วันที่ 27 มิ.ย. เวลา 06.00 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปได้ ได้ทำบุญการตักบาตรร่วมกับชาวบ้านที่วัดศรีธาตุ หรือวัดสิงห์ บ้านสิงห์ ต.สิงห์ อ.เมือง จ.ยโสธร โดยมีพระผู้ใหญ่ในจังหวัดยโสธร และพระสงฆ์มากกว่า 20 รูป ที่วัด โดยนายอภิสิทธิ์ ทำหน้าที่เป็นเด็กวัดหิ้วถังสิ่งของตักบาตรให้พระที่วัดด้วย
หลังจากนายอภิสิทธิ์ ได้เดินสายปราศัยหาเสียง ในจังหวัดอำนาจเจริญและอุบลราชธานีทั้งหมด 7 เวที โดยเวลา 08.00 น. นายอภิสิทธิ์เดินทางออกจากวัดศรีธาตุ บ้านสิงห์ ต.สิงห์ อ.เมือง จังหวัดยโสธร มาปราศรัยที่สนามด้านหน้าที่ว่าการอำเภอเมือง จ.อำนาจเจิรญ โดยมีประชาชนมาฟังการปราศัยกว่าหมื่นคน ทันทีที่ขึ้นเวทีนายอภิสิทธิ์ก็ได้รับเสียงกรี๊ดและตะโกนเบอร์ 10 ดังสนั่น นายอภิสิทธิ์จึงเริ่มต้นกล่าวทักทายประชาชนเป็นภาษาอีสานว่า “ซำบายดีบ่ อยู่ดีมีแฮงดีบ่”
จากนั้นนายอภิสิทธิ์ กล่าวย้ำถึงความผูกพันของชาวอำนาจเจริญและพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมระบุว่าสองปีเศษตนทำหน้าที่นายกฯจะบอกว่ายาวก็ได้แต่ยังไม่พอทำทุกสิ่งให้ หลายเรื่องสำหรับชาวอำนาจเจริญตนมาเยี่ยมและติดตามผลักดัน อาทิ กรณีมหาวิทยาลัยมหิดลที่เดินหน้าก่อสร้างวิทยาเขตและเปิดการเรียนการสอนที่นี่ ขณะนี้อนุมัติเงินแล้วกว่า 140 ล้านบาท ส่วนสนามกีฬาขณะนี้มีการอนุมัติไปแล้ว 74 ล้านบาท แต่สิ่งที่สำคัญสองปีกว่าเราเริ่มต้นนโยบายสำคัญให้ประชาชน อาทิ เรียนฟรี เบี้ยผู้สูงอายุ ค่าตอบแทนอสม. และโครงการประกันรายได้เกษตรกร แต่ทั้งนี้เลือกตั้งเสร็จไม่รู้ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาลซึ่งตนต้องรอดูวันที่ 3 ก.ค. หากพรรคเพื่อไทยมาเป็นรัฐบาลเขาประกาศแล้วว่าจะกลับไปใช้ระบบจำนำแล้วให้ราคาสูงๆ
“ส่วนพรรคเพื่อไทยนั้นพี่น้องต้องไปอ่านบัญชีรายชื่อมีหลายคนที่พี่น้องรู้จักดีจากข่าว อาทิ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ชอบหรือไม่ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และแกนนำเสื้อแดง 20 กว่าคนอยู่ในพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นแกนนำที่บอกและปลุกระดมประชาชนแล้วเกิดเหตุวุ่นวายตลอด และภาคอีสานหลายจังหวัดศาลากลางถูกเผาเรา ดังนั้นเราไม่ต้องการความรุนแรงและไม่ต้องการคนที่หัวรุนแรง ดังนั้นถ้าปฏิเสธความรุนแรงต้องเลือกเบอร์ 10 ”นายอภิสิทธิ์ กล่าว
จากนั้นนายอภิสิทธิ์ เดินทางมายังลานวัดศรีชมภู่ อ.ปทุมวงศา จ.อำนาจเจริญ โดยก่อนการปราศรัยมีชาวบ้านผู้หญิงอายุประมาณ 40 กว่าปีร้องไห้เข้ามาหานายอภิสิทธิ์ โดยขอให้นายอภิสิทธิ์ช่วยติดตามความคืบคดีของลูกชายที่เสียชีวิตช่วงเหตุการณ์การชุมนุมเดือนพ.ค. 2553 ที่ชุมชนบ่อนไก่ ซึ่งคดียังไม่มีความคืบหน้า โดยนายกอภิสิทธิ์ ได้รับปากจะไปติดตามดูแลคดีให้ ซึ่งทั้งคู่ใช้เวลาในการพูดคุยกันประมาณ 15 นาที
มั่นใจคนอีสานให้สานต่อประกันรายได้
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ ถึงการลงพื้นที่ 3 จังหวัดภาคอีสานในช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งว่าหวังว่าประชาชนจะให้การสนับสนุน โดยเฉพาะที่ยโสธรนั้นแสดงออกชัดเจนว่าดดยห่วงว่า หากเปลี่ยนรัฐบาลอาจจะกระทบต่อโครงการประกันรายได้เพราะหลายคนก็เพิ่งจะมีเงินโอนเข้าบัญชีและตั้งตัวได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายวิฑูรย์ นามบุตร ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ตั้งเป้าว่าพรรคประชาธิปัตย์น่าจะรักษาจำนวน 10 ส.ส. เอาไว้ได้นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราพยายามที่จะทำให้ได้มากที่สุด แต่ทั้งหมดก็อยู่ที่ประชาชน แต่ยืนยันว่าโครงการหลายโครงการที่กำลังเดินหน้าจะเป็นประโยชน์ต่อภาคอีสานมากถ้ามีการหยุดชะงักหรือถูกรื้อก็จะเป็นการสูญเสียโอกาส
เมื่อถามว่าช่วงเวลาที่เหลืออยู่ก่อนวันที่ 3 ก.ค. จะสามารถสื่อสารให้คนอีสานเปลี่ยนใจมาเลือกพรรค ปชป.ได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คิดว่าขณะนี้ชาวอิสานตื่นตัวค่อนข้างมากโดยเฉพาะปัญหาโครงการประกันรายได้ เพราะเป็นสิ่งที่ใกล้ชิดกับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ส่วนที่ขณะนี้นโยบายของบางพรรคการเมืองเริ่มจะกลับไปกลับมาหลังประชาชนไม่ตอบรับนั้น ส่วนตัวคิดว่าก็ไม่น่าเชื่อถือ แสดงให้เห็นว่าตอนที่คิดและประกาศออกมานั้นก็ไม่ได้มีการศึกษาให้ถ่องแท้ ตนยืนยันว่าในส่วนของ ปชป.นโยบายที่ประกาศออกมาตั้งแต่วันแรกยังเหมือนเดิมและเดินหน้าต่อไป ส่วนนโยบายพรรคใดจะเข้าข่ายหลอกลวงประชาชนหรือไม่คงต้องไปดูรายละเอียดของนโยบายแต่ละเรื่อง
“กรณีของพรรคเพื่อไทย (พท.) ที่มาแถลงเรื่องของนิรโทษกรรม เป็นความพยายามที่จะหนีจากความจริงมากกว่า เพราะล่าสุดคุณทักษิณ (ชินวัตร) ก็เพิ่งให้สัมภาษณ์พาดพิงไปถึงศาลยุติธรรม และขณะนี้วิธีการก็เพียงยืนยันว่าเรื่องการนิรโทษกรรมนั้นไม่ใช่เป็นการนิรโทษให้ตนเป็นเพียงคนเดียว แต่จะนิรโทษให้ทุกฝ่าย แต่ความจริงสุดท้ายบั้นปลายเป้าหมายก็คืออยู่ที่ตัวเอง ส่วนจะหนีความจริงพ้นหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับประชาชนที่จะต้องมองให้ทะลุว่าสิ่งที่พูดจากันในขณะนี้มีความพยายามซ่อนความจริงกันอย่างไร แต่พื้นฐานความจริบคือคุณทักษิณคิดชัดเจนในการที่จะได้รับการนิรโทษกรรม เป็นลักษณะที่คุณทักษิณคิดแล้วพรรคเพื่อไทยทำ ” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่ากลัวหรือไม่ว่าสิ่งที่พรรค พท.ทำจะประสบความสำเร็จ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนไม่ได้มองว่าจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จ แต่มองว่าจะทำให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองและจะเป็นการทำลายระบบกฎหมายระบบของบ้านเมืองในอนาคตไม่นับอีกว่าจะเป็นการสูญเสียโอกาสสำหรับประเทศและประชาชนที่ต้องการมีการแก้ไขปัญหาของประชาชนอย่างแท้จริง
เมื่อถามว่าสิ่งที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัครระบบบัญชีรายชื่อ หมายเลข 1 ของพรรคเพื่อไทย และพรรคเพื่อไทยออกมายืนยันว่า จะไม่มีเรื่องการคืนเงิน 4-6 หมื่นล้านให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ และจะไม่มีการนิรโทษกรรมนั้นมีความเป็นไปได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนยังไม่ได้ยินชัดเช่นนั้น ได้ยินแต่พยายามบอกว่าไม่ได้เป็นนโยบายทั้งๆที่เคยพูดมาแล้ว และพ.ต.ท.ทักษิณก็เพิ่งให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศย้ำว่าตัวเองจะได้ประโยชน์จากการนิรโทษกรรม
ผู้สื่อข่าวถามว่าแสดงว่าไม่เชื่อว่า พท.จะไม่มีการคืนเงินหรือนิรโทษกรรมให้พ.ต.ท.ทักษิณ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คิดว่าประชาชนดูออก และการที่ ปชป.พยายามลำดับเหตุการณ์ต่างๆให้เห็นว่าความสูญเสียความวุ่นวายที่ผ่านมานั้นไม่สามารถที่จะจบลงได้ และการที่ไม่ยอมรับการประณีประนอมในทุกครั้งนั้นก็เพราะเราไม่ยอมที่จะคืนเงินหรือนิรโทษกรรมให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ
“ผมอยากวิงวอนพี่น้องประชาชนทุกคนให้ออกมาใช้สิทธิ์กันมากๆ ผมเดินทางไปทั่วประเทศทราบดีว่าประชาชนจำนวนมากคาดหวังในการที่จะมีรัฐบาลที่ดีมาแก้ไขปัญหา ถ้าประชาชนจำนวนมากออกมาเลือกคนดีก็จะเป็นความหวังของประเทศชาติ และวันนี้ทางเลือกชัด ปชป.ยืนยันที่จะเดินหน้าแก้ปัญหาของประชาชน ขณะที่ พท.ยังผูกพันอยู่แต่ปัญหาของคนเพียงคนเดียวหรือครอบครัวเดียว” นายอภิสิทธิ์กล่าว
ก่อนหน้านี้ เมื่อ เวลา 18.40น.ของวันที่ 26 มิ.ย. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้เดินทางมายังสนามหน้าที่ว่าการอำเภอคำเขื่อนแก้ว จ.ยโสธร พร้อมขึ้นเวทีปราศรัยโดยมีกลุ่มผู้สนับสนุนรอฟังการปราศรัยนับหมื่นคน ทั้งนี้ในช่วงแรกบรรดาผู้สมัคร นักการเมืองท้องถิ่นและกลุ่มผู้สนับสนุน เจ้าหน้าที่ รปภ.และช่างภาพแห่กันขึ้นไปเวทีซึ่งทำเป็นเวทีเล่นระดับ 2 ชั้นปูไม้อัดไม่หนามากบนนั่งร้าน จนทำให้เหล็กใต้เวทีถึงกับงอแอ่นลงมา แต่ไม่ถึงกับพังลงมาแต่อย่างใดและไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ
อย่างไรก็ตามทำให้เจ้าหน้าที่ รปภ.ต้องเร่งเชิญผู้ไม่เกี่ยวข้องลงมาจากด้านบนเวทีให้หมด แต่ก็ยังมีหลายคนที่ไม่ยอมลง เจ้าหน้าที่จึงต้องพยายามกันอีกครั้ง ก่อนที่จะชักบันไดออกเพื่อไม่ให้ใครขึ้นไปบนเวทีได้อีก พร้อมได้นำคานเหล็กมาค้ำยันด้านล่างเวทีอีกครั้ง จึงทำให้ช่างภาพไม่กล้าเข้าไปรุมถ่ายรูปนายอภิสิทธิ์ รวมทั้งบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องที่ชอบยืนด้านหลังนายอภิสิทธิ์ก็ไม่มีใครไปยืนด้วย จึงมีเพียงนายอภิสิทธิ์และผู้สมัครส.ส.เท่านั้นที่ยืนกลางเวที
ขู่หากพท.เป็นรัฐบาลจะคุมเสื้อแดงไม่ได้
นายอภิสิทธิ์ ได้ปราศัยตอนหนึ่งว่า ภาคอีสานถูกเผาศาลากลางไม่รู้กี่จังหวัด ตนไม่เชื่อว่าคนไทยต้องการเห็นแบบนี้ เราต้องช่วยกันทำให้คนไทยทั้งประเทศ และชาวโลกเห็นว่าคนไทยไม่ชอบความรุนแรงและไม่ชอบความรุนแรง ตลอดการทำงานการเมืองที่ผ่านมาของตนไม่เคยยุยงให้ใครไปใช้ความรุนแรง แต่เห็นนักการเมืองของเพื่อไทยถ้าเพื่อไทยเป็นรัฐบาลคนเหล่านี้เป็นใหญ่เป็นโตแน่นอน
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ทุกวันนี้เสื้อแดงมาก่อกวน ตนก็ให้สัมภาษณ์ให้ไปถามพรรคเพื่อไทยถามน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัคร ส.ส. บัญชีรายชื่อลำดับที่หนึ่งพรรคเพื่อไทย ว่าจะทำอย่างไร พรรคเพื่อไทยกับนางสาวยิ่งลักษณ์บอกว่าสั่งเสื้อแดงไม่ได้ นี่ขนาดยังไม่เป็นผู้แทน ไม่เป็นรัฐมนตรียังสั่งไม่ได้ ถ้าเป็นรัฐบาลลองนึกภาพดูว่าบ้านเมืองจะเป็นอย่างไร ทั้งนี้ตนไม่มีอะไรกับคนเสื้อแดง มาประท้วงตนก็เดินไปพูดด้วย เพราะถือว่าต่างก็เป็นคนไทยเหมือนกัน แต่คนเสื้อแดงต้องเท่าเทียมกับทุกคน ไม่ใช่เสียงดังกว่ามีความรุนแรงแล้วทุกคนต้องฟังหรือต้องทำตาม
“ผมจึงบอกว่านอกจากพรรคประชาธิปัตย์จะรักษานโยบายดีๆแล้ว เรายังจะเดินหน้าประเทศไทยเพื่อบอกว่า ประเทศไทยไม่เอาความรุนแรงอีกต่อไป พี่น้องเสื้อแดงก็เป็นเจ้าของประเทศ แต่จะผูกขาดเป็นเจ้าของคนเดียวไม่ได้ พรรคประชาธิปปัตย์ยืนยันว่าบ้านเมืองนี้ต้องเป็นของทุกคน ทุกกลุ่ม ทุกสี ที่ต้องบอกเพราะหลายคนอึดอัด เขาบอกว่าจะกลับมาเป็นใหญ่ หลายคนกลัว หลังวันที่ 3 ก.ค.ทุกคนต้องช่วยกันบอกคนที่ชอบความรุนแรงต้องหยุดทำร้ายประเทศไทยได้แล้ว ” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ผ่านซุ้มประตู“ผู้พิชิตมาร”เข้าวัดสิงห์
เมื่อเวลา 20.20น. นายอภิสิทธิ์ พร้อมคณะเดินทางมายังวัดศรีธาตุ หรือวัดสิงห์ บ้านสิงห์ ต.สิงห์ อ.เมือง จ.ยโสธร เพื่อพักค้างคืน ทั้งนี้เมื่อนายอภิสิทธิ์เดินผ่านซุ้มประตูวัดซึ่งสลักคำว่า “ผู้พิชิตมาร” ซึ่งนายอภิสิทธิ์ได้ยกมือไหว้ท่วมศรีษะ ทั้งนี้วัดดังกล่าวเป็นวัดศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวยโสธรและจังหวัดใกล้เคียงให้ความเคารพนับถืออย่างมาก เนื่องจากมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ 3 อย่าง ประกอบด้วย สิงห์หิน องค์พระหลักคำวรสิงหนาท หรือองค์พระเจ้าใหญ่ และพระธาตุสมัยโบราณ และวัดนี้เคยมีเจ้านายระดับสูงเคยเดินทางมาบนบานกิ่งศักดิ์สิทธิ์ในวัดก็จะได้รับตามสิ่งที่บนบานไว้ ทำให้เป็นที่เลื่องลือและมีคนจำนวนมากเดินทางมาขอพร ประมาณร้อยละ 95 ก็จะได้ตามสิ่งที่ขอไว้ อีกทั้ง พระครูฉันทกิจโกศล เจ้าอาวาส รองเจ้าคณะอำเภอเมืองยโสธรเองก็เป็นปราชญ์ และมีความเก่งกล้าในเรื่องของความรู้ด้านต่างๆรวมทั้งด้านของไสยศาสตร์ และชำนาญในเรื่องการดูดวงและผูกดวงต่างๆ ซึ่งก่อนที่นายอภิสิทธิ์ จะเดินทางมาถึงในช่วงหัวค่ำปรากฎว่ามีฝนตกลงมา พระครูฉันทกิจโกศลได้เข้าไปจุดธูป 9 ดอก ในพระอุโบสถต่อหน้าองค์พระเจ้าใหญ่ และสิงห์หิน จากนั้นนำมาปักด้านนอกฝนก็หยุดตกทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายอภิสิทธิ์เดินทางมาถึงก็ได้เข้ากราบนมัสการ องค์พระหลักคำวรสิงหนาท หรือองค์พระเจ้าใหญ่ และสิงห์หิน และนมัสการพระครูฉันทกิจโกศล ซึ่งได้เล่าถึงความเป็นมาของวัดและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก่อนจะให้ศีลให้พรให้ประสบความสำเร็จในสิ่งที่ปรารถนา
จับเข่าคุยชาวบ้านผ่านเฟซบุ๊ค
หลังจากนั้น นายอภิสิทธิ์ ได้จัดรายการ “AbhisitCh.10” ทางระบบ Livestream บนเครือข่ายเฟซบุ๊ค ซึ่งเป็นการจัดรายการระหว่างการหาเสียงที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และค้างคืนที่วัดศรีธาตุ หรือวัดสิงห์ จ.ยโสธร โดยได้กล่าวว่า ตอนนี้กำลังให้ทีมงานตรวจสอบพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบน้ำท่วมจาก จ.น่าน พร้อมทั้งนี้ยังได้อธิปบายเหตุผลที่ประเทศไทยถอนตัวออกจากการเป็นภาคีมรดกโลกด้วยว่าเป็นไปเพื่อป้องกันการสุ่ทเสี่ยงต่อการสูญเสียอธิปไตย
ต่อจากนั้น นายอภิสิทธิ์ ก็ได้ไปนั่งพูดคุยกับชาวบ้าน โดยกำนัน ตำบลสิงห์ ได้ขอให้รัฐบาลสนับสนุนเรื่องการศึกษากับเยาวชน นอกจากนี้ยังมีการขอให้เพิ่มเบี้ยยังชีพคนชรา และ อสม. ขณะที่ชายชราคนหนึ่งกล่าวว้่า 70 กว่าปีมาแล้วไม่เคยมีโอกาสใกล้ชิดนายกฯอย่างนี้เลย
ทั้งนี้นายอภิสิทธิ์ก็ได้กล่าวถึงนโยบายด้านต่างๆของพรรคประชาธิปัตย์เช่นเรื่องเงินอุดหนุนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การเพิ่มเบี้ยยังชีพ และเงินทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา การปราบปรามยาเสพติด
“ที่ผ่านมามาภาคอิสานผมอยากมา แต่ก็มีคนต่อต้านไม่อยากให้ผมมา ซึ่งผมก็กังวลว่าจะมีเรื่อง และผลเสียก็จะตกกับประชาชน ผมก็อยากมาทำงานจริงๆ หากครั้งนี้ได้เป็นนายกฯอีกก็อยากมีโอกาสทำแบบเต็มที่ ถ้าจะทำได้ก็ต้องเลือกพรรคประชาธิปัตย์เยอะๆหน่อย”นายอภิสิทธิ์กล่าว
จากนั้นเวลา 22.00 น. นายอภิสิทธิ์ขึ้นนอนที่กุฏิรับรอง หลังกุฏิของเจ้าอาวาสซึ่งเป็นอาคาร 2 ชั้น มีหลายห้องพัก ด้านล่งเป็นโถงโล่ง ส่วนด้านบนเป็นห้องพัก โดยนายอภิสิทธิ์จะนอนกับนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจะดูแลโดยรอบ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสภ.เมืองยโสธร และหน่วยปฏิบัติการพิเศษ คุ้มกันรอบนอกประมาณ 100 นาย
การ์ดผลักกองเชียร์อภิสิทธิ์ต้องขอโทษแทน
ขณะที่บรรยากาศการลงพื้นที่หาเสียงที่อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี ของ นายอภิสิทธิ์ นั้นมีนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกฯ แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ เดินทางมาด้วย โดยมีนายอิสระ สมชัย ผู้สมัครส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ และพล.ต.ต.วิวัฒน์ ชาญพนา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุบลฯ มารอต้อนรับ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจรักษาความปลอดภัย
สำหรับการรักษาความปลดอภัยที่เวทีปราศรัยที่ลานหน้าโรงเรียนเขื่องในเจริญราษฎร์ อ.เขื่องใน นั้นมีประชาชนมาฟังการปราศัยกว่าหมื่นคนจึงทำให้การอารักขาอยู่ในชั้นสูงสุด โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ (นปพ.) มีการติดอาวุธครบมือเพื่อป้องกันหากเกิดกรณีฉุกเฉิน
อย่างไรก็ตาม เมื่อนายอภิสิทธิ์เดินทางมาถึงบรรดาชาวบ้านที่เป็นแฟนคลับโดยเฉพาะบรรดาสาวแก่แม่ม่ายต่างเข้าไปรุมล้อม บ้างก็จับมือ บ้างก็เข้าไปกอด หอมและบางรายถึงกับหยิกเข้าไปที่แก้มนายอภิสิทธิ์ด้วยความหมั่นเขี้ยว ทั้งนี้ มีผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งได้แหวกวงล้อมของเจ้าหน้าที่ รปภ.กระโดดเข้าไปเพื่อจะหอมแก้ม ทำให้ จนท.รปภ.ได้ผลักผู้หญิงคนดังกล่าวกระเด็นออกไปทำให้ผู้หญิงคนดังกล่าวไม่พอใจ ทำให้นายอภิสิทธิ์ต้องเข้าไปขอโทษขอโพยพร้อมตำหนิเจ้าหน้าที่ รปภ.คนดังกล่าว
“สาทิตย์”เผยคิวหาเสียง”อภิสิทธิ์”หลังตระเวณ”อีสาน”
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ฐานะทีมยุทธศาสตร์ของพรรค เปิดเผยกำหนดการของนายอภิสิทธิ์ ว่า หลังเสร็จสิ้นภารกิจกาหาเสียงในพื้นที่ภาคอีสานในวันที่ 26-27 มิ.ย.นี้ แล้ว ในส่วนของนายอภิสิทธิ์ จะมีกำหนดการ โดยในวันที่ 28 มิ.ย.นี้ หลังจากที่ช่วงเช้าจะมีการประชุมคณะรัฐมตรี(ครม.)แล้ว ในช่วงเที่ยงจะเดินทางไปลงพื้นที่ที่บริษัท ปูนซีเมนต์ไทย (เอสซีจี) เขตบางซื่อ ก่อนจะเดินทางร่วมกับทีมเศรษฐกิจของพรรรค ไปให้สัมภาษณ์แก่สถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ และช่วงเย็นจะเดินทางไปปราศรัยใหญ่ที่ลานคนเมือง ต่อมา ในวันที่ 29 มิ.ย. นายอภิสิทธิ์ จะลงพื้นที่หาเสียงในช่วงเช้าที่ จ.สมุทรสาคร ต่อด้วยในช่วงเที่ยงและบ่ายที่สำนักงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) อ.บางกรวย อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ก่อนจะเดินทางไปปราศรัยใหญ่ที่อ.เมือง จ.ลพบุรี ในช่วงเย็น
นายสาทิตย์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ พรรคประชาธิปัตย์จะจัดการปราศรัยใหญ่เพื่อหาเสียงเลือกตั้งเป็นครั้งสุดท้าย 10 เวทีใหญ่ทั่วประเทศ ใช้ชื่อว่า “ อนาคตประเทศไทยใต้ฟ้าเดียวกัน ” ในวันที่ 1 ก.ค.นี้ โดยมีเวทีหลักอยู่ที่ลานพระราชวังดุสิต(ลานพระบรมรูปทรงม้า) กรุงเทพฯ โดยนายอภิสิทธิ์ จะขึ้นกล่าวปราศรัยในเวลา 19.00 น. ซึ่งจะมีการถ่ายทอดสดผ่านระบบวีดีโอ คอนเฟอเรนซ์ ไปยังอีก 9 เวที ได้แก่ 1.จ.เชียงใหม่ 2.สุโขทัย 3.อุบลราชธานี 4.อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี 5.บริเวณหน้าเขาวัง จ.เพชรบุรี 6.จ.ระยอง 7.นครศรีธรรมราช 8.สุราษฎร์ธานี และ 9.บริเวณสวน ร.5 หน้าสถานีรถไฟ อ.สุไหงโก/-ลก จ.นราธิวาส โดยจะมีแกนนำและผู้ใหญ่ของพรรคกระจายไปปราศรัยในแต่ละเวที ขณะที่เนื้อหาการปราศรัยจะมีประเด็นที่ต่อเนื่องจากเวทีที่ราชประสงค์ และกรณีที่ไทยได้ถอนตัวจากเวทีมรดกโลก ซึ่งการจัดปราศรัย 10 เวทีนี้เพื่อแสดงให้เห็นว่าพื้นที่ประเทศไทยเป็นของคนไทยทุกคน ไม่ใช่ของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง อีกทั้งเพื่อเป็นการยืนยันแนวทางการทำงานของพรรคที่ต้องการทำงานให้กับประชาชนทุกพื้นที่ทุกภาคอย่างเท่าเทียม
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1310 ครั้ง