เมื่อเวลา 12.15 น. วันที่ 19 ธันวาคม พ.ต.ท.เฉลิมชัย บุญศิริ สารวัตรเวร สภ.บาเจาะ จ.นราธิวาส ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายวางระเบิดรถปลัดอำเภอบาเจาะ ทำให้ อส.ประจำที่ว่าการอำเภอบาเจาะเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ บนถนนสายอาตาบือเระ-บือแนปีแย บ้านยือรอ หมู่ 3 ต.บาเระเหนือ อ.บาเจาะ จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.สมจิตร นาสมยนต์ รอง ผบก.ภ.จ.นราธิวาส, นายเจษฎา จิตรัตน์ นายอำเภอบาเจาะ, น.ท.นฤมิตร ศุขสมิติ ผบ.ฉก.นราธิวาส 32, พ.ต.ท.จันที แจ่มจันทร์ หน.กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส และเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด นปพ.จ.นราธิวาส รวมทั้งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบหลุมระเบิดกลางถนนลึก 1 เมตร กว้าง 2.5 เมตร และที่บริเวณริมถนนมีสายไฟฟ้าสีเขียวยาว 100 เมตร ลากเข้าไปในป่ารกทึบริมทาง
นอกจากนี้ ห่างจากหลุมระเบิดประมาณ 50 เมตร มีซากรถยนต์กระบะยี่ห้อมาสด้าสีน้ำเงินแบบตอนครึ่ง ทะเบียน 9ฎ-9080 กทม. สภาพพังยับเยินจอดอยู่กลางถนน เจ้าหน้าที่จึงกระจายกำลังกันเก็บรวบรวมหลักฐาน พบจดหมายของคนร้ายทิ้งไว้ 1 ฉบับ มีข้อความเป็นภาษาไทยและภาษายาวี พรรณนาถึงความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ลงชื่อ กลุ่ม “มุสลิมมีน ดาลอวิทยา” จึงเก็บไว้เป็นหลักฐานเพื่อตรวจสอบ
ส่วนผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บพลเมืองดีนำส่งรักษา รพ.บาเจาะไปก่อนหน้านี้แล้ว มี อส.ซาการี รีแมยะ, อส.มูฮำมัดไซดี หะยีหะยา และ อส.อาดือรัง สะอุ ซึ่งทั้งสามเสียชีวิตในที่เกิดเหตุในสภาพถูกสะเก็ดระเบิดพรุนไปทั้งร่าง ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสอีก 2 นาย คือ นายแวสะมะแอ เจ๊ะหะ อายุ 35 ปี ปลัดอำเภอฝ่ายป้องกัน อ.บาเจาะ และ อส.อาดือนัน มะเก ทั้งคู่ถูกสะเก็ดระเบิดบริเวณลำตัว แขนและขาเป็นแผลฉกรรจ์อาการสาหัส แพทย์ต้องส่งตัวไปรักษาต่อยังโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์
สอบสวนทราบว่าก่อนเกิดเหตุ นายแวสะมะแอ ปลัดอำเภอและกำลัง อส.รวม 5 นาย ได้นั่งรถกระบะออกจากที่ว่าการอำเภอบาเจาะ เพื่อไปร่วมงานมวลชนกับชาวบ้านในหมู่บ้าน ระหว่างผ่านจุดเกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวนแฝงตัวอยู่ในป่ารกทึบริมทาง ได้ใช้แบตเตอรี่จุดชนวนระเบิดแสวงเครื่องที่ประกอบใส่ไว้ในถังแก๊สปิคนิคหนัก 20 กก.ที่ฝังไว้กลางถนนจนเกิดระเบิดขึ้น ทำให้รถยนต์กระเด็นพลิกคว่ำหลายตลบ อส.ที่นั่งกระบะท้ายหลุดกระเด็นตกลงมาเสียชีวิตคาที่บนถนน 3 นาย ส่วนปลัดอำเภอและพลขับได้รับบาดเจ็บสาหัส ชาวบ้านที่มาประสบเหตุจึงนำตัวส่งโรงพยาบาล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 07.30 น. ที่ลานจอดรถโรงแรมอิมพีเรียล อ.เมืองฯ จ.นราธิวาส นักธุรกิจ พ่อค้า ประชาชน นักเรียน ข้าราชการ ทหาร ตำรวจและฝ่ายปกครอง กว่า 1,000 คน ร่วมใจกันแต่งกายด้วยชุดขาว ทำบุญตักบาตรอาหารแห้งและเครื่องบริโภคอุปโภคแก่คณะสงฆ์ใน 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ 320 รูป โดยวัดพระธรรมกายและมูลนิธิธรรมกายได้นำจตุปัจจัยไทยทาน ประกอบด้วย ข้าวสารอาหารแห้ง เครื่องบริโภคอุปโภคจากโครงการตักบาตรพระ 5 แสนรูป 76 จังหวัดทุกวัดทั่วไปถวายแด่คณะสงฆ์ในพื้นที่ 3 จังหวัด และ 4 อำเภอของ จ.สงขลา 266 วัด และมอบให้เจ้าหน้าที่กองกำลังผสมที่ปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจ
จากนั้นได้มีการทำบุญพร้อมกับถวายสังฆทานแก่คณะสงฆ์ใน 266 วัด เป็นปีที่ 5 ครั้งที่ 55 เพื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลแก่ผู้เสียชีวิตจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนใต้ และมอบกองทุนหนุนแรงใจช่วยครู 1,060 กองทุน เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจ
ส่วนที่มัสยิดยาแมะกำปงตะกือแด หมู่ที่ 7 ต.ลำพะยา อ.เมืองฯ จ.ยะลา เวลา 10.00 น. พล.ท.กสิกร คีรีศรี ผู้บัญชาการผสมพลเรือนตำรวจทหาร (ผบ.พตท.) พร้อมด้วย นายณัฐพงศ์ ศิริชนะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการรวมพลังหมู่บ้านสันติสุข ไม่สนับสนุนการก่อการร้าย และมอบธงสัญลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแก่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้นำศาสนา ผู้นำท้องถิ่น และชาวบ้านต้นหยีในพื้นที่ ต.ลำพะยา
สำหรับบ้านต้นหยี หมู่ที่ 7 ต.ลำพะยา อ.เมืองฯ จ.ยะลา ในอดีตเป็นพื้นที่สีแดง แต่ในปัจจุบันได้กลับมาเป็นพื้นที่สันติสุข โดยมีนายซัมสุรี อับดุลลี หรือ “ผู้ใหญ่มิ” อดีต ส.จ.เขตอำเภอเมืองยะลา เป็นผู้ใหญ่บ้าน ชาวบ้านในหมู่บ้านนับถือศาสนาอิสลาม 100% มีอาชีพทำสวนยาง ทำนา เป็นหลัก สำหรับการจัดกิจกรรมรวมพลังหมู่บ้านสันติสุขในครั้งนี้ เกิดจากกองบัญชาการผสมพลเรือนตำรวจทหาร ได้จัดหน่วยพัฒนาสันติ 47-11 เข้าปฏิบัติงานแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ ต.ลำพะยา อ.เมืองฯ จ.ยะลา โดยได้ใช้นโยบายการเมืองนำการทหาร และใช้ยุทธศาสตร์พระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา เป็นแนวทางแก้ไขปัญหา และได้เข้ามาปฏิบัติงานตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นมา ทำให้ประชาชนกับเจ้าหน้าที่ของรัฐเกิดความใกล้ชิดและมีความเข้าใจซึ่งกันและกันมากขึ้น
พล.ท.กสิกร คีรีศรี ผู้บัญชาการผสมพลเรือนตำรวจทหาร (ผบ.พตท.) กล่าวว่า กิจกรรมที่จัดขึ้นในครั้งนี้ รู้สึกดีใจมาก ที่พี่น้องประชาชนในพื้นที่บ้านต้นหยี ต.ลำพะยา ไม่ว่าจะเป็นผู้นำท้องถิ่น ผู้นำศาสนา ผู้นำทางจิตวิญญาณ ได้ร่วมกันแสดงออกถึงพลังแห่งสามัคคี ความร่วมมือร่วมใจกัน และความเข้มแข็ง ในการต่อต้านการก่อเหตุร้ายในรูปแบบต่างๆ และเล็งเห็นถึงความเดือดร้อนของการก่อเหตุ แล้วหันมาร่วมมือกับภาครัฐในการปกป้องรักษาความสงบสุขให้กับหมู่บ้านของตนเอง และปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ทำให้เหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ลดลงได้โดยเร็ว ส่วนมาตรการในการดูแลรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในช่วงใกล้เทศกาลปีใหม่นั้น ก็เป็นไปตามปกติ ไม่ได้พิเศษอะไรมากมาย ทางกองบัญชาการผสมพลเรือนตำรวจทหารมีแผนการดำเนินการเอาไว้แล้ว
ผู้บัญชาการผสมพลเรือนตำรวจทหารกล่าวด้วยว่า ให้ทุกหน่วยงานในพื้นที่ที่มีถังดับเพลิง หรืออุปกรณ์ต่างๆ ดูแลอย่างเข้มงวด พร้อมทั้งรายงานจำนวนของถังดับเพลิงให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทหารทราบว่ามีจำนวนเท่าไหร่ เพราะจะทำให้ง่ายต่อหน่วยกำลังที่จะเข้าไปเสริมในการดูแล เพื่อเป็นหูเป็นตาอีกทางหนึ่ง ป้องกันกลุ่มคนร้ายนำไปประกอบเป็นวัตถุระเบิดเพื่อก่อเหตุร้าย
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1510 ครั้ง