ยาทดลองที่ใช้ประโยชน์จากพลังของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายในการต่อสู้กับโรคมะเร็งช่วยให้ผู้ป่วยบางรายที่เป็นมะเร็งผิวหนังขั้นสูงสามารถรักษาโรคของพวกเขาไว้ได้หลายปี

นักวิจัยคิดว่ายาที่เรียกว่า nivolumab อาจช่วยรีเซ็ตระบบภูมิคุ้มกันเพื่อที่ว่าเมื่อเนื้องอกเพิ่มเซลล์ใหม่ระบบภูมิคุ้มกันก็สามารถกำจัดมันได้

“เราตั้งสมมติฐานว่าเราได้รีเซ็ตความสมดุลระหว่างระบบภูมิคุ้มกันและเนื้องอกดังนั้นจึงมีสภาวะสมดุลหรือการอยู่ร่วมกันและสถานการณ์ดังกล่าวสามารถดำเนินต่อไปได้นานและเราไม่รู้ว่านานแค่ไหน ดร. Suzanne Topalian ผู้อำนวยการโครงการเนื้องอกที่ Sidney Kimmel Comprehensive Cancer Center ที่ Johns Hopkins University ในเมืองบัลติมอร์กล่าว

ผู้เชี่ยวชาญที่ไม่ได้มีส่วนร่วมในการศึกษานี้เรียกว่าผลลัพธ์ “น่าทึ่ง”

ดร. แอนโทนี่โอลส์แซนสกี้ผู้อำนวยการร่วมของโปรแกรมการรักษามะเร็งวิทยาเมลาโนมากล่าวว่าสิ่งนี้นำเสนอความหวังจำนวนมหาศาลของผู้ป่วยเรากำลังพูดถึงความอยู่รอดของผู้ป่วยที่ยืดเยื้อจนถึงจุดที่พวกเขาอาจไม่ตายจากโรค ที่ศูนย์มะเร็ง Fox Chase ในฟิลาเดลเฟีย

การค้นพบนี้เป็นส่วนหนึ่งของผลลัพธ์ล่าสุดของการทดลองใช้ nivolumab ซึ่งได้รับการทดสอบในผู้ป่วย 107 ราย ผู้ป่วยที่ลงทะเบียนในการศึกษาระหว่าง 2008 และ 2012

เนื้องอกบางชนิดสร้างโมเลกุลที่ปิดความสามารถของระบบภูมิคุ้มกันในการจดจำและฆ่าเซลล์มะเร็ง Nivolumab ปล่อยเบรคที่มะเร็งใช้กับเซลล์โจมตีภูมิคุ้มกันเป็นหลักโดยเรียกคืนความสามารถของร่างกายในการกำจัดโรค

ผู้ป่วยทั้งหมดในการศึกษามีมะเร็งผิวหนังอันตรายที่เรียกว่ามะเร็งผิวหนังขั้นสูงและร้อยละ 80 มีเนื้องอกที่แพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น ๆ ผู้ป่วยมากกว่าครึ่งหนึ่งได้ทดลองอย่างน้อยสองครั้งก่อนหน้านี้โดยไม่ประสบความสำเร็จ

ผู้คนในการศึกษาวิจัยได้รับยาทางหลอดเลือดดำทุกสองสัปดาห์นานถึงสองปี ผู้ป่วยหยุดการรักษาหากเนื้องอกของพวกเขาหายไปผลข้างเคียงกลายเป็นพิษมากเกินไปเนื้องอกของพวกเขายังคงเติบโตหรือถอนความยินยอมที่จะเข้าร่วมในการศึกษา

ประมาณครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยที่ทานยารายงานผลข้างเคียง ที่พบมากที่สุดคือความเหนื่อยล้าผื่นและท้องเสีย เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่ร้ายแรงมีให้เห็นในผู้ป่วยห้าราย ผลข้างเคียงส่วนใหญ่เกิดขึ้นภายในหกเดือนแรกของการรักษา

ผู้ป่วยสามสิบสามคนที่ใช้ยาเห็นเนื้องอกของพวกเขาหดตัวลงอย่างน้อย 50 เปอร์เซ็นต์ของยา ในบางกรณีมวลหายไปอย่างสมบูรณ์

ผู้ป่วยอีกเจ็ดคนมีโรคที่มีเสถียรภาพซึ่งหมายความว่ามะเร็งของพวกเขาไม่เลวร้ายลงหรือดีขึ้นเป็นเวลาอย่างน้อยหกเดือน

ผู้ป่วยอีก 67 รายมีการตอบสนองแบบผสมซึ่งหมายความว่าเนื้องอกบางส่วนของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นในขณะที่คนอื่นหดตัวหรือเนื้องอกของพวกเขาโตขึ้นแม้จะได้รับการรักษา

โดยรวมแล้ว 62% ของผู้ป่วยที่ลงทะเบียนในการทดลองยังมีชีวิตอยู่ในอีกหนึ่งปีต่อมาและ 43 เปอร์เซ็นต์ยังคงมีชีวิตอยู่หลังจากสองปี

เมื่อวันที่มีนาคม 2013, การปรับปรุงการศึกษาล่าสุดนักวิจัยรายงานว่าผู้ป่วย 19 คนยังมีชีวิตอยู่ มีเพียงไม่กี่คนที่รักษาผลการรักษาไว้ได้นานกว่าหนึ่งปีหลังจากรับประทานยาครั้งสุดท้าย

ในทางตรงกันข้ามการศึกษาของการรักษาด้วยภูมิคุ้มกันอื่นสำหรับเนื้องอกชนิดหนึ่งยาที่ชื่อว่า Yervoy พบว่าผู้ป่วยมากถึง 49% ยังคงมีชีวิตอยู่หลังจากหนึ่งปีและอีก 33% ของผู้ป่วยยังคงมีชีวิตอยู่สองปีหลังจากรับประทานยา Yervoy ได้รับการอนุมัติจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาในปี 2554

“ความจริงที่ว่าบทความนี้อ้างถึงอัตราการรอดชีวิตหนึ่งปีและสองปีที่สูงที่สุดเท่าที่พวกเขาจะโดดเด่นอย่างแท้จริง” Olszanski กล่าว

“ ผลลัพธ์เหล่านี้หากพวกเขาทำซ้ำในการศึกษาขนาดใหญ่พวกเขาจะเปลี่ยนการปฏิบัติสำหรับผู้ป่วยที่มีเนื้องอกและสิ่งนี้จะกระโดดได้อย่างรวดเร็วเพื่อการรักษาบรรทัดแรก” เขากล่าว

นักวิจัยกล่าวว่าการศึกษาขนาดใหญ่ของ nivolumab กำลังดำเนินการอยู่

การค้นพบนี้ถูกรายงานออนไลน์เมื่อวันที่ 3 มีนาคมใน วารสารคลินิกเวชศาสตร์

การศึกษาได้รับการสนับสนุนโดยผู้ผลิตยา Bristol-Myers Squibb และ Ono Pharmaceutical ผู้เขียนการศึกษาหลายคนรายงานความสัมพันธ์ทางการเงินกับ บริษัท นักวิจัยจะไม่เก็งกำไรเกี่ยวกับราคาที่มีศักยภาพของ nivolumab แต่ยาของ ilk นี้มีแนวโน้มที่จะมีค่าใช้จ่ายหลายพันดอลลาร์ต่อเดือน