นายไพจิต ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมว่า จากการที่หารือสถานการณ์การเมืองร่วมกัน พวกตนได้เสนอต่อผู้ใหญ่ไปว่าเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งซึ่งเชื่อว่าน่าจะเกิดขึ้นเร็วกว่าที่คาดคิด ดังนั้นพรรคเพื่อไทยต้องเริ่มอุ่นเครื่องเตรียมการทำงานทางการเมือง โดยให้มีการจัดประชุมสัมมนาแกนนำส.ส.และว่าที่ผู้สมัครในทุกพื้นที่ ซึ่งส.ส.หรือผู้สมัคร 1 คนจะต้องจัดอบรมแกนนำชาวบ้านรายละ 3,000 คน ทั้งนี้โครงการดังกล่าวจะเริ่มขึ้นในเดือนกันยายนนี้เป็นต้นไป
นายไพจิต ยังกล่าวถึงข้อเสนอการปรับเปลี่ยนโครงสร้างการบริหารของพรรคเพื่อไทย โดยเปิดให้ส.ส.เข้าไปมีบทบาทมากขึ้น ว่า เรื่องดังกล่าวได้ข้อสรุปแล้วโดยพรรคเพื่อไทยจะตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ขึ้นมาหนึ่งชุด ใช้ชื่อว่า คณะกรรมการบริหารกิจการพรรคเพื่อไทย มีกรรมการจำนวน 30 คน แบ่งเป็นส.ส.จำนวน 15 คน ซึ่งจะแบ่งสัดส่วนตามจำนวนส.ส.ที่มีในแต่ละภาค ส่วนอีก 15 คนที่เหลือนั้นนั้นเป็นตัวแทนจากคณะกรรมการบริหารพรรค และคณะที่ปรึกษา ซึ่งคณะกรรมการชุดดังกล่าวจะทำหน้าที่บริหารงานทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นงานภายในพรรค งานสภา กิจกรรมด้านมวลชน รวมไปถึงการพิจารณาตัวผู้สมัครในการเลือกตั้งครั้งต่อไป
นายไพจิต กล่าวว่า สำหรับสัดส่วนคณะกรรมการของภาคอีสานนั้นมี 7 คน ประกอบไปด้วยนายพายัพ ชินวัตร ประธานภาคอีสาน นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ส.ส.ขอนแก่น นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ ส.ส.ชัยภูมิ นายไชยา พรหมมา ส.ส.หนองบัวลำพู นายสุพล ฟองงาม ส.ส.อุบลราชธานี นางบุญรื่น ศรีธเรศ ส.ส.กาฬสินธุ์ และนายเจริญ จรรย์โกมล ส.ส.ชัยภูมิ
“เมื่อมีการปรับเปลี่ยนโครงการเช่นนี้ ส.ส.ทุกคนก็พึงพอใจที่ผู้ใหญ่รับฟังและนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง ต่อจากนี้ไปพรรคเพื่อไทยก็จะเริ่มต้นทำกิจกรรมทางการเมืองเพื่อเตรียมการเลือกตั้งตามที่กำหนดไว้ ซึ่งหนทางนี้ทำให้พวกเราเกิดความเชื่อมั่นในความพร้อมและส.ส.เองก็จะไม่โดดเดี่ยว”นายไพจิตกล่าว
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1380 ครั้ง