“ธาริต”ฉะฝ่ายนิติบัญญัติ-นักการเมืองบางคนแทรกแซงการทำงานของดีเอสไอ วอนไม่ว่าจะรักหรือจะเกลียดรัฐบาล ขอให้ยกเว้นข้าราชการประจำ วันที่ 13 ก.ค.ที่กรมสอบสวนคดี (ดีเอสไอ) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ และพ.ต.ท.เสกสรร ศรีตุลาการ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ แถลงข่าวชี้แจงกรณีการเข้าชี้แจงต่อคณะกรรมการติดตามสถานการณ์บ้านเมือง วุฒิสภา ว่า ได้มอบให้พ.ต.ท.เสกสรรเข้าชี้แจงแทน เนื่องจากพ.ต.ท.เสกสรรทำงานอยู่ในฝ่ายเลขานุการคณะพนักงานสอบสวนคดีก่อการร้าย ไม่ใช่รองอธิบดีดีเอสไอตามที่เป็นข่าว โดยพ.ต.ท.เสก สรรได้ชี้แจงว่าคณะกรรมการซึ่งเป็นส.ว.ใช้คำถามนำในการซักถาม
โดยเฉพาะประเด็นการรับคดีพิเศษว่าการที่นายกฯและรองนายกฯเป็นกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ทำให้ดีเอสไอไม่ปลอดจากการเมืองใช่หรือไม่ แต่กลับให้ข่าวออกมาในลักษณะที่ว่าพ.ต.ท.เสกสรรเป็นผู้พูด ทั้งที่ส.ว.เป็นฝ่ายตั้งคำถาม จากประสบการณ์ที่ได้เข้าชี้แจงกับฝ่ายการเมือง ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎร หรือวุฒิสภา ขอยืนยันว่าการเมืองไม่สามารถเข้ามาแทรกแซงการทำงานในดีเอสไอได้ และไม่มีสิทธิ์สั่งให้ฟ้อง หรือสั่งให้จับกุมหรือไม่จับกุมใคร ที่ผ่านมาไม่เคยปรากฏว่าฝ่ายการเมืองเข้ามาแทรกแซงการทำงาน เพราะกคพ.มีกรรมการถึง 21 คน ฝ่ายการเมืองไม่สามารถสั่งการได้
นายธาริต กล่าวอีกว่า ในระยะหลังการชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการต่างๆนั้น เวลาเชิญหน่วยงานต่างๆเข้าชี้แจง จะมีการแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายที่เห็นด้วยกับรัฐบาล กับฝ่ายที่ต่อต้านรัฐบาล โดยฝ่ายที่เห็นด้วยจะให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับรัฐบาล แต่ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยจะพยายามนำคำถามคำตอบไปใช้เป็นประโยชน์กับฝ่ายของตัวเอง ข่าวที่ออกมาเป็นลบแทบทั้งสิ้น มีการตั้งคำถามนำ ถามหลอกล่อให้ตอบ และให้ข่าวคลาดเคลื่อน
“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่การเมืองแทรกแซงดีเอสไอ แต่เป็นฝ่ายนิติบัญญัติและนักการเมืองบางคนเข้ามาแทรกแซงการทำงานของดีเอสไอมากกว่า จึงอยากฝากบอกนักการเมืองและส.ว.ว่า ไม่ว่าจะรักหรือจะเกลียดรัฐบาล ก็ขอให้ยกเว้นข้าราชการประจำ การกระทำเมื่อวันที่ 12 ก.ค. เพื่อลดความน่าเชื่อถือในการทำคดีของดีเอสไอ ตนอยากจะชี้แจงว่า คดีก่อการร้ายมีหน่วยงานเข้าร่วมสอบสวนถึง 13 หน่วย การสอบปากคำทุกนัดมีอัยการร่วมสอบสวน และขอยืนยันว่าการปฏิบัติหน้าที่ของดีเอสไอไม่มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องใดๆทั้งสิ้น ” อธิบดีดีเอสไอกล่าว