ยิ่งลักษณ์ ลง 3 จังหวัดใต้ เผยไม่ได้หวังได้ สส. เพิ่ม หนุน เป็นเขตปกครองพิเศษแบบพัทยา
วันที่ 14 มิ.ย.น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ลำดับ 1 พรรคเพื่อไทย ได้เดินทางลงพื้นที่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเริ่มจุดแรกที่ จ.นราธิวาส
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวก่อนออกเดินทางว่า การเดินทางลงพื้นที่ครั้งนี้จะสนับสนุนให้พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ เป็นเขตปกครองพิเศษเหมือนเช่นเมืองพัทยา ส่วนตัวไม่ได้ตั้งเป้าว่าในพื้นที่จะได้ ส.ส.จำนวนกี่ที่นั่ง แต่ต้องการลงพื้นที่เพื่อเสนอนโยบายมากกว่า และอยากไปให้กำลังใจประชาชนในพื้นที่ ซึ่งพรรคเพื่อไทยไม่ต้องการเห็นการใช้ความรุนแรง ส่วนการเดินทางครั้งนี้ไม่ได้กังวลอะไร และไม่ได้ห้อยพระอะไรเป็นพิเศษ เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้รับพรจากพระในพื้นที่ที่ลงช่วยหาเสียงมาโดยตลอดแล้ว
ปรับกลยุทธ์หาเสียงเอาคืนปชป.
มีรายงานจากพรรคเพื่อไทย เปิดเผยถึงยุทธศาสตร์หาเสียงของพรรค ในช่วงก่อนถึงโค้งสุดท้ายว่า พรรคได้มีการปรับแผนการหาเสียง เป็น 2 ส่วนด้วยกันคือ กรณีการเดินสายหาเสียง ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถ้าสังเกตให้ดี จะมีการย้อนกลับไปหาเสียง ในจุดที่ได้เคยลงพื้นที่ไปแล้ว
ทั้งนี้ จุดประสงค์ในการลงซ้ำ จะเน้นลงพื้นที่ ซึ่งก่อนหน้านี้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคพรรคประชาธิปัตย์ ได้ลงไปแล้ว เพื่อเป็นการตามเก็บแต้ม เช่นการลงพื้นที่ภาคเหนือ ไม่ว่าจะเป็นเชียงใหม่ ลำพูน หรือในช่วงกลางสัปดาห์นี้ พรรคก็มีกำหนดการลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ยโสธร ซึ่งก็เป็นพื้นที่ ที่ นายอภิสิทธิ์ ลงไปแล้ว และเป็นจังหวัดที่เป็นฐานเสียง ของพรรคประชาธิปัตย์
แหล่งข่าวระดับสูง จากพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า การลงพื้นที่ถี่ขึ้น ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในระยะหลัง รวมถึงช่วงโค้งสุดท้าย ก็เพื่อเป็นการสะสมคะแนนเพิ่มขึ้น เนื่องจากพรรคมั่นใจว่า เป็นฝ่ายชนะเลือกตั้งแน่นอนแล้ว
“ที่ต้องการคะแนนเพิ่มขึ้น ก็เพื่อเป็นชัยชนะที่ขาดลอย ถล่มทลาย เพื่อปิดโอกาสพรรคอันดับ 2 ไม่ให้มีความชอบธรรมในการจัดตั้งรัฐบาล โดยขณะนี้ พรรคได้มีการพูดคุยกันแล้ว กับพรรคการเมืองที่จะเข้ามาร่วมรัฐบาล ซึ่งได้แก่พรรคชาติไทยพัฒนา และพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน รวมถึงพรรคการเมืองอื่นที่ได้ที่นั่งในสภา ยกเว้นพรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทย” แหล่งข่าวรายนี้ระบุ
ยุทธศาสตร์ที่ 2 ว่า ในส่วนของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์พยายามโจมตีเรื่องนิรโทษกรรม พรรคได้พลิกเกม ด้วยการไม่ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตอบเรื่องนิรโทษกรรม โดยให้มุ่งประเด็นไปที่การแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน
นอกจากนั้น ก็จะให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ คงภาพของการเป็นผู้หญิงทำงาน ฉีกตัวเองออกจากประเด็นความขัดแย้งทางการเมือง โดยคำพูดที่จะเป็นจุดขายหลักของน.ส.ยิ่งลักษณ์คือ “เข้ามาเพื่อแก้ปัญหาของพี่น้องประชาชน ไม่ใช่แก้ปัญหาให้พี่ชาย”
“ตอนนี้ ตัวช่วยของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีเพียงตัวเดียวคือ ผลงานที่ผ่านมา 2 ปีของรัฐบาลอภิสิทธิ์ เพราะความผิดพลาดในหลายเรื่อง ได้ทำให้คนที่เคยเลือกประชาธิปัตย์เปลี่ยนใจ กระแสยิ่งลักษณ์ และพรรคเพื่อไทย ที่แรงทั้งในกทม.และต่างจังหวัด ล้วนมาจากตัวนายอภิสิทธิ์และรัฐบาลทั้งสิ้น” แหล่งข่าวระดับสูงรายนี้ ระบุ
สำหรับประเด็นที่พรรคประชาธิปัตย์ พยายามจะปลุกให้เกิดแรงต้าน โดยเฉพาะประเด็นเรื่องนิรโทษกรรมนั้น แหล่งข่าวจากพรรคเพื่อไทย เห็นว่า เป็นความคิดที่เสียเวลาเปล่า เพราะพรรคจะยังไม่ทำอย่างแน่นอน อย่างน้อยในวาระแรกที่ได้เข้าไปเป็นรัฐบาล จะเน้นแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และปัญหาปากท้องของประชาชนเป็นอันดับแรก รวมถึงนโยบายบัตรเครดิตเกษตรกร ที่จะออกมาภายใน 90 วัน
ส่วนประเด็นนิรโทษกรรมนั้น จะไม่ใช่เกิดจากการดำเนินการโดยพรรคเพื่อไทย แต่จะต้องมาจากเสียงเรียกร้องของประชาชน
“แน่นอนว่า เรายังไม่ทำทันที สำหรับการนิรโทษกรรม และถ้าจะทำ ก็ต้องให้เป็นประชามติของเสียงส่วนใหญ่ของประเทศ วันนี้ ปัญหาใหญ่เร่งด่วนคือ แก้ปัญหาในสิ่งซึ่งรัฐบาลอภิสิทธิ์ทำไม่ได้ และในวันที่ 18 มิ.ย.นี้ พรรคก็จะออกแคมเปญเลือกตั้งอีกชุดหนึ่ง ซึ่งรับรองว่า ต้องฮือฮาแน่นอน” แหล่งข่าวรายเดิม กล่าว
“พรรคเล็ก-พรรคกลาง”จองเก้าอี้ รมต.
รายงานข่าวจากจากแกนนำอดีตพรรคร่วมรัฐบาล เปิดเผยว่า ขณะนี้ พรรคร่วมรัฐบาลเดิม ได้มีการเตรียมจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรี ของพรรคตัวเองไว้หมดแล้ว โดยได้มีการพูดคุยทาบทามกันแบบหลวม ๆ กับแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ และแกนนำพรรคเพื่อไทยว่า หากเข้าร่วมรัฐบาล ต้องการที่จะรับผิดชอบและดูแลกระทรวงใด
“หากพรรคเพื่อไทย ได้ ส.ส. มาเป็นอันดับหนึ่ง พรรคที่จะเชิญเข้าร่วมรัฐบาล คือ พรรคชาติไทยพัฒนา และพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน โดยพรรคชาติไทยพัฒนา ในสัดส่วนของนายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ได้ขอโควต้าเก้าอี้ กระทรวงเกษตรฯ กระทรวงกีฬา และการท่องเที่ยว พร้อมทั้งขอโค้วต้ากระทรวงพาณิชย์เพิ่มเติม เพื่อแก้ปัญหาสินค้าทางการเกษตร ทั้งระบบ” แหล่งข่าวรายนี้ ระบุ
สำหรับ โควต้าในส่วนของ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา หากไม่ได้เสนอชื่อเป็นนายกฯ ก็จะขอสละสิทธิ์ตำแหน่งรัฐมนตรี ให้กับลูกชาย คือนายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ และขอเก้าอี้รมว.คมนาคม ให้กับนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์
ขณะที่ โควต้าของพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน ได้มีการขอโควต้า รมว.พลังงาน ให้กับ น.พ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล หัวหน้าพรรค และขอกระทรวงไอซีที ให้กับกลุ่มของว่าท่ีร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี รวมทั้งขอเก้าอี้เพิ่มเติม ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ ให้กับนายกรพจน์ อัศวินวิจิตร หัวหน้าทีมเศรษกิจของพรรค รวมถึงขอเก้าอี้รมช. คลัง หรือ รมช.คมนาคม ด้วย
ในกรณีที่พรรคเพื่อไทย จัดตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จ พรรคประชาธิปัตย์ก็จะดำเนินการตั้งรัฐบาลแข่งทันที โดยจะเชิญพรรคภูมิใทย พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน พรรคมาตภูมิ และพรรคกิจสังคม ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาลเดิมเข้าร่วม โดยพรรคประชาธิปัตย์ มีเงื่อนไขว่า ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ต้องเว้นไว้ให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เท่านั้น และขอดูแลในกระทรวงหลัก ได้แก่ รองนายกฯด้านความมั่นคง กระทรวงการคลัง กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงสาธารณสุข
สำหรับ พรรคชาติไทยพัฒนา และพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน ยังคงยื่นโควต้าเดิม ที่เสนอให้แกนนำพรรคเพื่อไทยพิจารณา ส่วนพรรคภูมิใจไทย ได้เสนอขอโควต้ากระทรวงเกรดเอเกือบทั้งหมด ได้แก่ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ
ขณะที่ พรรคกิจสังคม ของนายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคกิจสังคม ยังคงเป็นโควต้าเดิม คือ รมว.ทรัพยากรฯ และพรรคมาตุภูมิ ของ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ที่จะต้องเข้ามาเบียดแทรกในส่วนของกระทรวงด้านความมั่นคง อย่าง กระทรวงกลาโหม เป็นต้น
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1075 ครั้ง