เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลมีคำสั่งไม่รับฟ้องคดีที่ นายอุดม โปร่งฟ้า ทนายความ รับมอบอำนาจจากนายบดินทร์ วัชโรบล ผู้สื่อข่าวอิสระ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ( ศอฉ.) , พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม , พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. , พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รอง.ผบ.ทบ. , พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ. , นายปณิธาน วัฒนายากร โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี , พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 , พล.ต.วลิต โรจนภักดี ผบ.พล.ร2 รอ. , พ.อ.กู้เกียรติ ศรีนาคา ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (ผบ.ร.2 รอ.) , พ.อ.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ ผู้บังคับการ ร.21 รอ , พ.ท.เกรียงศักดิ์ นันทโพธิ์เดช ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 12 (ร.12 พัน 2 )และ พ.ท.นพสิทธิ์ สิทธิพงศ์โสภณ ผบ.ม.พัน 3 รอ. เป็นจำเลยที่ 1-13 ในความผิดฐานพยายามฆ่า และทำร้ายร่างกายจนได้รับอันตรายสาหัส ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 , 289
ศาลได้มีคำสั่งโดยพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการเป็นตัวการหรือให้จำเลยอื่นฆ่าหรือพยายามฆ่าผู้อื่น ซึ่งอยู่ในอำนาจการพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2542 มาตรา 9(1)(2) จึงไม่รับฟ้อง
โดยคดีนี้โจทก์ฟ้องระบุว่า เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553 จำเลยที่ 1 และผู้ที่เกี่ยวข้องสั่งการให้ใช้กำลังทหารเข้าสลายชุมนุมของคนเสื้อแดงที่ชุมนุมกันบริเวณเชิงสะพานผ่านฟ้าลีลาศ โดยมีอาวุธปืนและกระสุนจริงในการปฏิบัติการ จนทำให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก ซึ่งโจทก์เป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งกระสุนปืนยังฝังอยู่ในร่างกายและลำไส้เล็ก ไม่สามารถผ่าตัดนำกระสุนออกมาได้