การถือครองทองคำของกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟลดลง 15.25 ตัน หรือ 490,286 ออนซ์ ในเดือนพฤษภาคม จากตัวเลขล่าสุดของไอเอ็มเอฟ ขณะที่ทองคำสำรองของรัสเซียเพิ่มขึ้น 22.46 ตัน
ล่าสุดทองคำสำรองของไอเอ็มเอฟอยู่ที่ 2,951.58 ตัน ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม เทียบกับ 2,966.83 ตัน ณ สิ้นเดือนเมษายน ข้อมูลจากเว็บไซต์ไอเอ็มเอฟระบุ รัสเซียเพิ่มการถือครองทองคำมาอยู่ที่ 703.1 ตัน ในเดือนพฤษภาคม จาก 680.64 ตัน และยังคงเพิ่มทองคำสำรองทุกเดือนอย่างน้อยตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ข้อมูลทางการรัสเซียระบุ
ไอเอ็มเอฟมีแผนที่จะขายทองคำ 403.3 ตัน อินเดีย, มอริเชียส และ ศรีลังกาได้ซื้อทองคำกว่า 212 ตันเมื่อปีที่แล้ว และไอเอ็มเอฟได้ประกาศในเดือนกุมภาพันธ์ว่า จะขายทองคำส่วนที่เหลือตามแผนอยู่ในตลาด การขายทองคำในช่วงกุมภาพันธ์จนถึงพฤษภาคมที่ผ่านมาทำให้เหลือทองคำที่จะขายอีก 137.5 ตันตามแผนในช่วงเิริ่มเดือนมิถุนายน
“นี่เป็นการบ่งชี้ว่า พวกเขาจะยังคงขายทองคำที่เหลืออยู่อีก 137.5 ตันในตลาดซึ่งตรงข้ามกับการทำธุรกรรมนอกตลาดกับธนาคารกลางต่างๆ” นายแดเนียล เมเจอร์ นักวิเคราะห์จากธนาคารรอยัลแบงก์ออฟสก็อตแลนด์ในกรุงลอนดอนกล่าว “จริงๆแล้ว การลดลงของการขายทองคำจากธนาคารกลางต่างๆในยุโรปและแรงซื้อจากอินเดีย รัสเซีย และ จีน ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่า ทองคำกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นในบรรดาธนาคารกลางต่างๆ”
ธนาคารกลางกำลังเพิ่มการถือทองคำสำรองและการถือครองหน่วยลงทุนที่หนุนหลังด้วยทองคำได้พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์เนื่องจากนักลงทุนมองหาทางเลือกนอกจากเงินตราสกุลต่างๆและการปกป้องความมั่งคั่งจากวิกฤตหนี้ในยุโรป ทองคำซื้อขายล่าสุดที่ 1,243.45 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ณ เวลา 16.16 น. ในกรุงลอนดอน และเคยวิ่งไปถึงจุดสูงสุดที่ 1,265.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์เมื่อวันที่ 21 มิถุนายนที่ผ่านมา
ทุนสำรองของจีน
ธนาคารกลางและรัฐบาลต่างๆได้เพิ่มการถือครองทองคำจำนวน 425.4 ตันเมื่อปีที่แล้วไปอยู่ที่ 30,116.9 ตัน ถือปีที่มีการเพิ่มทองคำที่สูงที่สุดนับแต่ปี 1964 และเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกนับแต่ปี 1988 ข้อมูลจากสภาทองคำโลกหรือ World Gold Council ระบุ ทุนสำรองทางการในรูปของทองคำจะเพิ่มอีก 192-289 ตันในปีนี้ ซีพีเอ็มกุร๊ป บริษัทวิจัยและบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนในนิวยอร์กระบุเมื่อเดือนพฤษภาคม
ที่มา Bloomberg