“นายกฯ”ลั่นให้เอาผิดกับนร.นักเลงให้ถึงที่สุด อ้างเหตุเพราะทำความสูญเสียให้ผู้อื่น พร้อมจี้”ศธ.”ชงมาตรการแก้ปัญหาเข้าครม. นักเรียนนักเลงก่อเรื่องอีก คราวนี้ศึกษาสั้น พบกันบนชั้น 7 มาบุญครอง อีกฝ่ายชักมีดไล่แทงเจ็บ 3 คน เพื่อนบอกมือมีดเคยอยู่โรงเรียนเดียวกันมาก่อน คาด “แก๊งเคเคที” ย่านตลาดน้อย ขณะที่แม่คนเจ็บบอกลูกมาเรียนพิเศษแล้วถูกทำร้าย ปชช.เชื่อปัญหาเด็กอาชีวะตีกันแก้ไม่ได้-วอนเด็กนึกถึงหัวอกพ่อแม่
วันที่
5ก.ย. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ”รายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์” ถึงปัญหาเด็กนักเรียนนักศึกษาตีกัน ว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นทำให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องต้องสูญเสียไปด้วย ซึ่งรัฐบาลได้กำชับกับเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการดูปัญหาว่าจะต้องดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดอย่างเคร่งครัด ซึ่งในเวลานี้ปลัดกระทรวงศึกษาธิการได้ระดมความร่วมมือจากหน่วยงานต่างที่เกี่ยวข้อง เพื่อที่จะแก้ไขปัญหาดังกล่าวแล้ว อีกทั้งในการประชุมครม.ในวันอังคารที่ 7 ก.ย. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการต้องรายงานมาตรการเสริมเข้าที่ประชุมด้วยโจ๋เมืองกล้วยไข่ฟันอริเจ็บ-ตามยิงซ้ำดับ 1
เมื่อเวลา 05.00 น. วันที่ 5 ก.ย.2553 ร.ต.อ.สุวิชา เตชะวรรณวุฒิ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองกำแพงเพชร ได้รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกยิงด้วยอาวุธปืนบาดเจ็บ และรถเสียหลักชนเสาไฟฟ้าหัก บนถนนเทศบาล 1 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.กำแพงเพชร หลังรับแจ้งจึงเดินทางไปสอบสวนยังที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ธรวรรธน์ อยู่คง ผกก.สภ.เมืองกำแพงเพชร และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน
ในที่เกิดเหตุ พบรถเก๋งโตโยต้าโซลูน่า สีบอร์นซ์ทอง หมายเลขทะเบียน กง 701 กำแพงเพชร ชนเสาไฟฟ้าจนหัก หน้ารถยุบพังเสียหาย กระจกประตูด้านคนขับแตกละเอียด มีรอยกระสุนปืนที่ขอบด้านล่างกระจกประตู 1 รู บนแผ่นประตูใกล้ขอบด้านล่าง 1 รู และบริเวณกันชนท้ายด้านขวาอีก 1 รู ส่วนผู้ถูกยิงนั้นทราบชื่อภายหลังคือ นายฤทธิไกร จูจันทร์ อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 65 ถ.ชากังราว ต.ในเมือง อ.เมือง จ.กำแพงเพชร อาสาสมัครกู้ชีพโรงพยาบาลกำแพงเพชรนำตัวส่งโรงพยาบาลกำแพงเพชร แต่ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา
จากการสอบสวน น.ส.กัญญารัตน์ สมบูรณ์ อายุ 25 ปี แฟนสาวของผู้ตาย ให้การว่า หลังจากท่องเที่ยวราตรีจนสถานบริการปิดกลุ่มเพื่อนของผู้ตายได้เกิดเหตุทะเลาะวิวาทกับกลุ่มวัยรุ่นอีกกลุ่มหนึ่ง จนมีผู้ถูกมีดฟันที่ข้อมือและศีรษะบาดเจ็บ ผู้ตายจึงนำเพื่อนส่งโรงพยาบาลกำแพงเพชร และอยู่พูดคุยกับกลุ่มเพื่อนจนใกล้รุ่ง
หลังจากนั้นเวลาประมาณ 04.30 น. ผู้ตายพร้อมกับตนและเพื่อนรวม 5 คนได้ใช้รถยนต์คันเกิดเหตุเดินทางกลับที่พัก โดยมีผู้ตายเป็นคนขับ เมื่อเลี้ยวเข้าถนนสายเทศบาล 1 ได้มีคนร้ายเป็นวัยรุ่นขับขี่ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ไม่ทันสังเกตรุ่นและยี่ห้อไล่ตามมาแล้วใช้ปืนยิงเข้าที่ท้ายรถ 1 นัด แล้วเร่งประกบยิงเข้าที่กระจกประตู 1 นัด แล้วจึงขับแซงไปตามถนนด้านหน้า ส่วนผู้ตายได้รับบาดเจ็บจอดรถแล้วเปลี่ยนให้ตนเป็นคนขับกลับ เมื่อถึงที่เกิดเหตุได้เห็นคนร้ายขับสวนมาใช้ปืนยิงใส่ ด้วยความตกใจจึงหักรถหลบไปทางด้านซ้ายจนชนเสาไฟฟ้าหักเสียหายดังกล่าว ส่วนคนร้ายได้หลบหายไปกับความมืด
จากการชันสูตรพลิกศพที่โรงพยาบาลพบว่า ผู้ตายถูกกระสุนปืนเข้าใต้รักแร้ด้านขวา 1 นัด เอกซ์เรย์แล้วไม่พบหัวกระสุนฝังใน แต่มีสะเก็ดวัตถุไม่ทราบชนิดฝังอยู่ 3 -4 ชิ้น ซึ่งแพทย์จะได้ทำการผ่าพิสูจน์ต่อไป ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานเบื้องต้น ผู้ตายซึ่งค่อนข้างกว้างขวางในกลุ่มเพื่อน น่าจะมีสาเหตุโกรธเคืองและทะเลาะวิวาทกับกลุ่มวัยรุ่นคู่อริมาหลายครั้งแล้ว จนมีการทะเลาะวิวาทครั้งล่าสุด คนร้ายจึงตามไล่ยิงล้างแค้น ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ติดตามสอบสวนสืบสวนหาตัววัยรุ่นคนร้ายรายนี้ไปดำเนินคดีต่อไป
นักเรียนนักเลงก่อเรื่องอีกแทงในมาบุญครอง
เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 4 กันยายน ร.ต.ท.ภูริทัต บุญช่วย พนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน รับแจ้งเหตุกลุ่มวัยรุ่นทะเลาะวิวาทกันบริเวณชั้น 7 ห้างสรรพสินค้ามาบุญครอง แขวงและเขตปทุมวัน กรุงเทพฯ จึงนำกำลังไปตรวจสอบ พบว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของห้างสรรพสินค้ามาบุญครองได้นำผู้บาดเจ็บ 3 คน ส่งโรงพยาบาลตำรวจเรียบร้อยแล้ว โดยทั้งหมดเป็นเด็กนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนแห่งหนึ่ง อายุ 15 ปี 1 คน อายุ 17 ปี 2 คน ทั้งหมดถูกแทงที่ท้อง บาดเจ็บเล็กน้อย 2 คน สาหัส 1 คน
จากการสอบสวนเพื่อนนักเรียนของผู้บาดเจ็บที่อยู่ในเหตุการณ์ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุมาเที่ยวที่ห้างด้วยกัน 7 คน โดยไปเที่ยวที่ชั้น 7 ซึ่งมีโบว์ลิ่ง ตู้เกม โรงภาพยนต์ และร้านอาหาร ซึ่งเป็นที่นิยมของวัยรุ่น ขณะที่ผู้บาดเจ็บกำลังไปซื้อไอศกรีมอยู่บริเวณหน้าลานโบว์ลิ่งก็พบกับวัยรุ่นอีกกลุ่มหนึ่ง มีอยู่ด้วยกันประมาณสิบกว่าคน ซึ่งกลุ่มผู้บาดเจ็บรู้จักเพียงคนเดียวคือคนที่มีชื่อเล่นว่า “เมนท์” เรียนอยู่ชั้นมัธมยมศึกษาปีที่ 6 อีกโรงเรียนหนึ่ง เนื่องจากเคยเรียนโรงเรียนเดียวกันมาก่อน เมื่อนายเมนท์เห็นกลุ่มผู้บาดเจ็บก็ใช้มีดลักษณะคล้ายมีดสปริง ยาวประมาณครึ่งฟุต วิ่งเข้ามาไล่แทงจนมีผู้ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้เข้ามาระงับเหตุ จนนายเมนท์และเพื่อนๆ วิ่งหลบหนีไป
เพื่อนนักเรียนกลุ่มผู้บาดเจ็บยังให้การว่า ปกติกลุ่มของตนไม่ค่อยมาเที่ยวที่ห้างนี้ นานๆ จะมาสักครั้ง และกลุ่มที่ก่อเหตุก็ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ยกเว้นเพียงนายเมนท์คนเดียวเท่านั้น ซึ่งกลุ่มที่ก่อเหตุน่าจะอาศัยอยู่ย่านตลาดน้อย ใช้ชื่อว่าแก๊ง “เคเคที”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของห้างคนหนึ่ง กล่าวว่า ปกติที่บริเวณชั้น 7 มีกลุ่มวัยรุ่นทะเลาะวิวาทกันบ่อยครั้ง แต่ไม่รุนแรงถึงกับใช้มีดไล่แทงขนาดนี้มาก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศบริเวณหน้าโรงพยาบาลตำรวจมีเพื่อนผู้บาดเจ็บจับกลุ่มพูดคุยกันถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่หน้าห้องฉุกเฉิน โดยทั้งหมดเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย แต่งกายด้วยเสื้อยืด กางเกงยีนขาเดฟ รองเท้าผ้าใบ บางคนสูบบุหรี่ บางคนอยู่ในอาการมึนเมา และไม่ยอมให้ข้อมูลใดๆ กับผู้สื่อข่าว
ร.ต.ท.ภูริทัต กล่าวว่า ขณะนี้มีพยานที่เห็นเหตุการณ์ประมาณ 2-3 คน ซึ่งจะเรียกมาสอบปากคำเพิ่มเติม เบื้องต้นต่างก็ยืนยันว่าไม่เคยมีเรื่องกับวัยรุ่นกลุ่มนี้มาก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อาการล่าสุดของผู้บาดเจ็บทั้ง 3 คน ยังอยู่ในการดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด
จากการสอบถามหญิงรายหนึ่ง ซึ่งเดินทางมาที่โรงพยาบาลตำรวจ บอกว่า เดินทางมาเยี่ยมลูกชาย เมื่อช่วงเย็นลูกชายไปเรียนพิเศษ และถูกกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ ขณะนี้พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยอยากให้ตำรวจติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว
ปชช.เชื่อปัญหาเด็กอาชีวะตีกันแก้ไม่ได้-วอนเด็กนึกถึงหัวอกพ่อแม่
วันที่ 5 ก.ย. สวนดุสิตโพล เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่องการทะเลาะวิวาท ของเด็กอาชีวะ ในทัศนะของประชาชน จากเหตุการณ์สะเทือนใจ ที่เด็กนักเรียน 9 ขวบ ถูกลูกหลงจนเสียชีวิต จาการยกพวกถล่มอริต่างสถาบันบนรถเมล์ของ เด็กอาชีวะ พบว่า ประชาชส่วนใหญ่ 34.60% รู้สึกเศร้า หดหู่ใจที่ต้องเห็น และได้ยินเหตุการณ์ซ้ำซาก ขณะที่ 32.49% รู้สึก สงสารเห็นใจพ่อแม่ของเด็กนักเรียน ที่ต้องสูญเสียลูกชายไป ส่วน 19.82% คิดว่า ถึงเวลาแล้วที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องหัน มาหารือกันโดยเฉพาะกระทรวงศึกษาธิการ จะต้องมีมาตรการ หรือแนวทางป้องกันแก้ไขอย่างเด็ดขาด
ส่วนสาเหตุที่ทำให้เกิดการทะเลาะวิวาท อันดับแรก 40.18 % มาจาการปลูกฝั่งค่านิยมที่ผิดๆ จากรุ่นพี่สู่รุ่นน้อง คิดว่า เป็นเรื่องของศักดิ์ศรีระหว่าง สถาบัน รองลงมา 30.09% มาจากอารมณ์ชั่ววูบ ใจร้อน ขาดสติ และมีความแค้นส่วนตัว อันดับ 3 11.73% คิดว่าเป็นการกระทำ ที่ดูเท่ ดูดี
การทะเลาะวิวาทของนักเรียนอาชีวะนั้น ประชาชาส่วนใหญ่ 87.14% เชื่อว่า จะมีเหตุการณ์เกิดขึ้นต่อไป เพราะที่ผ่านมาไม่เห็นมีการแก้ไขที่จริงจัง เกิดปัญหาซ้ำซาก
ส่วนแนวทางการแก้ไข นั้น เริ่มจาการปรับทัศนคติของนักศึกษาเหล่านี้ ตามด้วยการมีกฎหมายบทลงโทษที่เด็ดขาด และผู้ปกครองต้องให้ความรัก ดูแลเอาใจใส่บุตรหลานให้ดี อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ประชาชนอยากฝากเตือนสติเด็กอาชีวะ ให้คำนึงถึงหัวอกพ่อแม่ และความรู้สึกของพ่อแม่ และอยากให้มองเด็กอาชีวะทุกคนคือเพื่อนกัน ไม่ทะเลาะกัน และนำเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นอุทาหรณ์สอนใจ
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 3261 ครั้ง