คนร้ายก่อเหตุยิงระเบิดเอ็ม79 ใส่ลานจอดรถช่อง11วิภาวดีรังสิต รถ4คันเสียหาย ไม่มีผู้บาดเจ็บ-เสียชีวิต คาดวิถียิงมาจากทางด่วนโทลล์เวย์ องอาจยันไม่เกี่ยวปรับผังรายการ ชี้ฝ่ายค้านเสื้อแดงยังออกปากชื่นชมในสภา
เมื่อเวลา 13.20 น.ได้เกิดเหตุระบิดขึ้นบริเวณลานจอดรถสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (สทท.11) ย่านสุทธิสาร ถนนวิภาวดีรังสิต กทม. จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุมีรถยนต์ได้รับความเสียหายเล็กน้อย 4 คัน ในจำนวนนี้เป็นรถยนต์ของสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 จำนวน 1 คัน อีก 3 คันเป็นรถยนต์ของผู้มาติดต่อ คันที่เสียหายมากที่สุดกระจกด้านหลังและด้านข้างแตกบางส่วนจากแรงสะเก็ดระเบิด
นายสมชาย หนุนเกื้อ หัวหน้าหมวดยาน สทท.11 เปิดเผยว่า ระหว่างเกิดเหตุตนเองกำลังยืนคุยโทรศัพท์อยู่ใต้ต้นเกิดจุดที่ระเบิดลงพอดี ขณะเกิดเหตุมีเสียงดังสนั่นหวั่นไหว และมีกิ่งไม้ขาดตกลงมา จากนั้นจึงวิ่งเข้าไปหลบบริเวณป้อมยาม โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ เพราะส่วนหนึ่งพนักงานไปรับประทานอาหารเที่ยง
“ผมตกใจจึงวิ่งเข้าป้อมยาม โชคดีที่ตอนนั้นเป็นช่วงพักเที่ยงไม่มีคนอยู่บริเวณลาดจอดรถ ถ้าเป็นช่วงเที่ยงจะมีคนนำรถออกไปรับประทานอาหารและมีผู้มาติดต่อจำนวนมาก ” นายสมชาย กล่าว
นายสมชาย กล่าวอีกว่า เชื่อว่าผู้ก่อเหตุน่าจะยิงมาจากบนทางยกระดับดอนเมืองโทลเวย์ เพราะด้านอื่นเป็นอาคารช่อง 11 เกือบรอบด้าน
พนักงานช่อง 11 ซึ่งกลับจากรับประทานอาหารเที่ยง กล่าวว่า เพิ่งกลับเข้ามาในห้องทำงานได้ไม่นานก็ได้ยินเสียงดังมาจากด้านหน้าอาคาร ช่วงแรกคิดว่าเป็นหม้อแปลงระเบิด แต่ด้วยเสียงที่ดังมากจึงได้ออกไปดูเหตุการณ์ปรากฎว่ามีรถยนต์ได้รับความเสียหาย แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
พนักงานอีกราย กล่าวว่า เห็นรถยนต์จอดอยู่บนทางยกระดับดอนเมืองโทลเวย์และจากนั้นก็มีเสียงระเบิดดังขึ้นที่ลาดจอดรถ
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ สทท. 11 เคยถูกยิงระเบิดชิดเอ็ม 79 มาแล้ว 2 ครั้งคือวันที่ 27 มีนาคม 2553 และ 4 เมษายน 2553
ภายหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลสุทธิสาร พร้อมทั้ง เจ้าหน้าที่กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจวัตถุระเบิด กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้เข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุ ต่อมาผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้เดินทางมาตรวจจุดเกิดเหตุทันที ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าเป็นระเบิดชนิดเอ็ม79 แต่ยังไม่สามารถยืนยันได้ใครเป็นผู้ลงมือก่อเหตุ
ทั้งนี้ในช่วงเช้าวันที่ 31 ส.ค. ได้มีผู้หญิงโทรศัพท์เข้ามาสอบถามเจ้าหน้าที่ฝ้ายข่าวของ สทท.11 ว่าใครเป็นผู้รับผิดชอบรายการเจาะข่าวร้อน ล้วงข่าวลึก เมื่อได้แจ้งกลับไปว่าเป็นการรายการเช่าเวลาของสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมทีนิวส์ของนายสณธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม หญิงคนดังกล่าวจึงได้วางสายไป และต่อมาเกิดเหตุระเบิดขึ้นในช่วงบ่าย
องอาจเชื่อไม่เกี่ยวปรับผังรายการ
ด้านนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรี ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสถานีโทรทัศน์ ช่อง 11 เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากผู้อำนวยการช่อง11ว่า เมื่อเวลา 13.45 น. เกิดเหตุยิงระเบิดเอ็ม79 ตกที่บริเวณลานจอดรถช่อง11 นายกรัฐมนตรีได้รับทราบเหตุดังกล่าวแล้ว และได้สั่งการให้เข้าไปดูแล แต่ยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง แต่อย่างไรก็ตามคงไม่เกี่ยวกับผังรายการ เพราะมีการปรับผังรายการมานานแล้ว อีกทั้ง ผังรายการใหม่ได้เปิดโอกาสให้กลุ่มคนเสื้อแดง ได้ร่วมจัดรายการกับรัฐบาล และฝ่ายค้านเองยังได้หยิบยกไปชื่นชมในสภา
ปณิธานชี้ฝีมือกลุ่มที่ไม่ต้องการให้การเมืองเข้าสู่ระบบ
นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า หลังได้รับรายงานเหตุการณ์บุคคลยิงเครื่องกระสุนเอ็ม 79 ไปยังบริเวณลานจอดรถสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือเอ็นบีที ได้สั่งการเจ้าหน้าที่ให้เพิ่มมาตการดูแลความปลอดภัย โดยเฉพาะพื้นที่ที่อยู่นอกรัศมีกล้องวงจรปิด พื้นที่สูง ต้องขยายวงในการดูแลความปลอดภัยมากขึ้น เช่น บริเวณทางด่วนดอนเมืองโทลเวย์ เพราะเป็นที่สังเกตว่า การก่อเหตุด้วยการยิงเอ็ม 79 ไปยังกระทรวงสาธารณสุข ในช่วงการประชุมครม.ที่ผ่านมา หรือการยิงเอ็ม79ไปยังคิงเพาวเวอร์ และ เอ็นบีที จะเป็นการยิงจากจุดที่อยู่นอกรัศมี กล้องวงจรปิดจะสามารถมองเห็นได้
“เหตุที่เกิดขึ้น เชื่อว่าน่ามาจากกลุ่มคนที่ไม่ต้องการให้การเมืองเข้าสู่ระบบ เพราะหลังจากการกระชับพื้นที่ กลุ่มคนเสื้อแดงสำเร็จ ทำให้บรรยากาศบ้านเมืองดีขึ้น การเมืองเข้าสู่ระบบสภามากขึ้น การอภิปรายเป็นไปด้วยดี ร่างพ.ร.บ.งบประมาณก็สามารถผ่านความเห็นชอบจากสภา แม้แต่การเลือกตั้ง ส.ส.ในเขตกทม. และสก.สข. ก็สะท้อนให้เห็นว่าการเมืองได้เข้าสู่ระบบ แต่ก็มีกลุ่มคนบางกลุ่มไม่ต้องการให้การเมืองเข้าสู่ระบบ เพื่อหวังให้ประชาชนเห็นว่า เจ้าหน้าที่ไม่มีประสิทธิภาพในการดูแลความสงบเรียบร้อยบ้านเมือง ประสงค์ที่จะไปสู่ระบบอื่นทำให้เกิดความไม่ไว้วางใจในระดับเจ้าหน้าที่”นายปณิธานกล่าว
บึ้มช่อง11โยงคิงเพาเวอร์
พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ที่ปรึกษา (สบ 10) เรียกประชุมด่วนตำรวจนครบาล กองพิสูจน์หลักฐาน สอบสวนกลาง กองบังคับการตำรวจนครบาล1-9 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หลังเกิดเหตุระเบิดในสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ เมื่อบ่ายโมงครึ่งวันนี้
พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า จากการรวบรวมพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ เชื่อว่าเป็นกลุ่มคนร้ายชุดเดียวกับที่ยิงระเบิด เอ็ม 79 ใส่ตึกคิงเพาเวอร์ เมื่อวันที่ 26 ส.ค. เวลา 23.05 น.โดยใช้ยานพาหนะเป็นรถยนต์ในการก่อเหตุยิงมาจากบนทางด่วนโทลล์เวย์ ขณะนี้มีการตรวจสอบกล้องวงจรปิดบนทางด่วนโทลเวย์ไปแล้วระดับหนึ่ง และขอให้ประชาชนที่ผ่านไปมาในช่วงเวลาเกิดเหตุหากพบเห็นรถต้องสงสัย หรือคิดว่ามีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการสืบสวน ขอให้โทรที่เบอร์ 191 เชื่อว่าน่าจะไปสู่ตัวคนร้ายโดยเร็วที่สุด
พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ กล่าวอีกว่า พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รรท.ผบ.ตร. และพล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี รองผบ.ตร.(ว่าที่ ผบ.ตร.) ได้เรียกไปกำชับการทำงาน และวางแผนการทำงานสืบสวนจับกุมตัวคนร้าย และจะระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งหมดที่สามารถปฏิบัติได้เข้ามาเสริมการปฏิบัติงานของตำรวจนครบาล
“จะเพิ่มกำลังตำรวจทั้งหมดตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และให้ตำรวจออกระดมตรวจเพิ่มความเข้มในการตั้งจุดตรวจ และจุดสกัดต่างๆ หากตำรวจยังไม่สามารถจับกุมตัวคนก่อเหตุได้ก็จะมีการกระทำที่ท้าทายและกระทำในสิ่งที่ผิดกฎหมายต่อไป จึงอยากขอความร่วมมือจากประชาชนด้วย”พล.ต.อ.ภาณุพงศ์
ศอฉ.เข้ม11จุดเสี่ยง
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.) เปิดเผยว่า กรณีเหตุคนร้ายก่อเหตุใช้อาวุธระเบิด M79 ยิงใส่สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยช่อง 11(NBT) เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมาว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ในฐานะผู้อำนวยการศอฉ.ได้มอบหมายให้ผอ.สำนักข่าวกรองแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลัก เพิ่มความเข้มข้นในการหาข่าว ให้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดทั้งด้านหน้าช่อง 11 การทางพิเศษแห่งประเทศไทย(กทพ.) และกรุงเทพมหานคร(กทม.) เพื่อนำภาพมาประติดประต่อหาตัวผู้ก่อเหตุ
นอกจากนี้ยังสั่งเพิ่มกำลังตำรวจใน 11 จุดหล่อแหลมที่เป็นสัญลักษณ์ทางการเมือง ระบบคมนาคมที่สำคัญ รวมทั้งเพิ่มจุดตรวจ หน้าช่อง 11 และสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5
ส่วนเหตุระเบิดที่เกิดขึ้น กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) รายงานว่า เป็นระเบิดชนิด M79 ชนิดหัวทองคาดว่าคนร้ายยิงไปยังลานจอดรถเพื่อสร้างสถานการณ์ แต่ลูกระเบิดไปโดนกิ่งไม้จึงเกิดระเบิดก่อน
โฆษกศอฉ. กล่าวว่า ศอฉ.เตรียมดำเนินคดีกับหนังสือพิมพ์หัวสีบางฉบับที่มีการนำเสนอข่าวในลักษณะบิดเบือนข้อเท็จจริง จาบจ้วงต่อสถาบันเบื้องสูง และทำให้ประชาชนวิตกกังวลสร้างความแตกแยก ทั้งนี้หากยังไม่หยุดพฤติกรรมก็อาจจะมีคำสั่งปิด