กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของจีนโชว์ผลตอบแทนกว่า 11.7% สำหรับการลงทุนในสินทรัพย์ต่างประเทศในปี 2009 ช่วยล้างผลขาดทุนในปี 2008 จากการที่กองทุนเพิ่มการลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์เพื่อหาประโยชน์จากเศรษฐกิจโลกที่กำลังฟื้นตัว
กำไรสุทธิพุ่งขึ้นกว่า 80% มาอยู่ที่ 41,700 ล้านดอลลาร์ ผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นทั้งหมดซึ่งรวมเอาการลงทุนในต่างประเทศและการถือหุ้นในธนาคารขนาดใหญ่ของจีนเท่ากับ 12.9% เทียบกับ 6.8% ในปี 2008
ไชน่า อินเวสต์เมนต์ คอร์ป ซึ่งกำลังเผชิญสภาพแวดล้อมที่ “เต็มไปด้วยความท้าทาย” ในปีนี้ จะทำการปรับการจัดกลุ่มสินทรัพย์ให้ “ทันท่วงที” ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ไร้เสถียรภาพและตลาดที่ผันผวน กองทุน CIC กล่าวในรายงานประจำปีที่ออกเผยแพร่เป็นทางการวานนี้ (29 กรกฎาคม 2010) กองทุน CIC ซึ่งมีสินทรัพย์กว่า 332,000 ล้านดอลลาร์ ได้ลงทุนทั่วโลกเป็นเงินกว่า 58,000 ล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว โดยมุ่งไปที่การลงทุนในหุ้นและพันธบัตรที่ซื้อขายในตลาด เนื่องจากนาย Lou Jiwei ประธานกรรมการของ CIC ได้เร่้งการลงทุนในกลุ่มสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับโภคภัณฑ์ตั้งแต่บริษัทผลิตไฟฟ้าในสหรัฐฯ เออีเอส คอร์ป ไปจนถึงบริษัทผู้ผลิตถ่านหินในอินโดนีเซีย พีที บูมิ รีซอร์สเซส
“การมุ่งเน้นไปที่กลุ่มทรัพยากรของ CIC เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้กองทุน CIC มีผลประกอบการที่แข็งแกร่งในปี 2009″ นางราเชล เซียมบ้า นักวิเคราะห์อาวุโสจากบริษัทรูบินี่ โกลบอล อิโคโนมิกส์ สาขาลอนดอน กล่าวให้ความเห็นก่อนที่รายงานประจำปี 2009 จะออกเป็นทางการ “ของจริงจะเริ่มจากปี 2010 และปีถัดไปเนื่องจากความเสี่ยงในตัวสินทรัพย์เสี่ยงที่ CIC ถืออยู่”
ขณะนี้กองทุน CIC กำลังร้องขอเงินทุนเพิ่มเติมจากรัฐบาลจีนเพื่อไปลงทุนเพิ่ม นายเจซซี่ หวาง รองประธานกรรมการบริหารของ CIC กล่าวเมื่อเดือนที่แล้ว การถือครองเงินสดของกองทุนลดกว่า 55.4% มาอยู่ที่ 32% ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2009 จากข้อมูลในรายงานประจำปี
กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติทั่วโลกมีการเติบโตขึ้นของสินทรัพย์เนื่องจากตลาดหุ้นที่ฟื้นตัวในปีที่แล้ว โดยดัชนี MSCI World Index ได้พุ่งขึ้นกว่า 27% ในปี 2009
เทมาเส็ก โฮลดิ้งก์ส พีทีอี กองทุนความมั่งคั่งชาติแห่งชาติของสิงคโปร์ได้แถลงในเดือนนี้ว่า สินทรัพย์ของทางกองทุนได้พุ่งขึ้นกว่า 43% มาอยู่ที่ 186,000 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์หรือราว 135,000 ล้านดอลลาร์ ณ สิ้นปีงบประมาณในวันที่ 31 มีนาคม 2010 ที่ผ่านมา
หุ้น พันธบัตร
ข้อมูลจากรายงานประจำปีระบุว่า ณ สิ้นปี 2009 CIC มีสินทรัพย์ในต่างประเทศในรูปของหุ้น 36% และ ตราสารหนี้อยู่ 26%
ดัชนี MSCI World Index ลดลง 3% ในปีนี้ เนื่องจา่กวิกฤตหนี้สาธารณะในยุโรปและมาตรการคุมเข้มฟองสบู่ของจีน ส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ราคาหุ้นของบริษัทบูมิ รีซอร์สเซสซึ่งเป็นการลงทุนที่มีมูลค่าสูงที่สุดในปีที่แล้วของ CIC ลดลงเกือบ 30%
“CIC น่าจะผ่านปีนี้ไปได้ด้วยดีเนื่องจากพวกเขาเริ่มมีความเชื่อมั่นกลับมาอีกครั้ง เป็นองค์กรที่มีประสบการณ์มากกว่าเดิม และมีกลยุทธ์ที่ชัดเจน” นางวิคตอเรีย บาร์บารี่ นักวิเคราะห์อาวุโสจากบริษัทที่ปรึกษามอนิเตอร์ กรุ๊ป สาขาลอนดอน กล่าวก่อนการออกรายงานประจำปี “แต่เศรษฐกิจโลกยังคงมีความผันผวนอยู่ ดังนั้นจะมีแรงกดดันจากภายนอกซึ่งจำเป็นต้องเข้าใจและตอบสนอง”
เพ็นน์ เวสต์, เอเพ็กซ์
กองทุน CIC ได้ตกลงที่จะลงทุนในธุรกิจร่วมทุนในกิจการทรายน้ำมันกับเพ็นน์ เวสต์ อีเนอร์จี้ ทรัสต์ เป็นเงิน 817 ล้านดอลลาร์แคนาดา เพื่อมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของในสำรองนำ้มันดิบที่ใหญ่ที่สุดในโลกนอกประเทศซาอุดิอาระเบีย นอกจากนั้น CIC ได้ลงทุนเป็นเงิน 650 ล้านยูโรเพื่อซื้อหุ้นของเอเพ็กซ์ พาร์ตเนอร์ส แอลแอลพี ซึ่งเป็นบริษัทที่บริหารกองทุน Private Equity จากนักลงทุน แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับการลงทุนครั้งนี้เปิดเผยเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
“ข้อมูลเบื้องต้นของเราสำหรับครึ่งแรกของปี 2010 ระบุว่า CIC ยังคงใช้กลยุทธ์ที่เน้นลงทุนในทรัพยากรธรรมชาติและลดความเสี่ยงผ่านการลงทุนในลักษณะหุ้นส่วนและกองทุนที่มีผู้อื่นบริหารให้ เช่นเดียวกับการลงทุนในสินทรัพย์อย่าง Private Equity” นางบาร์บารี่กล่าว “เป็นอีกครั้งที่ กลยุทธ์ของพวกเขาดูจะมีผลตอลบแทนที่สมเหตุสมผลกับโครงสร้างของความเสี่ยงซึ่งจำกัดผลขาดทุนเอาไว้ และปกป้องจากการการลดลงและเงินเฟ้อที่อิงบนฐานค่าเงินดอลลาร์”
กองทุน CIC กล่าวว่า ความเสี่ยงในสินทรัพย์ในต่างประเทศของ CIC เพิ่มขึ้น “มาในระดับหนึ่ง” ในปีที่แล้วจากการที่กองทุนได้ลดการถือครองเงินสดเพื่อนำเงินไปลงทุน อย่า่งไรก็ตามความเสี่ยงเหล่านั้นถูกหักล้่างจากการกระจายไปยังสินทรัพย์ประเภทต่างๆ
การลงทุนแบบกระจัดกระจาย (Scattered Investments) คิดเป็นสัดส่วนกว่า 77% ของสินทรัพย์ในต่างประเทศของ CIC โดยไม่นับรวมเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด โดยที่เหลืออยู่ในการถือครองสินทรัพย์แบบกระจุกตัว (Concentrated Holdings) CIC กล่าวในรายงานประจำปีโดยไม่ได้ให้นิยามใดๆ
ที่มา Bloomberg