หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เตรียมขนครอบครัวใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ที่ รร. สวัสดี สุขุมวิท 31 ท่มกลางสื่อรุมล้อมจำนวนมาก-ชวนคนไทยกำหนดประเทศ
เวลา 10.10 น. ที่หน่วยเลือกตั้งโรงเรียนสวัสดี ในซอยสุขุมวิท31 เป็นหน่วยเลือกตั้งที่4 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์พร้อมด้วยบุคคลในครอบครัว ที่อาศัยในบ้านเลขที่32 รวม5คน ที่มีลำดับ52-57 ได้แก่ นายอรรถสิทธิ์ เวชชาชีวะ น.ส.งามพรรณ เวชชาชีวะ น.ส.บุณยนุช พงศ์อิศวรานันท์ น.ส.ปราง เวชชาชีวะและนางพิมพ์เพ็ญ เวชชาชีวะ จะเดินทางมาใช้สิทธิ์ในการเลือกตั้งที่นี่ ได้เดินทางไปใช้สิทธิ์ พร้อมกับภรรยา และบุตรสาว ท่มกลางสื่อมวลชนทั้งในและต่างประเทศ ไปรุมล้อมทำข่าวจำนวนมาก
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขอเชิญชวนทุกคนไปใช้สิทธิ์ เพื่ออนาคตของประเทศ โดยไม่ได้สัมภาษณ์เรื่องอื่นแต่อย่างใด
ในเหน่วยเลือกตั้งนี้ เวลา 08.00 น. เจ้าหน้าที่กกต.ได้เปิดคูหาให้คงประชาชนสิทธิ์ลงคะแนน อย่างไรก็ตามที่หน่วยนี้มี น.ส.ไพลิน อินทรกำแหง อายุ59ปี เป็นคนที่มารอใช้สิทธิ์คนแรกตั้งแต่เวลา 07.00น. ที่หน่วยเลือกตั้งดังกล่าวเนื่องจากมีธุระต้องเดินทางไกล
ชวนใช้เสียงที่ตรัง
ที่จังหวัดตรัง เมื่อเวลา 08.39 น. นายชวน หลีกภัย และนายกิจ หลีกภัย นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง หรือ ได้เดินทางมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งที่หน่วยเลือกตั้ง ที่หน่วยเลือกตั้งที่ 60 ที่ห้องประชุมโรงเรียนวัดควนวิเศษ ตำบลทับเที่ยง อำเภอเมือง จังหวัดตรัง โดยนายชวน หลีกภัยและนายกิจ หลีกภัย ได้เดินดูรูปภาพและหมายเลขของผู้สมัครบนบอร์ดปิดประกาศ และได้ยื่นบัตรประชาชนต่อเจ้าหน้าที่ตามขั้นตอน และหลังหย่อนบัตรเลือกตั้งเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เดินทางกลับ โดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนที่ติดตามแต่อย่างใด
เวลา 08.40 ที่ หน่วยเลือกตั้งที่ 84 ซ.รัชดาภิเษก 3 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย ได้เดินทางมาใช้สิทธิเลือกตั้งพร้อมด้วย นายต้นตระกูล กมลวิศิษฏ์ บุตรชาย โดยนายชูวิทย์มีรายชื่ออยู่ในลำดับที่ 93 โดยภายหลังการใช้สิทธิ์
นายชูวิทย์ กล่าวว่า จากนี้ จะไปไหว้ศาลของมารดาและจะไปรอลุ้นผลเลือกตั้งที่ทำการพรรค โดยตนจะแถลงข่าวในเวลา 15.30 น.
เวลา 10.10 น. ที่หน่วยเลือกตั้งโรงเรียนสวัสดี ในซอยสุขุมวิท31 เป็นหน่วยเลือกตั้งที่4 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์พร้อมด้วยบุคคลในครอบครัว ที่อาศัยในบ้านเลขที่32 รวม5คน ที่มีลำดับ52-57 ได้แก่ นายอรรถสิทธิ์ เวชชาชีวะ น.ส.งามพรรณ เวชชาชีวะ น.ส.บุณยนุช พงศ์อิศวรานันท์ น.ส.ปราง เวชชาชีวะและนางพิมพ์เพ็ญ เวชชาชีวะ จะเดินทางมาใช้สิทธิ์ในการเลือกตั้งที่นี่ ได้เดินทางไปใช้สิทธิ์ พร้อมกับภรรยา และบุตรสาว ท่มกลางสื่อมวลชนทั้งในและต่างประเทศ ไปรุมล้อมทำข่าวจำนวนมากนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขอเชิญชวนทุกคนไปใช้สิทธิ์ เพื่ออนาคตของประเทศ โดยไม่ได้สัมภาษณ์เรื่องอื่นแต่อย่างใดในเหน่วยเลือกตั้งนี้ เวลา 08.00 น. เจ้าหน้าที่กกต.ได้เปิดคูหาให้คงประชาชนสิทธิ์ลงคะแนน อย่างไรก็ตามที่หน่วยนี้มี น.ส.ไพลิน อินทรกำแหง อายุ59ปี เป็นคนที่มารอใช้สิทธิ์คนแรกตั้งแต่เวลา 07.00น. ที่หน่วยเลือกตั้งดังกล่าวเนื่องจากมีธุระต้องเดินทางไกลที่จังหวัดตรัง เมื่อเวลา 08.39 น. นายชวน หลีกภัย และนายกิจ หลีกภัย นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง หรือ ได้เดินทางมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งที่หน่วยเลือกตั้ง ที่หน่วยเลือกตั้งที่ 60 ที่ห้องประชุมโรงเรียนวัดควนวิเศษ ตำบลทับเที่ยง อำเภอเมือง จังหวัดตรัง โดยนายชวน หลีกภัยและนายกิจ หลีกภัย ได้เดินดูรูปภาพและหมายเลขของผู้สมัครบนบอร์ดปิดประกาศ และได้ยื่นบัตรประชาชนต่อเจ้าหน้าที่ตามขั้นตอน และหลังหย่อนบัตรเลือกตั้งเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เดินทางกลับ โดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนที่ติดตามแต่อย่างใดเวลา 08.40 ที่ หน่วยเลือกตั้งที่ 84 ซ.รัชดาภิเษก 3 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย ได้เดินทางมาใช้สิทธิเลือกตั้งพร้อมด้วย นายต้นตระกูล กมลวิศิษฏ์ บุตรชาย โดยนายชูวิทย์มีรายชื่ออยู่ในลำดับที่ 93 โดยภายหลังการใช้สิทธิ์นายชูวิทย์ กล่าวว่า จากนี้ จะไปไหว้ศาลของมารดาและจะไปรอลุ้นผลเลือกตั้งที่ทำการพรรค โดยตนจะแถลงข่าวในเวลา 15.30 น.ชูวิทย์หมดเงิน 10 ล้าน
นายชูวิทย์ ปฏิเสธได้รับการทาบทามร่วมรัฐบาล โดยระบุว่าทราบแต่เพียงว่า มีสองพรรคการเมืองที่ได้ตกลงกันแล้ว ซึ่งไม่อยากพูดอะไร โดยต้องรอดูผลการเลือกตั้งหลังวันที่ 3 ก.ค. ขณะที่การเลือกตั้งที่ผ่านมาก ตนได้ใช้เงินกว่า 10 ล้าน
รถไฟสายอิสานเสีย คนโวยลั่น
ก่อนหน้านี้ เวลา 02.00 น. ของวันที่ 3 ก.ค. ได้มีมีขบวนรถไฟจำนวนหลายโบกี้มีสายกรุงเทพ-อุบล ขบวนที่ 9977 จำนวน 5โบกี้ เป็นรถเที่ยวเสริม มีประชาชนกว่า 800 คนโดยสารมาได้จอดเสียอยู่ในรางรถไฟเส้นทางเบี่ยงที่สถานีคลองพุทรา ต.บางกระสั้นอ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา โดยประชาชนต่างแสดงความไม่พอใจกับการให้บริการของการรถไฟ เพราะว่าประชาชนเกือบทั้งหมดต้องการเดินทางกลับบ้านในจังหวัดภาคอีสานเพื่อกลับไปลงคะแนนเลือกตั้งแต่พบว่าตั้ง แต่รถไฟขบวนดังกล่าวออกจากสถานีรถไฟหัวลำโพงที่กรุงเทพเมื่อเวลา 22.00 น. ของวันที่ 2 ก.ค.54ที่ผ่านมา และมีการจอดเสียเวลาระหว่างทางบ่อยครั้งมากโดยใช้เวลาเดินทางจากหัวลำโพงมาถึงบางปะอิน ระยะทางรวมประมาณ 50 กิโลเมตร มากถึง 4 ชม.
ทั้งนี้ถึงแม้ว่ารถไฟขบวนดังกล่าวจะจอดเสียโดยไม่ทราบสาเหตุที่สถานีคลองพุทราอ.บางปะอิน แต่พบว่า ขบวนรถไฟสายอื่นที่จะมุ่งหน้าไปภาคเหนือและอีสานยังคงเดินรถได้ตามปกติเพราะขบวนที่จอดเสียไม่ได้ขวางเส้นทางหลังของการเดินขบวนรถไฟไปภาคเหนือและอีสาน
อย่างไรก็ตามเมื่อรถไฟมาจอดสงบนิ่งที่สถานีคลองพุทราโดยพนักงานขับรถไฟอ้างว่ารถไฟเสียแต่ไม่มีการเร่งซ่อมแซม ทำให้ประชาชนต่างโมโหและกล่าวหาว่าเป็นเกมของรัฐบาลที่ต้องการถ่วงเวลาและกลั่นแกล้งทุกวิถีทางที่จะทำให้คนอีสานกลับบ้านช้าและไปลงคะแนนเสียงไม่ทัน
เมื่อเวลาผ่านไปหลายชั่วโมงจนถึงเวลา 04.00น.ประชาชนที่โดยสารรถไฟมาต่างแสดงความไม่พอใจและลุกฮือประท้วงจนจ้าหน้าที่ตำรวจจากสภ.บางปะอิน ต้องเข้ามาระงับเหตุ และให้ประชาชนอยู่ในความสงบ
ขณะที่ นายสมควร จันจินดา นายสถานีรถไฟคลองพุทรา ชี้แจงว่าหัวรถจักรที่ลากขบวนโบกี้รถไฟเสียและขบวนรถไฟใหม่มารับประชาชนเพื่อเดินทางต่อไป
จนกระทั้งเวลา 05.00 น. ขบวนรถไฟเสริมสายกรุงเทพ-อุบล ขบวนที่ 143 จำนวน5 โบกี้ ได้เดินทางมาถึงและมารับถ่ายผู้โดยสารจากขบวนรถไฟที่เสียขึ้นขบวนรถไฟขบวนที่143 จากนั้นเร่งเดินทางต่อไปยังเป้าหมายในภาคอีสานส่วนขบวนรถไฟที่เสียขบวนที่ 9977ยังคงยอดสงบนิ่งเสียอยู่ที่สถานีคลองพุทราตามเดิม
โดยรวมแล้วนับจากออกจากสถานีรถไฟหัวลำโพงจนกระทั่งมาเสียที่สถานีคลองพุทราและแก้ไขจนเดินทางต่อไปได้นั้นประชาชนต้องเสียเวลาไปนานกว่า 7 ชม.ทำให้ชาวบ้านต่างไม่พอใจและมั่นใจว่าเป็นการกลั่นแกล้งไม่ต้องการให้คนภาคอีสานกลับไปใช้สิทธิ์ทันเวลาลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ส.ส.
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 2675 ครั้ง