วันที่ 23 มิ.ย.การปราศรัยของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ราชประสงค์ เป็นที่จับตาของหลายฝ่าย เป็นยุทธ์ศาสตร์ที่ปชป.หวังเรียกคะแนนนิยม โดยเฉพาะจากคนกรุงเทพฯ โดยวางตัว นายชวน หลีกภัย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ปราศรัย
นายบุญยอด สุขถิ่นไทย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยถึงรูปแบบการจัดปราศรัยใหญ่ที่ราชประสงค์ว่า เบื้องต้นจะเป็นการปราศรัยที่เรียบง่าย โดยการจัดงานจะไม่ให้กระทบกับปัญหาจราจรบริเวณนั้น เพื่อป้องกันบางฝ่ายนำไปโจมตี หรือนำไปกลั่นแกล้ง โดยเนื้อหาการปราศรัยจะระมัดระวังไม่ให้ผิดกฎหมาย และไม่ซ้ำเติมการเสียชีวิต
“จะปราศรัยด้วยหลักฐาน ทั้งความจริงของเหตุการณ์ชุมนุม ที่เกิดขึ้นทั้งหมด และแนวทางดับไฟประเทศนี้ ที่สำคัญนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ ประธานยุทธศาสตร์หาเสียง ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะปราศรัยเปิดเผยถึงสถานการณ์การชุมนุมขณะนั้นว่า มีการเจรจาเพื่อให้เกิดการปรองดอง แต่สุดท้ายกลับถูกปฎิเสธ จากแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง” นายบุญยอด กล่าว
ทั้งนี้ ในส่วนประโยคที่ติดไว้ที่หลังเวที เพื่อสื่อสารให้กับประชาชนนั้น นายบุญยอดปฏิเสธว่า ยังไม่ทราบรายละเอียด แต่จะมีการถ่ายทอดภาพและเสียง ของเหตุการณ์ที่ผ่านมา ผ่านจอโปรเจคเตอร์ขนาดใหญ่ที่ติดที่ด้านหลังเวที
ด้านนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การจัดงานมีความพร้อมแล้ว แต่ยังกังวลว่า จะมีผู้มาฟังการปราศรัยเป็นจำนวนมาก จนล้นไปที่ถนนหน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์ แต่ขณะนี้ พรรคก็ได้เจรจากับเอกชน จนสามารถขอพื้นที่เช่าเพิ่มเติมได้แล้ว พร้อมทั้งติดตั้งเต็นท์ตามจุดต่าง ๆ
ส่วนการติดตั้งเครื่องเสียง เพื่อรับฟังการปราศรัย ได้เน้นระบบเสียงให้มีการกระจายให้ทั่วถึง ตั้งแต่แยกราชประสงค์ จนถึงแยกประตูน้ำ ให้ครอบคลุมรอบพื้นที่
อย่างไรก็ตาม เขาอยากให้แผงลอยของผู้ค้า ที่อยู่รอบบริเวณ สามารถขายของได้เหมือนเดิม เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบ
ผู้สื่อข่าวถามว่า การปราศรัยจะมีการฉายวิดีโอ เพื่อใช้ประกอบการปราศรัยหรือหรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า “อาจจะทำพิเศษก็ได้ ขอให้ดูในวันนี้”
มั่นใจยุทธศาสตร์ราชประสงค์ได้ผล
นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้อำนวยการศูนย์เลือกตั้ง กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ พรรคจะเปิดปราศรัยที่แยกราชประสงค์ในช่วงเย็นวันนี้ ว่า เป็นการขอโอกาสในการชี้แจงข้อเท็จจริง เกี่ยวกับความขัดแย้งทางการเมือง การชุมนุมประท้วง จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตถึง 91 ราย เมื่อเดือนพฤษภาคมปีก่อน เพราะว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ถูกโจมตี กล่าวหาใส่ร้ายว่า สั่งฆ่าประชาชน และจะพูดถึงแนวทางในอนาคตว่า จะดำเนินนโยบายอย่างไรหลังเลือกตั้ง
ทั้งนี้ ผู้ที่จะขึ้นเวทีในวันนี้ ประกอบด้วย นายอภิสิทธิ์ หัวหน้าพรรค , นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และเลขาธิการพรรค , นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกฯ ในช่วงดังกล่าว และ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาของพรรค
ส่วนกรณีที่ พรรคเพื่อไทย ออกมาระบุว่า จะมีการก่อเหตุความวุ่นวายนั้น ไม่น่าเป็นห่วง เพราะมั่นใจว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะจัดการได้ และไม่ห่วงเรื่องผลโพลที่พรรคเป็นรองในเขตกรุงเทพมหานคร เพราะยังเชื่อว่า โค้งสุดท้ายจะสามารถโน้มน้าวใจให้พลังเงียบ หันมาเลือกผู้สมัครของพรรคได้
แหล่งข่าวระดับสูง จากพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า จนถึงวันนี้ พรรคมีความเชื่อมั่นมากว่า ยุทธศาสตร์ล่าสุดนี้ จะได้ผลแน่นอน เพราะทำให้คนที่ยังลังเล ได้ตัดสินใจ หลังจากรับรู้ข้อมูล ข้อเท็จจริงเพิ่มขึ้น ก่อนจะลงคะแนนเลือกพรรคประชาธิปัตย์
“เรามั่นใจว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยได้ไม่ถึงครึ่ง รับรองว่า ได้เป็นฝ่ายค้านล้านเปอร์เซ็นต์” แหล่งข่าวกล่าว
มาร์คเปิดใจเวอร์ชั่น 6 นิรโทษกรรม
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เขียนข้อความลงเฟสบุ๊ค ผ่าน Abhisit Vejjajiva เมื่อ 22 มิถุนายน 2011 เวลา 21:08 น. ตอน นิรโทษกรรมกับ 91 ศพ ว่า ผมไม่แปลกใจที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ออกมาให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศอย่างมั่นอกมั่นใจหลายครั้งว่า จะกลับประเทศไทยในเดือนธันวาคม เพื่อร่วมงานแต่งงานของบุตรสาวคนโต ถ้าคุณทักษิณกลับประเทศไทยในฐานะคนไทยที่อยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน ไม่ว่าอย่างไรคุณทักษิณ ก็คงใม่สามารถไปงานแต่งงานบุตรสาวได้อย่างแน่นอน เพราะคุณทักษิณเป็นนักโทษหนีคดีที่ศาลฎีกาตัดสินความผิดให้ลงโทษจำคุก 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา แต่ที่คุณทักษิณ มั่นใจว่าจะกลับมาในเดือนธันวาคมก็เพราะ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประกาศชัดเจนว่างานสำคัญของรัฐบาลเพื่อไทยอันดับแรก คือ การนิรโทษกรรม ซึ่งในทางการเมืองหากพรรคเพื่อไทยได้คะแนนมาเป็นอันดับ 1 การจัดตั้งรัฐบาลก็คงใช้เวลาไม่น่าจะเกินเดือนสิงหาคม
นับจากนั้นไปถึงเดือนธันวาคม ก็ 5 เดือน ยาวนานเพียงพอที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญล้างความผิดให้ตัวเอง เพื่อกลับประเทศโดยไม่ติดคุก และอาจได้เงิน 46,000 ล้านที่ถูกยึดไป พรรคเพื่อไทยมีการระบุถึงแผนปรองดองผ่านการนิรโทษกรรมว่า จะคุยกับคนทุกสีและลบล้างเหตุการณ์ทั้งหมดหลังรัฐประหารที่ทำให้เกิดความขัดแย้งทางการเมือง โดยไม่มีการพูดถึงปัญหาก่อนรัฐประหารที่เกิดการทุจริตเชิงนโยบาย ลุแก่อำนาจ ไม่เคารพรัฐสภา ไม่ยอมรับตรวจสอบ ฯลฯ นั่นยังไม่สำคัญเท่ากับพี่น้องเสื้อแดงที่ชอบมาทวงถามความยุติธรรมเรื่องความตาย 91 ศพ ผมคิดว่า พวกท่านยกป้ายถามผิดคนครับ พี่น้องเสื้อแดงต้องไปยกป้ายถามคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทยว่า “นิรโทษกรรมจะทำอย่างไรกับ 91 ศพ” “นิรโทษกรรมข้าม 91 ศพ แลกเงิน 46,000 ล้านหรือ”
เพราะเป็นไปไม่ได้หรอกที่เขาจะนิรโทษกรรมทุกอย่างหลังเหตุการณ์รัฐประหาร โดยไม่นิรโทษกรรมเหตุการณ์ล้มการประชุมอาเซียน และก่อการจลาจลเผาบ้านเผาเมืองใช้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย หวังให้รัฐบาลกลายเป็นรัฐล้มเหลว มีกองกำลังติดอาวุธแฝงตัวอยู่ในผู้ชุมนุมที่มาด้วยใจอันบริสุทธิ์ จนกระทั่งเกิดเหตุสูญเสียที่สร้างความทุกข์ใจให้กับคนทั้งประเทศ
คำถามของผมที่อยากให้พี่น้องเสื้อแดงได้คิดก็คือ เมื่อเขานิรโทษกรรมแล้วก็เท่ากับว่า 91 ศพจบไม่ต้องทวงถามหาความยุติธรรมอีกต่อไป ซึ่งผมสังหรณ์ใจว่าที่คุณทักษิณ อาจจะให้เงินครอบครัวผู้เสียชีวิตเป็นการเยียวยาในจำนวนที่สูง แทนที่จะค้นหาความจริงคืนความยุติธรรมให้กับร่างที่ไร้ลมหายใจเหล่านั้น
ที่สำคัญคือ เงินที่จะเยียวยาคือภาษีประชาชนไม่ใช่เงินของคุณทักษิณที่บอกว่าจะดูแลพี่น้องเสื้อแดงอย่างดี เพราะที่ผ่านมา มีใครได้รับการดูแลบ้างนอกจากแกนนำ ในขณะที่เขาคงเอาภาษีประชาชนไปเยียวยาครอบครัวผูเสียชีวิตด้วยวงเงินสูง ๆ พร้อมกับสิ่งที่เขาจะได้รับกลับไปคือ เงินภาษีประชาชน 4.6 หมื่นล้านบาทที่ถูกยึดทรัพย์กลับไปเป็นของตัวเอง พี่น้องเสื้อแดงรับได้ไหม ถ้าผลจากการนิรโทษกรรมจะออกมาอย่างนั้น
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://on.fb.me/m13B2Z
ปูแดงมีหน้าบอกอยู่ในกติกา
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับ 1 พรรคเพื่อไทยให้สัมภาษณ์ถึงการเปิดปราศรัยที่บริเวณแยกราชประสงค์ของพรรคประชาธิปัตย์ ว่า คงต้องดูเนื้อหาของการปราศรัยว่าเป็นอย่างไร แต่อยากเห็นการปราศรัยอย่างสร้างสรรค์ ถ้าหากพูดแต่เรื่องเดิมจะทำให้ประเทศเดินหน้าไปไม่ได้ วันนี้ประชาชนอยากฟังว่าเราจะแก้ปัญหาปากท้องให้เขาได้อย่างไร ซึ่งเราจะทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด เดินหน้าชี้แจงนโยบายให้มากที่สุด
เมื่อถามว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ระบุว่าการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงมีพ.ต.ท.ทักษิณอยู่เบื้องหลัง น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า เราไม่สามารถไปสั่งการได้ และไม่เคยสั่งการใคร
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากการปราศรัยพาดพิงมาถึงพรรคเพื่อไทยจะทำการฟ้องร้องหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า คงต้องดูเนื้อหา แต่ทีมกฎหมายของพรรคก็จะพิจารณาอีกครั้ง เชื่อว่าทุกพรรคจะปราศรัยอย่างสร้างสรรค์ สงบ เรียบร้อย
เมื่อถามว่าจะส่งคนไปอัดเทปหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า คงไม่ขนาดนั้น ต่อข้อถามว่านายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์จะปราศรัยด้วย หวั่นเกรงฝีปากนายชวนหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า เชื่อว่าประชาชนจะใช้วิจารณญาณเอง เราไม่อยากพูดอะไรล่วงหน้า แต่เชื่อว่าทุกท่านมีเจตนาที่ดีต่อประเทศ
เมื่อถามว่า วิเคราะห์หรือไม่ว่าเหตุใดพรรคประชาธิปัตย์จึงมาปราศรัยที่ราชประสงค์ในช่วงเวลานี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ไม่อยากวิเคราะห์ แต่ช่วงนี้อยู่ในช่วงการเลือกตั้ง ก็อยากขอให้อยู่ในกติกา เมื่อถามว่า การปราศรัยของพรรคประชาธิปัตย์จะปลุกพลังเงียบให้มาเลือกพรรคประชาธิปัตย์ได้หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ตอบว่า คงต้องรอดู
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้ยังมีประชาชนประมาณ 10 ล้านคนที่ยังไม่ตัดสินใจเลือกพรรคการเมืองใด พรรคเพื่อไทยจะมีทีเด็ดอะไรดึงคะแนนคนเหล่านี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า คิดว่าประชาชนเหล่านั้นยังไม่ตอบคำถามมากกว่า แต่มีความคิดในใจแล้ว พรรคเพื่อไทยเองก็ยังลงพื้นที่ไปชี้แจงนโยบายของพรรคได้ไม่ครบในหลายจังหวัด เจตนารมณ์ของตนอยากเห็นการก้าวข้ามความขัดแย้ง ทำอย่างไรให้ประเทศก้าวไปข้างหน้าได้ วันนี้ไม่อยากพูดถึงสิ่งเก่าๆ ที่เป็นความขัดแย้ง ทุกคนอยากเห็นว่าทำอย่างไรจึงจะตอบโจทย์การแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนได้ เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้ต่างหากที่ประชาชนอยากเห็นอยากฟัง
เมื่อถามกรณีที่นายอภิสิทธิ์ระบุว่าเมื่อพรรคเพื่อไทยประกาศชัดเจนว่าจะไม่ร่วมงานกับพรารคภูมิใจไทย ดังนั้นหากพรรคประชาธิปัตย์รวมกับพรรคภูมิใจไทยได้เสียงข้างมาก ก็จัดตั้งรัฐบาลได้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ระบอบประชาธิปไตยคือการฟังเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน ตามธรรมเนียมพรรคที่ได้เสียงข้างมากควรได้จัดตั้งรัฐบาลก่อน ดังนั้นคงต้องดูว่าพรรคไหนที่จะได้เสียงส่วนใหญ่ของประชาชน พรรคนั้นควรเป็นคนจัดตั้งรัฐบาล
ต่อข้อถามว่าโพลของพรรคประชาธิปัตย์ระบุว่าได้ส.ส.สูสีกับพรรคเพื่อไทย ในส่วนของโพลพรรคเพื่อไทยเป็นอย่างไร น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า โพลของพรรค เป็นโพลในแต่ละพื้นที่มากกว่า แต่ขณะนี้ก็มีโพลจากหลายสำนักอยู่แล้ว แนวทางที่ออกมาไม่ค่อยจะแตกต่างกัน ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งที่นำมาใช้ประกอบการทำงาน แต่การวัดจริงนั้นคงต้องดูจากคะแนน และผู้ใช้สิทธิในวันที่ 3 ก.ค.
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 967 ครั้ง