นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม ว่าได้ทูลเกล้าฯรายชื่อการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารประจำปี 2553 ไปเรียบร้อยแล้ว หลังจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ส่งให้ถึงมือเมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวว่า การจัดทำบัญชีโยกย้ายนายทหารประจำปี 2553 เป็นไปอย่างเรียบร้อย เพราะมีคณะกรรมการและมีหลักเกณฑ์ในการพิจารณา ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า มีกลุ่มนายทหารบูรพาพยัคฆ์ขึ้นมาดำรงตำแหน่งหลักในกองทัพจำนวนมากนั้น ขอชี้แจงว่า เป็นความคิดที่ไม่มีเหตุผลและไม่เป็นความจริง กองทัพบกโดย ผบ.ทบ.อยากให้กองทัพเป็นหนึ่งเดียว หลักการง่ายๆ ที่ทำอยู่ 3 ปีคือ อย่าสร้างคนกลุ่มเดียว เรื่องบูรพาพยัคฆ์ สื่อมวลชนเขียนกันไปเอง ไม่มีใครตั้งขึ้นมา ถ้าคิดอย่างนั้น ไม่ได้ใกล้ความเป็นจริง และไปลงว่า เป็นบูรพาพยัคฆ์ขึ้นมานั้น ยิ่งไม่ใช่ใหญ่ ยืนยันว่าถ้าอยากให้กองทัพเป็นหนึ่งเดียวต้องไม่ตั้งเพียงกลุ่มเดียว ซึ่งนั่นคือ แนวทางของตนที่ได้ยึดแนวทางนี้มา คือ ใครอยู่กองพลใดควรขึ้นมาในกองพลนั้น กองทัพไม่ได้มีความแตกแยกในการโยกย้ายนายทหาร
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับตำแหน่งสำคัญที่มีการปรับเปลี่ยน ประกอบด้วย สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.กิตติพงษ์ เกษโกวิท รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด นายทหารคนสนิทของ พล.อ.ประวิตร สมัยที่เคยทำงานร่วมกันในกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ร.2 รอ.) เป็นปลัดกระทรวงกลาโหม แทน พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม ที่เกษียณอายุราชการ
ส่วนกองทัพบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รอง ผบ.ทบ. เป็น ผบ.ทบ. โดยตำแหน่ง 5 เสือ ทบ. พล.อ.อนุพงษ์ เสนอให้ พล.อ.ธีระวัฒน์ บุณยะประดับ ผู้ช่วย ผบ.ทบ. เพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร 10 ขยับเป็นรอง ผบ.ทบ. เพื่อตอบแทนก่อนเกษียณอายุราชการในปี 2554 และโยก พล.อ.วิญช์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ผู้ช่วย ผบ.ทบ. เตรียมทหารรุ่น 11 ขึ้นเป็นประธานคณะที่ปรึกษากองทัพบก (อัตราจอมพล) ก่อนเกษียณอายุราชการปี 2554 นอกจากนี้ พล.ท.พิเชษฐ์ พิสัยจร แม่ทัพภาคที่ 4 และ พล.ท.ทนงศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน แม่ทัพภาคที่ 3 ขยับเข้าตำแหน่ง 5 เสือ ทบ. เป็นผู้ช่วย ผบ.ทบ. ขณะที่ พล.ท.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รองเสนาธิการทหารบก เพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร 12 กับ พล.อ.ประยุทธ์ ขยับขึ้นเป็นเสนาธิการทหารบก
เดิมตำแหน่งผู้ช่วย ผบ.ทบ.จะเป็น พล.ท.พิเชษฐ์ กับ พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 เตรียมทหารรุ่น 13 แต่เนื่องจาก พล.ท.คณิต ยังมีอายุราชการอีกนาน และมีความอาวุโสรุ่นน้อยกว่า พล.ท.ทนงศักดิ์ ทำให้ พล.ท.คณิต ถูกโยกนั่งตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษกองทัพบก (อัตรา พล.อ.) แทน ก่อนที่จะกลับเข้ามาในตำแหน่ง 5 เสือ ทบ. ในปี 2554 นอกจากนี้ การที่ พล.ท.ทนงศักดิ์ถูกเสนอให้นั่งตำแหน่ง 5 เสือ ทบ. เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ต้องการดัน พล.ท.วรรณทิพย์ ว่องไว แม่ทัพน้อยที่ 3 เพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร 12 ขยับขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 3 จึงจำเป็นต้องหาตำแหน่งที่เหมาะสมให้กับ พล.ท.ทนงศักดิ์ หากต้องหลีกทางให้ พล.ท.วรรณทิพย์ สุดท้ายทำให้ พล.ท.คณิต ที่ต้องรอปีหน้าถึงจะได้เข้า 5 เสือ ทบ.
สำหรับตำแหน่งคุมกำลังในทุกกองทัพภาคมีการปรับเปลี่ยน โดย พล.อ.อนุพงษ์ เสนอปรับย้ายตามที่มีการหารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ต้องการให้คนที่มีความใกล้ชิดเข้าไปรับตำแหน่ง เพื่อให้ง่ายต่อการบังคับบัญชา โดยกองทัพภาคที่ 1 เสนอให้ พล.ต.อุดมเดช สีตบุตร รองแม่ทัพภาคที่ 1 ขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ซึ่ง พล.ต.อุดมเดช ถือเป็นนายทหารที่เติบโตในสายทหารเสือราชินี หรือกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ (ร.21 รอ.) และมีการขยับให้ พล.ต.อุทิศ สุนทร ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 9 จ.กาญจนบุรี เตรียมทหารรุ่น 14 ขยับเข้ามานั่งเก้าอี้รองแม่ทัพภาคที่ 1 แทน ทั้งนี้ เดิมมีการเสนอให้ พล.ต.วลิต โรจนภักดี ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ร.2 รอ.) เตรียมทหารรุ่น 15 นายทหารสายบูรพาพยัคฆ์ ขยับขึ้นเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 1 เพื่อตอบแทนที่ถูกเหตุระเบิดเอ็ม 79 ที่บริเวณแยกคอกวัวในการปฏิบัติภารกิจสลายการชุมนุม เมื่อวันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา แต่ปรากฏว่าหากขยับ พล.ต.วลิต ก็จะทำให้เก้าอี้ ผบ.พล.2 รอ. ว่างลง แต่ยังไม่มีใครที่น่าจะเหมาะสม อีกทั้ง พล.ต.วลิตยังอาวุโสรุ่นน้อยกว่า พล.ต.อุทิศ ทำให้ พล.ต.วลิตยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิม
ในส่วนกองทัพภาคที่ 2 ซึ่ง พล.ท.วีร์วลิต จรสัมฤทธิ์ แม่ทัพภาคที่ 2 เกษียณอายุราชการ ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์เสนอให้ พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพน้อยที่ 2 เพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร 12 ขยับเป็นแม่ทัพภาคที่ 2 ขณะที่ตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 3 ก็ขยับให้ พล.ท.วรรณทิพย์ เพื่อนร่วมรุ่นอีกคนขยับจากแม่ทัพน้อยที่ 3 เป็นแม่ทัพภาคที่ 3 ส่วนกองทัพภาคที่ 4 เสนอให้ พล.ท.อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์ หัวหน้าประสานงานไทย-มาเลเซีย เพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร 12 เป็นแม่ทัพภาคที่ 4
ส่วนกองทัพเรือ พล.ร.อ.ศุภกร บูรณดิลก ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ เป็นประธานคณะที่ปรึกษากองทัพเรือ (อัตราจอมพล) พล.ร.ท.ยุทธนา ฟักผลงาม เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารเรือ ขยับเป็นผู้ช่วย ผบ.ทร. พล.ร.ท.ดำรงศักดิ์ ห้าวเจริญ รองเสนาธิการทหารเรือ ขยับเป็นเสนาธิกรทหารเรือ พล.ร.ท.รุ่งรัตน์ บุณยรัตพันธุ์ รอง ผบ.กองเรือยุทธการ เป็น ผบ.กองเรือยุทธการ
ขณะที่ กองทัพอากาศ พล.อ.อ.ดิลก ทรงกัลยาณวัตร ผู้ช่วย ผบ.ทอ. ขยับเป็นรอง ผบ.ทอ. พล.อ.อ.พิธพร กลิ่นเฟื่อง ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพอากาศ เป็นประธานคณะที่ปรึกษากองทัพอากาศ พล.อ.อ.บุณยฤทธิ์ เกิดสุข รองเสนาธิการทหาร เป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารอากาศ พล.อ.อ.ศรีเชาวน์ จันทร์เรือง ผบ.กรมควบคุมการปฏิบัติการทางอากาศ (ผบ.คปอ.) เป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารอากาศ พล.อ.ท.ชนะ อยู่สถาพร รอง ผบ.คปอ. เป็น ผบ.คปอ.