วันที่ 8 มิ.ย. นายแก้วสรร อติโพธิ คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) และแกนนำเครือข่ายพลเมืองคัดค้านนิรโทษกรรมคอรัปชั่นทักษิณ (คนท.) กล่าวเมื่อวันพุธ กรณีนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทยจะแจ้งความเอาผิด โดยอ้างว่ากล่าวหา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 พรรคเพื่อไทย ให้การเท็จต่อศาลในคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่า เตรียมพร้อมต่อสู้คดีอยู่แล้ว เดิมนึกว่าเพื่อไทยจะหาคนที่เคารพและรู้กฎหมายให้ออกมาเอาเรื่อง
“แต่ดันเอานายณัฐวุฒิ คนยุยงประชาชนเผาบ้านเมืองติดคดีความป่วนเมืองหลายกระทง ด่าศาลซ้ำซากอย่างณัฐวุฒิออกมาชนอย่างนี้ แสดงว่าต้องการเอากฎหมายมาบู๊มาขู่ให้คนกลัวจนไม่ร่วมกล่าวโทษกับเราเท่านั้นเอง นี่แสดงว่าความเคลื่อนไหวกล่าวโทษของ คนท.ครั้งนี้ ไปเหยียบตาปลา ไปขัดขวางแผนนิรโทษกรรมนายใหญ่ของเขาจริงๆ อย่างที่เราเข้าใจ”
นายแก้วสรรยืนยันว่า สิทธิพูดจริงหรือเท็จต่อศาลอย่างไรก็ได้นั้น มีแต่จำเลยเท่านั้นที่จะมีสิทธิไม่ถูกบังคับให้ปากคำให้ร้ายตัวเอง ส่วนพยานเช่น น.ส.ยิ่งลักษณ์และพวก ในคดียึดทรัพย์ทักษิณนั้นไม่ใช่จำเลย ถูกนำขึ้นเบิกความเพื่อยืนยันต่อศาล ว่าได้ซื้อหุ้นจากพี่ชายจริงหรือไม่ ก็เบิกความยืนกระต่ายขาเดียวอยู่อย่างเดียวว่าได้ซื้อจริง แต่ศาลก็ตัดสินในที่สุดว่าเชื่อไม่ได้ แล้วอย่างนี้ไม่เรียกว่าเอาความเท็จมาป้อนให้ศาลได้อย่างไร
“กฎหมายประเทศไหนให้สิทธิน้องสาวโกหกศาลช่วยพี่ชาย ให้พยานศาลพูดอะไรก็ได้ อย่างที่นายณัฐวุฒิหรือเต้นไปจำขี้ปากใครเขามา”
เขากล่าวอีกว่า เราไม่สงสาร น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพราะยอมรับใช้พี่ชายซุกหุ้นมาครั้งหนึ่งแล้ว ให้การเท็จ เบิกความเท็จ ก็ยอมทุกอย่าง แต่แทนที่พี่ชายจะได้สำนึกว่าใช้ลูกใช้น้องสาวไปในทางไม่ถูก เสี่ยงคุกตะรางฐานโกหกศาล ก็กลับไม่มีเมตตา ผลักน้องสาวลงมายากลำบากสมัคร ส.ส. เพื่อผลักดันกฎหมายนิรโทษฯ ให้พี่ชายอีก
“น.ส.ยิ่งลักษณ์เองแทนที่จะสำนึกว่าโชคดีที่กฎหมายไทยยังนิ่งไม่เอาเรื่อง เธอก็กลับรับจ๊อบยอมเป็นหุ่นให้พี่ชายอีก ดังนั้นเมื่อเธอลงสมัครรับเลือกตั้ง ก็ชัดเจนแต่บัดนั้นแล้วว่าเธอไม่ใช่เหยื่อของพี่ชายอีกต่อไป แต่เป็นตัวการร่วมสมคบกับพี่ชายเลยทีเดียว การตัดสินใจลงเลือกตั้งของเธอ จึงเป็นก้าวแรกของแผนนิรโทษกรรม และกระทำโดยจิตใจที่ชัดเจนแล้วว่าไม่รู้สึกผิดเลย เราจึงจำเป็นและมีความชอบธรรมที่จะแจ้งความเธอได้ ตั้งแต่วันที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์สมัครรับเลือกตั้งแล้ว นี่เองคือคำอธิบายว่าทำไมจึงแจ้งความ น.ส.ยิ่งลักษณ์และพวก หลังจากปรากฏความผิดมาตั้ง 15 เดือนแล้ว” นายแก้วสรรย้ำ
นายแก้วสรรกล่าวด้วยว่า ความเคลื่อนไหวกล่าวโทษ น.ส.ยิ่งลักษณ์ครั้งนี้เป็นเหรียญสองด้าน ด้านหนึ่งคือด้านในทางกฎหมายวิธีพิจารณาความที่เป็นการกล่าวโทษ น.ส.ยิ่งลักษณ์และพวก ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินคดีฐานให้ข้อมูลเท็จต่อทางการต่างกรรมต่างวาระ ซึ่งในทางกฎหมายนั้นจะลงนามกล่าวโทษ เพียง 1 หรือแสนคนก็ได้ ตรงจุดนี้เองที่นายณัฐวุฒิและนายพร้อมพงศ์ได้ออกมารับใช้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ โดยโวยวายว่าการรวมชื่อแจ้งความอย่างนี้เป็นการกลั่นแกล้งใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ลงชื่อนายแก้วสรรกับหมอตุลย์ส่งไป 2 คนก็พอแล้ว แล้วมาเคลื่อนไหวล่าชื่อกันกลางเมืองทำไม
“คำถามที่ต้องถามกลับไปยังหุ่นทั้งสองตนก็คือว่า ในเมื่อฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษนั้นลงนามเพียงคนเดียวก็ได้ แล้วทำไมทักษิณและหุ่นถึงกะเกณฑ์ล่าชื่อพสกนิกรลงนามในฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้ทักษิณระดมกันให้ถึงล้านคนด้วย นั่นคือการใช้สิทธิโดยสุจริต โดยบังควร โดยจงรักภักดีแล้วหรือ มันมีความชอบธรรมอะไรที่คนถึงล้านคนโผล่ออกมาถวายฎีกาในหลวง ร้องขอแทนทักษิณเพื่อประโยชน์ส่วนตัวของทักษิณเป็นการส่วนตัวเช่นนั้น” นายแก้วสรรกล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับการให้การเท็จต่อศาลจะมีอายุความ 10 ปี ทั้งนี้ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 177 ผู้ใดเบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีต่อศาล ถ้าความนั้นเป็นข้อความสำคัญในคดี ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ หากความผิดดังกล่าวได้กระทำในการพิจารณาคดีอาญา ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 14,000 บาท
นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวเรื่องเดียวกันว่า ไม่รู้สึกหนักใจ เพราะความเคลื่อนไหวนี้ไม่เกินความคาดหมาย นายแก้วสรรและ นพ.ตุลย์ก็แค่รับจ๊อบมาตามเทศกาลที่ถูกวางแผนเป็นขั้นตอนอย่างดี และเป็นที่รู้กันดีว่า เป้าหมายคือหวังผลทางการเมืองในการเลือกตั้ง เพราะนายแก้วสรรก็แค่คนรับใช้คณะรัฐประหาร นพ.ตุลย์ก็เคยร่วมกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยยึดสนามบิน เมื่อกระแสเสื้อเหลืองอ่อนลงก็เปลี่ยนมาตั้งกลุ่มเสื้อหลากสี
นายนพดลกล่าวว่า ส่วนข้อกล่าวหาว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งเป็นพยานได้ให้การเท็จในคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น ในทางกฎหมายพยานสามารถให้การตามความจริงในขณะนั้น ซึ่งอาจจะมีความเห็นแตกต่างกับความเห็นของศาลได้ แต่เมื่อศาลไม่เห็นด้วยแล้วมาอ้างภายหลังว่า พยานให้การเท็จไม่ตรงกับศาลต้องถูกดำเนินคดี ถ้าเป็นอย่างนี้คนที่เป็นพยานในชั้นศาลไม่ต้องติดคุกทั้งประเทศหรือ
รายงานข่าวจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ระบุว่า ถึงกรณีเครือข่ายพลเมืองอาสาปกป้องแผ่นดิน เตรียมยื่นร้องทุกข์กล่าวโทษ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต่อดีเอสไอ ในวันที่ 21 มิ.ย. นั้น ตามหลักการแล้วเราสามารถรับหนังสือร้องทุกข์กล่าวโทษไว้ได้เลย แต่ต้องดูว่าข้อกล่าวหาคืออะไร โดยจะมีการตรวจสอบเบื้องต้นว่าเข้าเงื่อนไขของคดีพิเศษหรือไม่ ถ้าหากไม่เข้าเงื่อนไข ก็ต้องส่งเรื่องให้คณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) พิจารณา ซึ่งจะมีการประชุมเดือนละ 1 ครั้ง แต่ถ้าหากพิจารณาแล้วเห็นว่ามีความเชื่อมโยงกับคดีพิเศษเดิม ก็สามารถรับเข้าเป็นคดีพิเศษได้ทันที
นายอภินันท์ อิศรางกูร ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวว่า ตอนนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นเอกชน ป.ป.ช.ไม่มีอำนาจหน้าที่ไปตรวจสอบ ขณะนี้เรื่องที่ ป.ป.ช.สอบสวนค้างอยู่ต่อจาก คตส. ก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเรื่องเดิมๆ แต่หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส. ทาง ป.ป.ช.จะดำเนินการสอบสวนหรือไม่นั้น ต้องขอดูข้อเท็จจริงก่อน
นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง รองประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า คณะกรรมการตรวจสอบของ ก.ล.ต. อยู่ระหว่างดูข้อเท็จจริงการแจ้งข้อมูลการซื้อขายหุ้นของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในอดีตที่ผ่านมา ถูกต้องหรือไม่ โดยทางเจ้าหน้าที่จะรายงานข้อมูลให้คณะกรรมการ ก.ล.ต.รับทราบในการประชุมครั้งต่อไป
“ตอนนี้ทาง ก.ล.ต.รอนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการ ก.ล.ต. กลับมาจากต่างประเทศ เพื่อดำเนินการเรื่องนี้ และรายงานให้คณะกรรมการฯ รับทราบว่า มีความผิดเกี่ยวข้องกับกฎหมาย ก.ล.ต.หรือไม่” นายอารีพงศ์กล่าว
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวว่า เบื้องต้นจะต้องดูว่าเข้าองค์ประกอบใดหรือไม่ ยืนยันว่า กกต.ต้องทำทุกอย่างด้วยความระมัดระวังในช่วงที่มีการแข่งขันรุนแรง หากพรรคเพื่อไทยร้องมา กกต.ก็จะดำเนินการพิจารณาตามปกติ
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1065 ครั้ง