จากไทยรักไทย-เพื่อไทย ทำไมมุสลิมถึงปฏิเสธพรรคนี้…
โดย…พรพญา
ในช่วงของการเลือกตั้งสื่อมวลชนที่กรุงเทพฯ บางฉบับ ได้นำเสนอเรื่องราวการเปลี่ยนแปลงของกลุ่มวาดะห์ในพรรคเพื่อไทย ที่ก่อนหน้านี้ มีสมาชิกครอบคลุมทั่ว 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จนเกือบยกทีมเข้าสภา แต่ในวันนี้ ไม่เหลือแม้แต่คนเดียว น่าสนใจว่า เกิดอะไรขึ้นกับพรรคนี้ จนส.ส.มุสลิม ต้องหันหลังให้…หากเป็นภาษาคงจะเรียกว่า คว่ำบาตรหรือไม่สังฆกรรมด้วย
กลุ่มวาดะห์ เป็นการรวมตัวกันของกลุ่มนักการเมืองมุสลิมระดับปัญญาชน ที่มองเห็นว่า หากมุสลิมไม่รวมตัวกัน แตกกระจายไปอยู่หลายพรรคจะขาดพลังต่อรองทางการเมือง ไม่เพียงตำแหน่งทางการเมืองที่จะไม่ได้รับเท่านั้น แต่การผลักดันแก้ปัญหาเพื่อคนมุสลิมก็ไม่อาจทำได้อย่างเต็ม เป็นบทเรียนที่พิสูจน์ให้เห็น สมัยที่นายเด่น โต๊ะมีนา เป็น ส.ส.อยู่เพียงคนเดียว
การรวมตัวของนักการเมืองกลุ่มนี้ ประสบความสำเร็จในระดับสูงหลังเข้าสังกัดพรรคความหวังใหม่ ในสมัยแรกนายเด่น โต๊ะมีนา ได้เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย สมัยที่ 2 นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา เป็นประธานรัฐสภาฯ ที่ได้การยอมรับอย่างสูงในการปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ฉุดให้ภาพลักษณ์ของมุสลิมทั่วประเทศดูโดดเด่นไปด้วย
หลังการยุบรวมพรรคความหวังใหม่ไปรวมกับพรรคไทยรักไทย ที่มีหัวหน้าพรรคชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร สถานภาพยังโดดเด่นในระยะแรก นายวันมูหะมัดนอร์มะทา ถูกโปรโมต เป็น รมว.คมนาคม และเป็น รมว.ศึกษาธิการ เพื่อสร้างลักษณ์ที่ดีให้กับรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีการตั้งรัฐมนตรี โดยคำนึงถึงภาพลักษณ์ไม่คำนึงถึงกลุ่มทุน แต่ผลประโยชน์ภายในกระทรวงคมนาคมหนีไม่พ้นที่ วันมูหะมัดนอร์ ต้องเปื้อนโคลนไปด้วย เขาถูกกล่าวหาในหลายเรื่อง แม้ต่อมาปปช.จะชี้ว่า ไม่มีมูล แต่ความมัวหมองได้เกิดขึ้นแล้ว
พวกเขายังสามารถผลักดันผลประโยชน์ของมุสลิมได้ในระดับหนึ่ง ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ได้รับการจัดตั้งขึ้นในการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรที่นราธิวาส กลายเป็นสถาบันการเงินที่ฉุดคนมุสลิมออกจากบาปที่ต้องเกลือกกลั้วกับดอกเบี้ยได้สำเร็จ หลังจากถูกปฏิเสธในรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ เส้นทางของกลุ่มนี้ ยังโดดเด่น วันมูหะมัดนอร์ มะทา เป็น รมว.ศึกษาธิการ เป็น รมว.มหาดไทย และนายอารีย์เพ็ญ อุตรสินธุ์ แกนนำอันดับ 3 เป็น รมช.ศึกษาธิการ
แต่หลังเหตุการณ์ปล้นปืนที่หน่วยทหารพัฒนาที่ 44 จังหวัดนราธิวาส สถานการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างตรงกันข้าม ยุคนั้น วันมูหะมัดนอร์ เป็น รมว.มหาดไทย ซึ่งมีหน้าที่ดูแลความสงบสุขของประชาชนทั่วประเทศ แม้เป็นคนใน 3 จังหวัดที่น่าจะรู้ปัญหาดี แต่เขากลับถูกครอบงำโดยตำรวจ ที่มีผบ.ร่างโย่ง กุมบังเหียน โต๊ะประชุมที่ทำเนียบรัฐบาลที่ผู้นำรัฐบาลถามไถ่ไปยัง ผบ.ตร.ว่า มีกี่คน คำตอบคือ 30 คน คำสั่งคือ ขอวันละ 1 คน แนวทางนี้ได้รับการรับรองโดยรมว.บางคนว่าการแก้ปัญหาเดินมาถูกทางแล้ว
คำสั่งว่า ขอวันละคน หมายถึงคำสั่งเก็บผู้ที่สงสัยว่า เป็นผู้ก่อการวันละคน 30 คน ก็ใช้เวลา 30 วัน เมื่อครบว่า ก็หมดปัญหาในภาคใต้ แต่กลับตรงกันข้าม คำสั่งฆ่านั้น นำไปสู่การโต้กลับอย่างรุนแรง การก่อเหตุเกิดขึ้นมากมาย จนยากที่จะควบคุมได้ ต้องยกเลิกคำพูดว่า “โจรกระจอก” ไปในทันที
ความเสื่อมศรัทธาที่คนมุสลิมมีต่อ วันนอร์ ไม่ใช่การมอบช่อดอกไม้ให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ ในเทศกาลบวันสงกรานต์ ที่มีภาพข่าวเผยแพร่ไปทั่วประเทศไทย แต่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใกล้กับโรมแรมเจบี หาดใหญ่ เมื่อคนจะนะจำนวนหนึ่งได้ไปชุมนุมเพื่อเรียกร้องสิทธิ์ในที่ดินวากั๊บ ที่ถูกปตท.นำไปดำเนินการเกี่ยวกับท่อก๊าซไทย-มาเลย์จากรัฐมนตรีมุสลิม ที่น่าจะทราบดีว่า ที่ดินวากั๊บนั้น สำคัญแค่ไหน แต่สิ่งที่พวกเขาได้รับ คือ กระบองของตำรวจที่ระดมตีเข้าใส่ในขณะที่บางคนกำลังละหมาดมัฆริบ โดยที่รมว.มหาดไทยมุสลิมไม่ได้ห้ามปราม ความจริงนี้ พิสูจน์ได้จากคำสั่งของศาลปกครองที่ให้ส่วนราชการชดใช้ให้กับชาวบ้านที่ถูกกระทำ
เหตุการณ์รุนแรงที่ถูกทำให้รุนแรงยิ่งขึ้นจากแกนนำในรัฐบาลไทยรักไทย ไม่นับเหตุการณ์อุ้มฆ่าที่เกิดขึ้นเป็นรายวันแล้ว 2 เหตุการณ์ที่ยังตราตรึงในใจของคน 3 จังหวัดและมุสลิมทั่วประเทศทั้งมวล คือเหตุการณ์ 28 เมษายน ที่มีกลุ่มขบวนการบุกเข่าโจมตีสถานีตำรวจหลายแห่ง และถูกล้อมปราบอย่างรุนแรงจนไม่ให้เหลือซาก โดยเฉพาะเหตุการณ์ในมัสยิดกรือเซะที่กลุ่มคนร้ายได้วิ่งหนีไปหลบในมัสยิดตั้งแต่ช่วงเช้า กองกำลังภาครัฐกระทำทุกอย่างเพื่อกดดันพวกเขา ทั้งการยิงปืนเล็กเข้าใส่ การโยนแก๊สน้ำตาเข้าใส่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า และด้วยคำสั่งของผู้นำ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี รองผอ.กอ.รมน. จึงได้สั่งให้ใช้อาวุธหนักเข้าใส่มัสยิด โดยไม่สนใจว่า จะทำให้มัสยิดพังลงหรือไม่
สถานที่สำคัญที่มีอายุยาวนานหลายร้อยปีแห่งนี้ เหมือนจะถูกทำลายลงอีกครั้ง หลังจากเมื่อ 200 ปีที่แล้ว ได้มีการเผาทำลายไปครั้งหนึ่งแล้ว การได้เห็นสถานที่สักการะพระผู้เป็นเจ้าถูกยิงถล่มครั้งครั้งเล่า สร้างความสะเทือนใจให้กับมุสลิมไม่เพียงแต่คนคนที่อยู่ในเหตุการณ์และในประเทศไทย แต่สะเทือนใจมุสลิมทั่วโลก
แต่เหตุการณ์ที่ช้อคคนมุสลิมหนักหน่วงที่สุดคือการล้อมปราบผู้ชุมนุมหน้า สภ.ตากใบ จนมีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุการณ์ทันที 6 ราย คนเหล้านี้ ถูกสร้างภาพเป็นกลุ่มขบวนการที่มีอาวุธ ยิงต่อสู้กับตำรวจ แต่อาวุธที่ถูกเขาใช้ยิงต่อสู้กลับถูกค้นพบอีกวันหนึ่งในแม่น้ำ แต่นั่นไม่รุนแรงเท่า การสั่งจับกุมผู้คนไปนับพันใส่ยีเอ็มซีของทหาร โยนขึ้นรถกองรวมกันในสภาพที่มือถูกมัดไพล่หลังโดดไม่อาจดิ้นรนได้ การเดินทางที่ยาวนานหลายชั่วโมงทั้งที่ใช้เวลาปกติเพียง 1 ชั่วโมงบวกกับความอ่อนเพลียจากการถือศีลอดมาตลอดทั้งวันและการไร้อากาศอากาศหายใจ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 78 คน
ความรุนแรงยังมีอยู่ต่อเนื่อง แม้แต่ ส.ส.ของพรรคไทยรักไทยเอง นัจมุดดีน อูมา ลูกพรรคของผู้นำ ถูกตำรวจทหารหลายร้อยนาย บุกไปจับกุมที่บ้านพัก ถ้าไม่ได้พล.อ.สนธิ บุณยรัตกลิน ผบ.ทบ.ในขณะนั้น ส่งรถทหารไปวนเวียนใกล้ที่เกิดเหตุ นัจมุดดีน อาจไม่มีชีวิตอยู่ก็เป็นไปได้
การเลือกตั้งในปี 2548 ภาพที่คนมุสลิม ทำลายป้ายหาเสียงที่มีรูปพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อยู่ด้วยเกือบทุกหนแห่ง สะท้อนให้เห็นถึงความเกลียดชังที่คนมุสลิมมีต่อผู้นำคนนี้ การเลือกตั้งครั้งนั้น ผู้สมัครกลุ่มวาดะห์สอบตกเกือบทั้งหมด
ในสมัยของพรรคพลังประชาชน กลุ่มวาดะห์ไม่มีทางเลือกมากนักในการเดินออกมาจากพลังประชาชน ซึ่งมุสลิม 3 จังหวัด ก็ได้สั่งสอนพวกเขาอีกครั้ง เข้ามาได้เพียงนัจมุดดีน อูมา และซูการ์โน มะทา น้องชายวันนอร์ และอารีเพ็ญ ในระบบบัญชีรายชื่อ แต่ นัจมุดดีน และอารีเพ็ญ ก็ได้ถอนตัวออกมา มีเพียงวันนอร์เท่านั้น ที่ยังภักดีกับทักษิณอย่างเหนียวแน่น
ในพรรคเพื่อไทย จึงเหลือน้องชายวันนอร์ เพียงคนเดียว อารีเพ็ญ,นัจมุดดีน,เด่น โต๊ะมีนา,มุข สุไลมาน,ไพศาล ยิ่งสมาน ไปรวมตัวกันในสีเสื้อมาตุภูมิ เพื่อสานต่อเจตนารมณ์ของวาดะห์ต่อไป
การแสดงความเสียใจของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่เหมือนการขอโทษคนมุสลิมภาคใต้ในการให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์สเตรทไทม์ของสิงคโปร์ก่อนการเลือกตั้ง 1 เดือนนั้น เป็นความพยายามของอดีตผู้นำที่เข้าตาจน รู้ชะตากรรมว่า เขาอาจจะสูญเสียที่นั่งในภาคใต้ทั้งหมด
เป็นการแสดงความเสียใจ ที่ไม่อาจลบล้าง รอยเลือดและคราบน้ำตาที่เกรอะกรังอยู่ในใจคนมุสลิม นักการเมืองมุสลิมที่ยังรับใช้เขา อาจถูกสั่งสอนอีกครั้ง…
จากคอลัมน์ มุมคิด สะกิดใจ
โดย…พรพญา
MTODAY ฉบับที่ 12
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 2688 ครั้ง