดีพร้อมกันนี้ได้โชว์ไม้เท้าสีชมพูประดับหัวสิงห์ซึ่งสั่งทำใหม่เป็นพิเศษแทนอันเดิมที่ใช้มาก่อนหน้านี้ และได้นำรูปภาพน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัครสส.บัญชีรายชื่ออันดับ 1 พรรคเพื่อไทย และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี มาแสดงด้วยโดยนายบรรหาร ระบุว่า ส่วนตัวคิดดูว่าจะสร้างละครเรื่อง “ปรองดองคล้องใจ”จะให้น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นนางเอก และนายอภิสิทธิ์เป็นพระเอก ผู้หญิงก็สวย ผู้ชายก็หล่อ เหมาะสมกันดี โดยจะขอเป็นพ่อสื่อให้ แต่เป็นเรื่องละคร แต่เรื่องการเมืองคงเป็นไปไม่ได้ คงตีกันยับ และหลังเลือกตั้งจะสร้างจริง ๆ
“สมมุติถ้าทั้งสองคนจับขั้วกันจริงก็ไม่เป็นไรพรรคชาติไทยพัฒนาเป็นฝ่ายค้านก็ได้ ไม่ขัดข้อง แต่การเมืองเป็นไปไม่ได้หรอก แต่ถ้าละครเป็นไปได้ แต่การเมืองคงจะยาก ถ้าให้ผมเป็นพ่อสื่อของทั้งสองคนหรือสินสอดเรื่องเล็ก เท่าไหร่ก็เท่ากันพ่อสื่อจะดูแลให้ เพราะเห็นในหน้าสื่อทะเลาะกันทุกวัน โต้กันไปมาจะให้ทำอย่างไรกว่าจะถึงวันเลือกตั้งประชาชนคงจะเบื่อพอสมควร”นายบรรหาร กล่าว
สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างพรรคชาติไทยพัฒนาและภูมิใจไทย (ภท.) ในฐานะพันธมิตรทางการเมือง นายบรรหาร กล่าวว่า ยังเป็นสัญญากันอยู่พรรคภูมิใจไทยทุกคนอย่าตื่นเต้นไปเลย เพราะการไปตื่นเต้นตรงนี้มันเป็นเรื่องของกระแสที่พรรคเพื่อไทยไปบอกว่าจะจัดตั้งรัฐบาลโดยมีพรรคชาติไทยพัฒนาและพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดินโดยไม่มีพรรคภูมิใจไทยเท่านั้นไม่มีอะไร
“สื่อก็ไปเขียนเป็นข่าว ทางภูมิใจไทยก็เลยพูดดักทางไว้ก่อนว่าจะไปคนเดียวหรือ เราเองไม่ได้พูดซักคำว่าจะไปหรือไม่ไป ต้องดูคะแนนเสียงของการเลือกตั้งก่อน เราทำอะไรต้องหารือกันทั้ง 2 ฝ่าย”นายบรรหาร กล่าว
เมื่อถามว่าจะเป็นรัฐบาลและฝ่ายค้านหรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า ก็ได้ อย่างนี้ต้องหารือกัน ถ้าจะเป็นฝ่ายค้านก็เป็น จะเป็นฝ่ายรัฐบาลก็เป็น แต่ต้องดูเหตุผลด้วยว่าถ้าเป็นฝ่ายค้านบ้านเมืองไปได้หรือไม่ ถ้าบ้านเมืองไปไม่ได้ต้องทำความเข้าใจกัน ต้องหารือกันว่าหากบ้านเมืองไปไม่ได้ก็ต้องหารือกัน เข้าใจมั้ย ถ้าบ้านเมืองไปไม่รอดก็แย่ อย่างคราวที่แล้วพรรคประชาธิปัตย์ ชาติไทยพัฒนา และพรรคเพื่อแผ่นดินประมาณไว้290 แต่ออกมาแค่ 210 เสียงไปไม่ได้ แล้วจะทำอย่างไร
“ไม่มีหรอก ไปบอกนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทยได้เลยว่าไม่มีอะไร เติ้งพูดอย่างไงก็พูดอย่างงั้น อาพูดอะไรก็บอกกับหลานแบบนี้ แต่หลานจะมีมุขอะไรต้องบอกกันก่อน อย่างคราวก่อนออกมุขมาตกใจเลย ที่บอกว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ และนายอภิสิทธิ์ จะไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี มีมุขอะไรก็น่าจะบอกกันก่อนจะได้รับมุขกันได้”นายบรรหาร กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีความขัดแย้งกับนายอภิสิทธิ์ที่ระบุว่าผิดสัญญากับพรรคชาติไทยพัฒนาเพียงเรื่องเดียว คือ การไม่ได้พาครอบครัวไปบึงฉวากจ.สุพรรณบุรี นายบรรหาร กล่าวว่า ถามแบบนี้จะให้ไปทะเลาะกับนายอภิสิทธิ์อีกหรือ ทั้งนี้ที่ผ่านมาได้เคยบอกกับนายอภิสิทธิ์ไปว่าถ้าว่างจะพาท่านไปบึงฉวาก แต่มายุบสภาพอดี
ภท.ถอยไม่ตั้งรัฐบาลแข่ง
วันที่ 7 มิ.ย.นายประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ ประธานส.ส.พรรคภูมิใจไทย (ภท.) คนสนิทนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรค ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) เสนอสูตรจัดตั้งรัฐบาลขั้วที่ 3 โดยให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทย จับมือร่วมงานทางการเมืองเพื่อความปรองดองว่า เป็นการแสดงความคิดเห็นของพล.ต.สนั่น แต่พรรคภูมิใจไทยยังยืนยันเหมือนเดิมว่า ถ้าจะร่วมงานกับใครต้องมีการหารือกันในกรอบให้ประเทศเดินไปได้และได้ประโยชน์ และประชาชนไม่แตกแยก แต่ถ้าพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทยร่วมมือเพื่อไม่ให้แตกแยก โดยมีพรรคชาติไทยพัฒนาด้วยก็เป็นเรื่องที่ดี และพรรคภูมิใจไทยก็ยินดีด้วย
นายประจักษ์ กล่าวต่อไปว่า หากมีการร่วมตั้งจัดตั้งรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อไทย และชาติไทยพัฒนาจริง โดยมีพล.ต.สนั่นเป็นนายกรัฐมนตรีก็เป็นเรื่องน่ายิ่งดีใหญ่ ส่วนพรรคภูมิใจไทยจะมีการร่วมรัฐบาลหรือไม่ ถึงเวลานั้นเสียงของรัฐบาลน่าจะเพียงพอแล้ว พรรคภูมิใจไทยคงไม่ได้เข้าไปร่วม เมื่อถามว่าแต่พรรคชาติไทยพัฒนาก็เป็นพันธมิตรทางการเมืองกับพรรคภูมิใจไทย จะเข้าไปร่วมตั้งรัฐบาลอีกพรรคหรือไม่ นายประจักษ์ กล่าวว่า “ เราคงไม่ทำความยุ่งยาก ” เมื่อถามว่าขณะนี้กระแสความนิยมของนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยก็ยังไม่ดีขึ้นจะมีการปรับแผนหาเสียงหรือไม่ นายประจักษ์ กล่าว่า พรรคก็ยังหาเสียงตามปกติ เมื่อลงพื้นที่ก็ได้รับเสียงตอบรับพอสมควร จึงมั่นใจว่าจะได้ส.ส.เขตมากกกว่า ส.ส.บัญชีรายชื่อ
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1206 ครั้ง