เจะอามิง โตะตาหยง “ประชาธิปัตย์ ทำมากกว่าทุกสมัย”
“การพูดว่า ประชาธิปัตย์ ไม่ได้ทำอะไร เป็นข้อกล่าวหาของคู่แข่ง สมัยนี้ เราได้ทำมากกว่าทุกสมัย” เจะอามิง โตะตาหยง หัวหน้าทีมผู้สมัคร ส.ส. 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พรรคประชาธิปัตย์ ตอบคำถามถึงเสียงวิจารณ์การทำงานของพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะ ส.ส.มุสลิมในพรรค
เขา กล่าวว่า ในอดีตพรรคประชาธิปัตย์ เป็นฝ่ายค้านมาตลอด 60 กว่าปีของการก่อตั้งพรรค ประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลสมัยนายควง อภัยวงศ์ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ระยะเวลาสั้นๆ สมัยนายชวน หลีกภัย และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เราได้ทำงานให้กับประเทศมากกว่าทุกสมัย ทั้งผลงานระดับประเทศ,ผลงานเพื่อคนภาคใต้และสังคมมุสลิม
สิ่งที่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ทำให้กับประเทศขาติ เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับสังคม ที่เห็นชัดเจน อาทิ การเรียนฟรี 15 ปี ซึ่งเปิดโอกาสให้คนยากจนได้มีโอกาสเล่าเรียนอย่างเท่าเทียม การให้สวัสดิการผู้สูงอายุ เดือนละ 500 บาท แม้หลายคนในเมืองมองว่า เป็นเงินเพียงเล็กน้อย แต่สำหรับคนในต่างจังหวัด ถือว่า เป็นเงินมากพอที่เขาสามารถใช้จับจ่ายใช้สอยอะไรได้พอสมควร เงินเดือนอสม. ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่ทำงานช่วยราชการมานานสมควรที่เขาจะได้ผลตอบแทน เรายังได้ขึ้นเงินเดือนกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เพื่อให้สามารถทำงานช่วยราชการได้อย่างเต็มที่ เพิ่มเงินเดือนให้กับบุคคลากรขององค์การบริหารส่วนตำบล การดูแลค่าครองชีพ ค่ารถเมล์ ค่าไฟฟรีสำหรับประชาชนที่ใช้ไฟน้อย รวมทั้งดูแลให้ยางพาโดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ จากราคา 40 บาท เป็น 180 บาท สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ ทำให้เศรษฐกิจของชาวบ้านใน 14 จังหวัดภาคใต้ และภาคอื่นที่ปลูกยางพาราดีขึ้น เป็นเพียงตัวอย่างของงานที่รัฐบาลประชาธิปัตย์ทำให้กับคนไทย
ในส่วนของภาคใต้ โดยเฉพาะการทำงานใน 3 จังหวัด โดยส่วนตัวเอง ได้เข้าไปเร่งรัดงานหลายอย่างที่คั่งค้างอยู่นาน ที่ผู้รับเหมาทิ้งงานให้เดินหน้าไปได้ และเริ่มโครงการใหม่ๆ อาทิ โครงการขยายสนามบินนราธิวาส ให้เป็นสนามบินนานาชาติ เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับคนนราธิวาสและใกล้เคียง รองรับการเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ของคนมุสลิมให้มีสะดวกขึ้น จากเดิมที่ต้องเดินทางไปสนามบินหาดใหญ่ และจะเป็นการรองรับคนมาเลเซียตอนบนของประเทศ ให้มาใช้บริการได้ด้วย นอกจากการไปทำฮัจญ์แล้ว ยังจะช่วยให้การเดินทางไปทำอุมเราะห์สะดวกมากขึ้น ช่วยเพิ่มจำนวนผู้เดินทางไปอุมเราะห์ได้ เพราะมีความสะดวกขึ้น
โครงการก่อสร้างอาคารเรียนและหอพักของมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ มูลค่า 800 ล้านบาท แต่เดิม เป็นเดิมมหาวิทยาลัยใช้วิธีการนำนักศึกษาไปฝากเรียนยังมหาวิทยาลัยต่างๆทั่วประเทศ สร้างความยากลำบากให้กับนักศึกษาที่ต้องเดินทางไปยังพื้นที่ห่างไกล เพราะมีการอนุมัติให้สร้างมหาวิทยาลัย แต่ไม่ได้สร้างอาคาร
โครงการเพื่อเยาวชนในจังหวัดนราธิวาส ได้ผลักดันโครงการขยายสนามกีฬาจังหวัดนราธิวาส จากเดิมที่มีขนาดเล็กให้มีขนาดใหญ่ เพื่อรองรับการแข่งขันกีฬาในระดับต่างๆ รองรับการแข่งขันกีฬาระดับชาติ อาทิ กีฬาแห่งชาติ กีฬาเยาวชน และช่วยให้เยาวชนได้มีสถานที่เล่นกีฬา การผลักดันถนนสาย 406 ถนน 4 เลน จากรามัน-ยี่งอ ที่ผู้รับเหมาเดิมทิ้งงานตั้งแต่ปี 2545 ให้การก่อสร้างเสร็จลุล่วงซึ่งทำให้การเดินทางไปยังด่านสุไหงโกลกของชาวบ้านมีความสะดวกสบายมากขึ้น
ที่จังหวัดยะบา ได้ผลักดันโครงการก่อสร้างสนามบินขนาดเล็กที่อำเภอเบตง จังหวัดยะลา รองรับการเดินทางไปเบตงของประชาชนในพื้นที่และนักท่องเที่ยวสะดวกสบายยิ่งขึ้น สามารถเชื่อมการเดินทางกับทางเหนือของมาเลเซียได้ ซึ่งตอนนี้ ติดอยู่ในขั้นตอนของการเวนคืนที่ดินที่ชาวบ้านเรียกร้องค่าเวนคืนเพิ่มขึ้น และมีโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงจากเหนือลงใต้
“นโยบายเหล่านี้ เป็นนโยบายที่ประชาชนให้ความพึงพอใจมาก เพราะรัฐบาลได้ทำงานเพื่อประโยชน์ของคนทั้งประเทศ ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ของคนๆเดียว เหมือนที่บางพรรคกำลังหาเสียงอยู่” นายเจะอามิง กล่าว
ในส่วนของการแก้ไขปัญหาภาคใต้พรรคสามารถผลักดันการการจัดตั้งศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) โดยการผลักดันกฎหมายการบริหารกิจการภาคใต้ แม้ว่า ยังเกิดเหตุความรุนแรงอยู่ แต่ความรุนแรงเพิ่งมาเกิดในปี 2554 หลังกฎหมายกฎหมายประกาศใช้ ซึ่งน่าจะมีเบื้องหลัง และเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเฉพาะจุดไม่ได้เกิดขึ้นในวงกว้างเหมือนในอดีต ซึ่งก่อนหน้านี้สถานการณ์ดีขึ้นเป็นลำดับ แต่เมื่อรัฐบาลประกาศที่จะยกเลิกประกาศกฎหมายความมั่นคง เข้าใจว่า มีคนกลุ่มหนึ่งไม่ต้องการให้สงบและยกเลิกประกาศ
ทั้งนี้ กฎหมาย ศอ.บต. เป็นกฎหมายการบริหารกิจการใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เปิดโอกาสให้ประชาชนในพื้นที่จากหลากหลายอาชีพ นักวิชาการ นักการเมืองท้องถิ่น ได้เข้ามาส่วนร่วมในการกำหนดนโยบาย ซึ่งเรื่องที่ผ่านการอนุมัติของคณะกรรมการฯ ซึ่งตอนนี้เพิ่งจัดตั้งเสร็จนั้น นายกฯ จะต้องลงนามเห็นชอบ โดยไม่ต้องผ่านที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ซึ่งจะช่วยการให้การขับเคลื่อนการแก้ปัญหาภาคใต้ ทำได้เร็วและครอบคลุมมากขึ้น
ในส่วนของการบริหาร จะมีเลขาธิการศอ.บต. ขึ้นตรงกับสำนักนายกฯ มีนายกฯหรือรองนายกฯกำกับดูแล มีรัฐมนตรีรับผิดชอบโดยตรง ซึ่งจะทำให้ขั้นตอนการแก้ปัญหาและการบริหารไม่ยืดเยื้อเป็นไปตามเจตนารมณ์ของชาวบ้านในพื้นที่ และการสะท้อนข้อมูลความต้องการจากชาวบ้านโดยตรง จะทำให้การแก้ปัญหาตรงจุด
“เงื่อนไขตอนนี้ เหลือน้อยแล้ว ยังมีเงื่อนไขจากเจาหน้าที่ราชการอยู่บ้าง ก็มีจำนวนน้อย ซึ่งจะต้องลดเงื่อนไขการก่อเหตุให้มากที่สุด แต่ส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ซึ่งกฎหมายใหม่ ให้อำนาจเลขาธิการศอ.บต.สามารถโยกย้ายข้าราชการที่มีปัญหาได้เลยเลย” อดีต ส.ส.นราธิวาส 4 สมัย กล่าว
สำหรับการแก้ไขปัญหาให้กับคนมุสลิมนั้น นายเจะอามิง กล่าวว่า ที่ผ่านมาเป็นคนเสนอร่างกฎหมายซากาต ซึ่งผลักดันโดยนายวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ ดร.อิศรา ศานติศาสน์ อาจารย์จากจุฬาฯ กฎหมายผ่านที่ประชุมคณะรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรี ได้ลงนามแล้ว เพราะเป็นกฎหมายการเงิน ถูกบรรจุอยู่ในระเบียบวาระของสภาผู้แทนฯแล้ว แต่วาระอยู่ลำดับท้ายๆ จึงไม่ถูกนำเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ ซึ่งน่าเสียดาย ซึ่งการบรรจุวาระการประชุมอำนาจที่อยู่ประธานสภาฯ ส.ส.ไม่มีอำนาจ เช่นเดียวกับ กฎหมายชารีอะห์ ที่เกี่ยวกับครอบครัวและมรดก ซึ่งต้องไปแกไขกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ก็อยู่ระหว่างรอการพิจารณาของสภาฯ
“เป็นบทเรียนของเราว่า ต่อไปการเสนอแก้ไขกฎหมาย จะต้องไม่ทำให้เป็นกฎหมายการเงิน เพื่อลดขั้นตอน ซึ่งความจริงกฎหมายการจัดตั้งกองทุนซากาต เกี่ยวข้องกับการเงินเฉพาะการจัดจ้างเจ้าหน้าที่เท่านั้น ส่วนอื่นๆไม่เกี่ยวกับงบประมาณเท่าไหร่
กองทุนซากาต เป็นการจัดตั้งกองทุนเพื่อบริหารเงินซากาตของพี่น้องชาวไทยมุสลิมและอาจมีการบริจาคมาจากต่างประเทศ เพื่อช่วยเหลือพี่น้องมุสลิมไทย ที่จะได้รับการดูแลสวัสดิการตามหลักการอิสลาม ส่วนเรื่องอื่นๆ การแก้ไขกฎหมายฮัจญ์ คงจะตองผลักดันให้มีการบริหารที่คล่องตัวและมีมุสลิมเข้าร่วมมากขึ้น อีกเรื่องหนึ่ง ที่กำลังมีการผลักดัน คือ กฎหมายฮาลาล ให้มีองค์กรขึ้นมาเพื่อบริหารอาหารฮาลาล เพราะที่ผ่านมาแม้จะตีคณะกรรมการกลางฯ อนุมัติฮาลาลแล้ว เมื่อมีปัญหาการปลอมแปลง หรือการกระทำความผิด ยกตัวอย่าง อาหารฮาลาลยี่ห้อหนึ่งมีการตรวจสอบพบมีเนื้อหมูผสมอยู่ แต่ก็ไม่สามารถลงโทษผู้กระทำความผิดได้ ซึ่งกฎหมายที่จะออก จะต้องกำหนดโทษปรับหรือจำคุก หรือทั้งจำทั้งปรับ
“จะเห็นว่า รัฐบาลประชาธิปัตย์ ได้ทำมากกว่าสมัยใดๆ แต่มีความพยายามกล่าวหา โจมตีพรรคมาตลอดว่า ไม่เคยทำอะไรเพื่อพี่น้องมุสลิม ซึ่งโดยข้อเท็จจริงเราได้ทำมาตลอด ส.ส.มุสลิมในพรรคเวลามีอะไรเราก็พูดคุยหารือกันตลอด เรามีความเป็นเอกภาพในการขับเคลื่อนแนวทางที่เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องมุสลิม อย่างผม ไม่เคยขาดประชุมสภา ทำงานหนักมาตลอด ลงพื้นที่รับทราบปัญหาของชาวบ้าน นำไปสู่การผลักดันแก้ไขอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดความสงบสุข เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติโดยรวม” ส.ส. 4 ของนราธิวาส กล่าว
เขา กล่าวว่า มีความพยายามขยายประเด็นว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่ให้ความสำคัญกับ ส.ส.มุสลิม ไม่ให้ ส.ส.มุสลิมได้เป็นรัฐมนตรี ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์มีกฎอยู่ว่า คนที่จะได้เป็นรัฐมนตรีจะต้องเป็น ส.ส. 5 สมัย เป็นอย่างน้อย ซึ่งตนเองเป็นมาแล้ว 4 สมัย หากได้เป็น ส.ส.สมัยที่ 5 ก็มีโอกาสจะได้เป็นรัฐมนตรี
“อย่าว่าแต่ส.ส.มุสลิมเลย ส.ส.บางคนเป็นมาแล้ว 11-12 สมัย ก็ยังไม่ได้เป็น ส.ส. เรื่องนี้อยู่กับศักยภาพของบุคคลด้วย ซึ่งตอนนี้ ส.ส.มุสลิมในพรรคก็มีศักยภาพเพียงพอที่จะเป็นได้ หากมีอาวุโสเพียงพอ การนำเรื่องนี้มากล่าวหาโจมตี ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ไม่ให้ความสำคัญกับมุสลิม ซึ่งไม่เป็นความจริง เป็นการให้ข้อมูลที่ทำให้คนเข้าใจผิด ซึ่งคนที่กล่าวหา ไม่เคยทำอะไรให้พี่น้องมุสลิมเลยด้วยซ้ำไป”
เจะอามิง กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ เหมือนเป็นการเลือกน่ายกฯ ผู้นำจะต้องเป็นคนที่น่าเชื่อถือ ซึ่งหากนำหัวหน้าพรรค 51 พรรคมาพิจารณาแล้ว จะเห็นว่า หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์มีความเหมาะสมที่สุด และสามารถทำงานได้เลย ทั้งการสานต่อนโยบายเก่า และการสร้างนโยบายใหม่ ไม่ต้องศึกษางานให้เสียเวลา โดยเฉพาะนโยบายการช่วยเหลือคนยากจนที่ไม่มีที่ดินทำกิน กำลังจะมีการออกโฉนดให้ชาวบ้านกว่า 2.5 แสนไร่
“ในภาคใต้พรรคได้ทำมาระดับหนึ่งแล้ว หากมีโอกาสก็จะทำต่อเพื่อให้เกิดความสงบสุข ซึ่งเราต้องขับเคลื่อนตามแนวทางสันติตามหลักการศาสนา ชาวบ้านให้ความร่วมมือมากขึ้น ลดความขัดแย้งได้ดีพอสมควร แม้จะยังมีปัญหาความรุนแรงอยู่ แต่ก็เป็นระดับพื้นที่ที่กลุ่มขบวนการต้องการแสดงศักยภาพ ซึ่งจะต้องเดินหน้าต่อไป ทำงานด้วยความชอบธรรม และประชาชนมีอำนาจในการปกครองตนเองมากขึ้น เงื่อนไขยังมีอยู่ เรายอมรับ ก็ต้องค่อยๆขจัดออกไป” เขา กล่าว
นายเจะอามิง ในฐานะหัวหน้าทีมผู้สมัคร ส.ส. 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า มั่นใจว่า จากผลงาที่รัฐบาลได้ดำเนินการมาตลอดเวลา 2 เดือนเพื่อสร้างความอยู่ดีกินดี และสร้างโอกาสให้กับคนมุสลิม มั่นใจว่า พรรคจะได้รับเลือกตั้งใน 3 จังหวัด ประมาณ 8 ที่นั่ง จาก 11 ที่นั่ง เพราะที่ผ่านมา ส.ส.ของพรรคได้ทำงานหนักมาตลอดและรัฐบาลก็มีผลงาน คิดว่า ประชาชนจะให้โอกาส
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1427 ครั้ง