แกะรอย 20 ปี “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ลูกผสม “เอ็มลิงค์” ของ “เจ๊แดง” พี่สาว สู่อ้อมกอด “ชินคอร์ป” ของ “ทักษิณ” พี่ชาย ธุรกิจส่วนตัวและผองเพื่อนที่ไม่มีใครรู้ วิบากกรรมในอดีตบนเส้นทางการเมือง
ในการเลือกตั้งวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 หากพรรคเพื่อไทยได้รับการเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย ตามที่โพลล์หลายสำนักฟันธง นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัครบัญชีอันดับ 1 น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีแห่งประเทศไทย มีโอกาสสูงที่จะนั่งเก้าอี้นายกฯหญิงแห่งประเทศไทยคนแรก
นั่นหมายความว่าคนในเครือชินวัตรขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีแห่งประเทศไทยถึง 3 คน คือ
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกฯคนที่ 23
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ น้องเขย พ.ต.ท.ทักษิณ (สามีนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์) นายกฯคนที่ 26
นางสาวยิ่งลักษณ์ นายกฯคนที่ 28
ไม่นับนายกฯนอกไส้อย่างนายสมัคร สุนทรเวช
น่าสนใจประการหนึ่งคือ “ภูมิหลัง” ของทั้ง 3 คนมาจากการทำธุรกิจเหมือนกัน
พ.ต.ท.ทักษิณ มาจากธุรกิจกลุ่มชินวัตร
นายสมชาย มาจากกลุ่มเอ็มลิงค์
นางสาวยิ่งลักษณ์ เป็นลูกผสมระหว่างชินวัตรและเอ็มลิงค์ เนื่องจากเธอร่วมถือหุ้นบริษัทในกลุ่มเอ็มลิงค์ของนายสมชายและนางเยาวภามาตั้งแต่ช่วงก่อตั้งปลายปี 2535 ก่อนมาเป็นผู้บริหารธุรกิจอสังหาฯ บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ของครอบครัว พ.ต.ท.ทักษิณในปัจจุบัน (เธอให้สัมภาษณ์ว่าเพิ่งลาออกหลังสมัครลงเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ)
ขณะที่นายอนุสรณ์ อมรฉัตร สามีนางสาวยิ่งลักษณ์ก็เป็นผู้บริหารอยู่ในเอ็มลิงค์เหมือนกัน
ข้อมูลที่หลายคนอาจไม่รู้คือ เมื่อ 20 ปีที่แล้วนางสาวยิ่งลักษณ์ทำธุรกิจส่วนตัว (ถือหุ้นร่วมกับบุคคลอื่น) ชื่อ หจก. บอง ชัวร์ ซี ประกอบธุรกิจร้านอาหาร จดทะเบียนวันที่ 26 มีนาคม 2535 ทุน 7 แสนบาท ที่ตั้งเลขที่ 87/109 ถนนประชาสงเคราะห์ แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ มี นายปกรณ์ วิภาตะวัต เป็นหุ้นส่วน เลิกกิจการปี 2544
ปัจจุบันนายปกรณ์ เป็นเจ้าของธุรกิจโฆษณา ประชาสัมพันธ์ และละคร ชื่อ บริษัท เดือนเต็มดวง จำกัด ที่ตั้งเลขที่ 1004/46 ถนนประชาชื่น แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ
เปิดปูมถือหุ้นกลุ่มเจ๊แดง
ศูนย์ข้อมูล&ข่าวสืบสวน (TCIJ) ตรวจสอบพบว่า นางสาวยิ่งลักษณ์เคยถือหุ้นธุรกิจในกลุ่มนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ นางมณฑาทิพย์ โกวิทเจริญกุล (น้องสาวนางเยาวภา )พี่สาวในยุคก่อตั้ง 4 บริษัท ได้แก่
1. บริษัท เอส ดับบลิว เทเลคอม จำกัด ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท สำนักงานกฎหมายชยาภา แอนด์ พาร์ทเนอร์ส จำกัด
2. บริษัท เอส.ที เทเลซิสเต็มส์ (ฟอร์จูน) จำกัด
3.บริษัท เอสวายเทเลคอม จำกัด ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท อินนิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด
และ 4. บริษัท เอ็มลิงค์ เอเชีย คอร์ปอเรชั่น จำกัด
มีรายละเอียด ดังนี้
1. บริษัท เอส ดับบลิว เทเลคอม จำกัด ให้บริการโทรศัพท์มือถือ ก่อตั้งวันที่ 18 ธันวาคม 2535 ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท นางเยาวภา ถือหุ้น 100,000 หุ้น นายสมชาย 95,000 หุ้น นางมณฑาทิพย์ โกวิทเจริญกุล (น้องสาวนางเยาวภา )จำนวน 1,000 หุ้น นายสิทธิพร ถนอมบุญ จำนวน 1,000 หุ้น นายสมชัย โกวิทเจริญกุล 1,000 หุ้น นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 1,000 หุ้น และนายเจริญ ถนอมบุญ 1,000 หุ้น รวม 200,000 หุ้น
วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2545 เพิ่มทุนเป็น 10 ล้านบาท นางเยาวภาถือหุ้นใหญ่ 900,000 หุ้น นายสมชาย 902,800 หุ้น นายยศชนัน 4,000 หุ้น (นายยศชนัน เข้ามาถือตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม 2542) จากทั้งหมด 2,000,000 หุ้น หุ้นละ 5 บาท
วันที่ 13 มิถุนายน 2545 นางเยาวภาเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นเป็น 1,060,000 หุ้น นายสมชาย 928,000 หุ้น
วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2548 นางเยาวภาโอนหุ้นไปให้นางสาวชินณิชา (ขณะอายุ 24 ปี) ส่วนนายสมชายโอนหุ้นไปให้นางสาวชยาภา (ขณะอายุ 22 ปี) และเปลี่ยนชื่อ เป็น บริษัท ชินณิชาวิลล์ จำกัด
ล่าสุดวันที่ 15 มกราคม 2551 เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท สำนักงานกฎหมายชยาภา แอนด์ พาร์ทเนอร์ส จำกัด นางสาวชินณิชา และนางสาวชยาภา ถือหุ้น 100%
2. บริษัท เอส.ที เทเลซิสเต็มส์ (ฟอร์จูน) จำกัด ขายโทรศัพท์มือถือ ก่อตั้งวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2537 ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท นางมณฑาทิพย์ 4,500 หุ้น นายสมชัย 500 หุ้น นายพุทธิพงษ์ ศิริทัศนกุล 1,000 หุ้น นางสาวผ่องพรรณ โกษากุล 2,000 หุ้น นายศักรภพน์ ธีวรากร 1,000 หุ้น นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 500 หุ้น นางสาวปณิตา คล่องคำนวณการ 500 หุ้น
วันที่ 10 มกราคม 2542 นางมณฑาทิพย์กับนายสมชัยถอนหุ้นออก นางเยาวภา กับ นายสมชาย เข้ามาถือหุ้นแทน
อีก 1 ปีถัดมาก็เลิกกิจการ
3.บริษัท เอสวายเทเลคอม จำกัด ก่อตั้งวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2537 ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท นางเยาวภาถือหุ้น 4,000 หุ้น นายสมชาย 2,500 หุ้น นางมณฑาทิพย์ 900 หุ้น นายเจริญ ถนอมบุญ 100 หุ้น นายเลิศ ชินวัตร 1,000 หุ้น นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 500 หุ้น นางสาววิรัญ เขื่อนเพชร 1,000 หุ้น รวม 10,000 หุ้น หุ้นละ 100 บาท
วันที่ 7 พฤศจิกายน 2542 นางสาวอัญชลี ทรัพย์นุ่ม เข้ามาถือหุ้นใหญ่ จำนวน 3,960 หุ้น นางสาวผานิต วงศ์นาถ จำนวน 3,000 หุ้น นายนพพร ใจจุมปา จำนวน 3,000 หุ้น จากทั้งหมด 10,000 หุ้น
วันที่ 10 พฤษภาคม 2543 เปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท ที.โอเวอร์ซี จำกัด
วันที่ 31 พฤษภาคม 2543 นายสมชายกลับมาถือหุ้นอีกครั้ง จำนวน 500 หุ้น นางเยาวภา จำนวน 500 หุ้น นายยศชนัน จำนวน 3,500 หุ้น นางสาวชินณิชา จำนวน 3,500 หุ้น จากทั้งหมด 10,000 หุ้น
วันที่ 2 มิถุนายน 2543 เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท มิวสิคฟันนี่ 2000 จำกัด
วันที่ 11 สิงหาคม 2543 เปลี่ยนชื่อ เป็นบริษัท สตรองพอยท์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด ผลิตเพลง สื่อวิทยุ และโทรทัศน์
วันที่ 27 สิงหาคม 2543 นายสมชายและนางเยาวภาได้โอนหุ้นไปให้นางสาวชินณิชา
กระทั่งวันที่ 3 พฤศจิกายน 2547 เปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท บริษัท อินนิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด เพิ่มทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท เปลี่ยนไลน์มาทำธุรกิจขายน้ำมันเชื้อเพลิง บุตรทั้งสามคนถือหุ้นใหญ่
4.บริษัท เอ็มลิงค์ เอเชีย คอร์ปอเรชั่น จำกัด ขายโทรศัพท์มือถือ ก่อตั้งวันที่ 18 กันยายน 2538 ทุนจดทะเบียนเริ่มแรก 1 ล้านบาท นายสมชัย ถือหุ้นใหญ่ 7,300 หุ้น นางมณฑาทิพย์ 2,500 หุ้น นายสมชาย 40 หุ้น นางเยาวภา 40 หุ้น นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 40 หุ้น นายมีชัย โกวิทเจริญกุล 40 หุ้น และนางพรรณี โกวิทเจริญกุล 40 หุ้น รวม 10,000 หุ้น หุ้นละ 100 บาท
วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2539 เพิ่มทุนเป็น 30 ล้านบาท นางมณฑาทิพย์ กับ นางเยาวภาถือหุ้นใหญ่ คนละ 120,000 หุ้น นายสมชาย และ นายสมชัย คนละ 21,000 หุ้น จากทั้งหมด 300,000 หุ้น (กลุ่มนางเยาวภา กับนางมณฑาฑิพย์ถือหุ้นฝ่ายละ 50%)
วันที่ 24 มิถุนายน 2542 เพิ่มเป็น 60 ล้านบาท นายสมชาย ถือหุ้นใหญ่ 200,000 หุ้น นายยศชนัน 90,000 หุ้น และ นางเยาวภา 9,500 หุ้น นางมณฑาทิพย์ 200,000 หุ้น นายสมชัย 90,000 หุ้น นายสุวรรณ โกวิทเจริญกุล 9,500 หุ้น
วันที่ 19 ธันวาคม 2544 เพิ่มทุนเป็น 200 ล้านบาท ผู้ถือหุ้นกลุ่มนางเยาวภาคือ นางสาวชินณิชา 500,000 หุ้น(ส่วนหนึ่งได้รับโอนมาจากนายสมชาย) นายยศชนัน 498,000 หุ้น นางสาวอัญชลี ทรัพย์นุ่ม และ นางสาวผาณิต วงศ์นาถ คนละ 1,000 หุ้น ผู้ถือหุ้นกลุ่มนางมณฑาทิพย์ คือนางมณฑาทิพย์ 666,667 หุ้น นายสมชัย 300,000 หุ้น และนายสุวรรณ 33,333 หุ้น รวมทั้งหมด 2,000,000 หุ้น หุ้นละ 100 บาท
วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2545 จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และเพิ่มทุนเป็น 690 ล้านบาท เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2547
ปัจจุบันนางเยาวภาอยู่ระหว่างถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.)สอบสวนว่าปกปิดทรัพย์สินหรือไม่?
*เฝ้า “เอสซีแอสเสท”หมื่นล้านให้พี่ชาย
ในส่วนธุรกิจของครอบครัวพี่ชาย นางสาวยิ่งลักษณ์เคยเป็นกรรมการ 5 บริษัท (เจ้าตัวให้สัมภาษณ์ว่าได้ลาออกหลังสมัครลงเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ)
1.บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
2.บริษัท วี.แลนด์พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด
3.บริษัท อัพคันทรี่ แลนด์ จำกัด
4.บริษัท โอเอไอ แอสเสท จำกัด
และ 5.บริษัท โอเอไอเอ็ดดูเคชั่น จำกัด
บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ชื่อเดิม บริษัท เอฟเอฟพี จำกัด ก่อตั้งวันที่ 8 สิงหาคม 2532 ทุนจดทะเบียน 2 ล้านบาท วันที่ 13 ตุลาคม 2537 เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท โอเอไอพร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เพิ่มทุนเป็น 1,300 ล้านบาท และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์วันที่ 29สิงหาคม 2546 ทุนจดทะเบียนล่าสุด 2,564 ล้านบาท
บริษัท วี.แลนด์พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เป็นบริษัทลูกของ บมจ. เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จดทะเบียนวันที่ 21 มกราคม 2535 ชื่อเดิม บริษัท วีโน จำกัด ทุน 1 ล้านบาท ปัจจุบัน 10 ล้านบาท
บริษัท อัพคันทรี่ แลนด์ จำกัด บริษัทลูกของ บมจ. เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จดทะเบียนวันที่ 1 พฤษภาคม 2533 ทุน 1 ล้านบาท ปัจจุบัน 300 ล้านบาท
บริษัท โอเอไอ แอสเสท จำกัด บริษัทลูกของ บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จดทะเบียน 14 มีนาคม 2534 (ชื่อเดิม บริษัท เทเลวิซ จำกัด) ทุน 10 ล้านบาท ปัจจุบัน 100 ล้านบาท
บริษัท โอเอไอเอ็ดดูเคชั่น จำกัด มหาวิทยาลัยชินวัตร จดทะเบียนวันที่ 5 มีนาคม 2541 ทุน 10 ล้านบาท ปัจจุบัน 2,500 ล้านบาท
การมาอยู่ชินวัตรกับ พ.ต.ท.ทักษิณและคุณหญิงพจมานพี่สะใภ้ ทำให้ต้องพัวพันกับคดีร่ำรวยผิดปกติ 4.6 หมื่นล้านบาท เนื่องจากเธอขึ้นเบิกความต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองว่าหุ้นชินคอร์ป 200 ล้านหุ้นเป็นของเธอเอง ไม่ใช่ของพี่ชาย แต่ไม่มีหลักฐานแสดงที่ทำให้ศาลเชื่อคำเบิกความ และกำลังถูกกลุ่มนายแก้วสรร อติโพธิ ยื่นเรื่องต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวหาว่าเธอเบิกความเท็จช่วยเหลือพี่ชาย กำลังเป็นชนักปักหลังอยู่ในขณะนี้
ทั้งหมดคือปูมหลัง (ลูกผสม) ทางธุรกิจของว่าที่นายกฯคนที่ 28?
…………..
บริษัทที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถือหุ้นในอดีต
ชื่อ บริษัท จำนวน
บ.เอส ดับบลิว เทเลคอม จำกัด
(ปัจจุบัน บ.สำนักงานกฎหมายชยาภา แอนด์ พาร์ทเนอร์ จำกัด) 1,000 หุ้น
บ.เอส.วาย. เทเลคอม จำกัด
(ปัจจุบัน บ.อินนอค คอร์ปอเรชั่น จำกัด) 500 หุ้น
บ.เอส.ที. เทเลซีสเต็มส์ (ฟอร์จูน) จำกัด 500 หุ้น
บ.เอ็มลิ้งค์ เอเชีย คอร์ปอเรชั่น จำกัด 40 หุ้น
บ.ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด 200 ล้านหุ้น
…………
(หมายเหตุ : ที่มากรมพัฒนาธุรกิจการค้า ,ศูนย์ข้อมูล&ข่าวสืบสวนฯ (TCIJ) รวบรวม
http://www.tcijthai.com/)
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 2382 ครั้ง