พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ประชุมร่วมกับรอง ผบช.น. ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1-9 (ผบก.น.1-9) ผู้บังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ ผู้บังคับการศูนย์สืบสวนสอบสวน บช.น.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 2 กรกฎาคม ที่ห้องประชุมปารุสกวัน 1 บช.น. เพื่อวางมาตรการป้องกันเหตุร้ายในจุดเสี่ยง 68 จุด หลังเกิดเหตุระเบิดที่หน้าพรรคภูมิใจไทย และยิงระเบิดอาร์พีจีใส่คลังน้ำมัน จ.นนทบุรี ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
พล.ต.ท.สัณฐานเปิดเผยว่า ที่ประชุมจัดแบ่ง 3 สถานที่สำคัญในการดูแล 1.แหล่งกำเนิดไฟฟ้าย่อย คือสถานที่ที่รับไฟฟ้าแล้วมาแปลงก่อนจ่ายไปยังชุมชนในเมืองหลวง 2.แหล่งกักเก็บน้ำมันเชื้อเพลิง และ 3.สถานที่เป็นแหล่งกระจายผลิตน้ำประปาให้ชาวกรุงเทพฯ สำหรับแหล่งที่เป็นสถานีไฟฟ้าย่อยที่สำคัญในกรุงเทพฯ มี 15 แห่ง จากทั้งหมด 63 แห่ง ซึ่งใน 15 แห่งนี้ จะมีตำรวจดูแลเข้มข้นตั้งแต่ 18.00-06.00 น. มีเจ้าหน้าที่ประจำ 2 นาย ส่วนแหล่งอื่นที่เป็นพื้นที่รองลงมาก็ให้สายตรวจไปพัก และร่วมดูกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
“สำหรับคลังน้ำมัน จะดูว่าส่วนไหนมีเจ้าหน้าที่อยู่แล้ว หากเข้มแข็งก็แนะนำเพิ่มเติม หากยังไม่เข้มแข็งจะเสริมกำลังเข้าไป ส่วนบ้านบุคคลสำคัญยังรักษาไว้เหมือนเดิม รวมถึงผู้เกี่ยวข้องกับการตัดสินคดีความสำคัญต่างๆ สถานที่สำคัญ เช่น ศาลฎีกา ศาลรัฐธรรมนูญจะจัดเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแล ซึ่งเป็นความรับผิดชอบของ บช.น.ก็ดูแลให้ดีที่สุด” ผบช.น.กล่าว
พล.ต.ท.สัณฐานกล่าวอีกว่า สำหรับสถานที่ที่เป็นสัญลักษณ์ทางการเมือง ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ บก.น.1 ทาง พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 จัดกำลังสายตรวจทั้งหมดที่มี รวมถึงชุดปะฉะดะ ยามค่ำคืนตรวจสอบดูหมด ทั้งทำเนียบรัฐบาล รัฐสภา ศาลฎีกา ในพื้นที่ต้องดูหมด ส่วนการขอกำลังนั้นมีทหารมาร่วมตรวจกับ บก.น.1 ทุกวัน วันละ 50 นาย นอกจากนี้ ทางทหารมีกำลังเสริม หากมีเหตุสำคัญก็ร้องขอได้ทันที เป็นกำลังสำรองของกองทัพภาคที่ 1
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางการข่าวได้ประเมินความเคลื่อนไหวของกลุ่มใต้ดินอยู่หรือไม่ ผบช.น.กล่าวว่า ขณะนี้มองเห็นได้ว่าสถานการณ์ยังไม่นิ่ง มีความพยายามที่จะทำให้เกิดความไม่สงบขึ้น คงประมาทไม่ได้ หากสงบจริงไม่มีเหตุยิงอาร์พีจีหรือวางระเบิด ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีระบุว่าในวันที่ 7 กรกฎาคม อาจเสนอยกเลิกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในบางพื้นที่
พล.ต.ท.สัณฐานกล่าวว่า ในพื้นที่ บช.น.เห็นว่าน่าจะคงไว้สักระยะเพราะเป็นพื้นที่กว้างใหญ่ หากไม่มี พ.ร.ก.แล้วเกิดเหตุการณ์ต่างๆ ตามมา เห็นว่าผลเสียมากกว่าผลดี แต่หากคงไว้ก็ไม่มีผลกระทบกับประชาชนที่สุจริตอยู่แล้ว แต่หากใครคิดร้ายประเทศชาติจะเอา พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯไปจัดการ
เมื่อถามกรณีข่าวลอบสังหารนายกรัฐมนตรีและบุคคลสำคัญต่างๆ
พล.ต.ท.สัณฐานกล่าวว่า “ให้ฝ่ายสืบสวนและชุดอาวุธพิเศษ รวมถึงหน่วยอรินทราช เพิ่มเข้าไปในขบวนของท่าน รวมถึงบ้านพักต่างๆ ต้องดูแลอย่างเข้มข้น เจ้าหน้าที่จะเมินเฉยไม่ได้ เพราะเมื่อมีข่าวแบบนี้ต้องดูแลสูงสุด”
ด้านนายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวกรณีที่ พล.ต.อ.ประทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุมีการวางแผนลอบสังหารบุคคลสำคัญว่า ไม่กลัว เพราะโดนเมื่อไหร่ก็รู้ พวกเราโดนขู่ลอบทำร้ายกันทุกคน แต่งานมีก็ต้องทำ คนเราถึงเวลาโดนก็ต้องโดน คิดอยู่ว่าไม่เคยกลั่นแกล้งใคร และด้วยจิตบริสุทธิ์ของพวกเราทุกคน
“เชื่อว่าแม้จะมีใครเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับวิธีการหรือนโยบายของเราก็แล้วแต่ แต่ในแง่ของเจตนาตั้งใจ กล้ายืนยันว่าตั้งใจมาทำงานเพื่อประชาชนประเทศ ถ้าไม่ถูกใจหรือไปขวางทางคนบางคนที่ทำให้เขาไม่พอใจ ถึงขั้นมาปลิดชีวิตเรา ก็เป็นเรื่องที่ห้ามไม่ได้ ถ้ามีเหตุอันเป็นไปด้วยความตั้งใจที่ดี ผมฝากบอกที่บ้านไว้แล้วว่าถ้าเกิดขึ้นจริงอย่าไปโกรธเขา”นายกรณ์กล่าว เมื่อถามว่า ต้องเพิ่มกำลังรักษาความปลอดภัยหรือไม่ นายกรณ์กล่าวว่า มีเท่าที่เหมาะสม สำหรับตนมีตำรวจที่คอยดูแล 2 นาย คิดว่าพอแล้ว