โดยกัมพูชาได้มีความเคลื่อนไหวอย่างผิดปกติตั้งแต่ช่วงค่ำ วันที่ 27 มิถุนายน ทหารกัมพูชานำรถถัง 6 คัน จากหน่วยทหารที่อยู่ในพื้นที่สะแรนอย จ.อุดรมีชัย เคลื่อนกำลังมุ่งหน้าไปยังปราสาทพระวิหาร ผ่านอนุสาวรีย์สันติภาพ อ.อัลลองเวง จ.พระวิหาร และคาดว่าจะไปตั้งฐานปฏิบัติชั่วคราวที่ ต.ตระเปียงประสาท อ.จอมกระสาน เพื่อรอสนับสนุนกำลังหลักที่ชายแดนเขาพระวิหาร
“มีรถบรรทุกพ่วงคลุมผ้าใบมิดชิด 3 คันวิ่งผ่านพื้นที่เดียวกัน คาดว่าบรรทุกกระสุนปืน เพื่อนำไปสมทบที่ปราสาทพระวิหาร รวมทั้งมีการนำรถบรรทุก 10 ล้อ 18 ล้อ รถยีเอ็มซีอีก 45-50 คัน มีทหารนั่งคันละประมาณ 30-40 นาย คาดว่าน่าจะส่งกำลังไม่ต่ำกว่า 3,000 นาย สมทบตามแนวชายแดนศรีสะเกษตั้งแต่ภูสิงห์ ขุนหาญ ตรงเขาพระพะลัย ฝั่งตรงข้าม อ.ตระเปียงปราสาท จ.อุดรมีชัย วางแนวยาวถึงโกมูย ตลอดถึงช่องโดนเอาว์ ตรงข้ามต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ” แหล่งข่าวระบุ
นอกจากนี้ พ.อ.เฮง บุญเฮียง ผบ.คุมกองกำลังหน่วยรบพิเศษ 911 เขมร นำทหารเขมรพร้อมอาวุธหนักบีเอ็ม 21 ออกจากหน่วยทหารในพื้นที่สระแอม เพื่อไปสนับสนุนพื้นที่ด้านเขาพระวิหาร แถมนำอาวุธชนิดใหม่ที่เขมรสั่งมาเรียกว่า “85” มาใช้งานด้วย
ส่วน “กองทัพกัมพูชา” ที่รับผิดชอบพื้นที่บริเวณ จ.ศรีสะเกษ สุรินทร์ และบุรีรัมย์นี้ อยู่ในความรับผิดชอบของหน่วยบัญชาการทหารภูมิภาคที่ 4 ซึ่งได้วางกำลังหลักได้แก่ หน่วยทหารป้องกันชายแดน (ปชด.) 4 หน่วย และกองพันตำรวจป้องกันชายแดน (พัน.ตชด.) 4 หน่วย วางกำลังรักษาพื้นที่ตามช่องทางด้านชายแดนที่สำคัญๆ ตลอดแนวชายแดน
โดยแบ่งการบังคับบัญชาเป็นส่วนหน้า 3 พื้นที่ หน่วยบัญชาการภูมิภาคทหารที่ 4 ส่วนหน้า ประจำพื้นที่โอนเสม็ด ตรงข้ามช่องจอม กรุงสำโรง จ.อุดรมีชัย ตรงข้ามช่องจอม จ.สุรินทร์ พื้นที่ตรงข้ามช่องจระโก๊บ ช่องโดนโปว์ และช่องกบาลกระไบ ต.ห้วยจันทร์ อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ ได้วางหมวดลาดตระเวนที่ 2 กองร้อยลาดตระเวนที่ 5 สังกัดหน่วยป้องกันชายแดนที่ 403 มีกำลัง 12 นาย ฐานตรงข้ามช่องพระพะลัย ช่องทับอู่ และช่องเพิงพระพุทธ ต.ละลาย อ.กันทรลักษ์ กองร้อยลาดตระเวนที่ 5 หน่วยป้องกันชายแดนที่ 403 กำลัง 47 นาย
ฐานเปรี๊ยะปรอลาย ต.เปรี๊ยะปรอลาย อ.ตรอเปียงปราสาท จ.อุดรมีชัย ฐานตรงข้ามช่องโดนเอาว์ ภูมะเขือ เขาพระวิหาร ช่องตาเฒ่า และปราสาทโดนตวล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ฐานตาซึมตอนบน (ตรงข้ามช่องโดนเอาว์) ฐานตาซึมตอนล่าง (ตรงข้ามช่องโดนเอาว์) ฐานปฏิบัติการที่ภูมะเขือ พลาญอินทรี ปรำมกรา ฐานซ็อมบ็อกคะมุม หรือฐาน ตชด.เก่าของไทย ฐานจ็อมกาเจก (แนวร่องน้ำห้วยตามาเรีย) บริเวณวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ ฐานนี้มีกำลังประมาณ 27 นาย พื้นที่ปราสาทพระวิหาร ที่ตั้งปราสาทชั้นที่ 1 กำลังประมาณ 10 นาย โดยกำลังส่วนที่อยู่รอบปราสาทพระวิหารจะเป็นหน่วยรบพิเศษ รพศ.911 เป็นหลัก นอกจากนี้จะมีฐานปฏิบัติอยู่ตรงข้ามช่องตาเฒ่า พื้นที่เขาสัตตะโสม ติดบ้านบ้านภูมิซรอล, ที่ตั้งทหารไทย บริเวณปราสาทโดนตวล และบริเวณใกล้เคียง ซึ่งกำลังทั้งหมดที่ประจำการอยู่เดิมคาดว่าจะมีไม่ต่ำกว่า 5,000 นาย
ส่วนอาวุธประจำกายของทหาร ส่วนใหญ่จะเป็นปืนอาก้า 47, ปืนยิงลูกระเบิดชนิดอาร์พีจี, ปืน ค.84 ส่วนอาวุธยอดฮิตที่กัมพูชาภูมิใจนำเสนอ คือ ปืนยิงจรวดชนิดหลายลำกล้อง หรือ “บีเอ็ม 21” มี 40 ลำกล้องต่อคัน ทั้งนี้ พื้นที่ด้านเขาพระวิหาร “บีเอ็ม 21” จะไม่เหมาะกับชัยภูมิแถบนี้เพราะเป็นแนวหน้าผาสูงชัน หากจะยิงต้องตั้งลำกล้องไม่ต่ำกว่า 60 องศา นั่นหมายถึงมีโอกาสที่จะพลาดตกใส่ฝ่ายตัวเองสูง ที่ผ่านมากัมพูชาจึงเลือกที่จะเปิดฉากปะทะกับไทยเพื่อโชว์ศักยภาพอาวุธชนิดนี้ทางฝั่ง จ.สุรินทร์แทน
“ช่วงนี้ยังไม่น่าจะมีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น เนื่องจากต้นเดือนกรกฎาคมนี้ นายฟรองซัวส์ ฟียง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐฝรั่งเศส จะเดินทางเยือนประเทศกัมพูชาตามคำเชิญของรัฐบาลกัมพูชาในพิธีปิดสำนักงานบูรณะปราสาทบาปวน ซึ่งสำนักงานนี้ได้รับการสนับสนุนจากประเทศฝรั่งเศส และยังมีกำหนดการจะเข้าเยี่ยมชมนครวัด นครธมด้วย ดังนั้นกัมพูชาคงไม่กล้าเปิดฉากปะทะกับไทยในระหว่างนี้” แหล่งข่าวจากความมั่นคง กล่าว
ขณะที่ฝ่ายไทย จากคำให้สัมภาษณ์ของผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยืนยันว่า ทหารไทย 3 เหล่าทัพพร้อมรบเต็มที่ อย่างไรก็ตาม หลังผ่านไป 2-3 วัน สถานการณ์เริ่มคลี่คลายลง
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1584 ครั้ง