แรงกดดันในการตัดขาดการผูกค่าเงินของทั้งภูมิภาคกับเงินดอลลาร์ยังคงอ่อนอยู่เนื่องจากวิกฤตเงินยูโรและราคาน้ำมันที่เสถียรได้เหนี่ยวรั้งไม่ให้ผู้ดำเนินโยบายของภูมิภาคมองหาระบบอัตราแลกเปลี่ยนที่เป็นอิสระจากดอลลาร์แทน
ธนาคารกลางกลุ่ม GCC มีแนวโน้มที่จะเลือกที่จะเกาะกับดอลลาร์ต่อไปจากการที่เงินดอลลาร์แข็งค่าต่อเนื่องเทียบกับยูโรและราคาน้ำมันยังต่ำกว่า 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล นักเศรษฐศาสตร์ชี้
“วิกฤตในกลุ่มเงินยูโรจะเป็นตัวบอกกับผู้ดำนเนินนโยบายส่วนหนึ่งว่า พวกเขาคิดถูกแล้วที่ยังผูกค่าเงินกับดอลลาร์อยู่” นายไซมอนส์ วิลเลียมส์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำภูมิภาคของเอชเอสบีซี
“แต่ความกังวลของผมคือ ค่าเงินที่แข็งค่าไม่ใช่สิ่งที่ภูมิภาคต้องการเพื่อเร่งการพัฒนาในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ไม่ใช่น้ำมัน”
การเก็งกำไรเกี่ยวกับเพิ่มค่าเงินในภูมิภาค GCC เริ่มขึ้นในปี 2007 เนื่องจา่กราคาน้ำมันที่สูงขึ้นบวกกับการร่วงลงของค่าเงินดอลลาร์สร้างแรงกดดันต่อค่าเงินในกลุ่ม GCC เงินทุนไหลเข้าเพิ่มขึ้นอันเป็นผลมาจากการการคาดการณ์ถึงการทบทวนนโยบายอัตราแลกเปลี่ยน หลังจากนั้นทิศทางเงินทุนก็กลับไปในทางตรงกันข้ามหลังจากเป็นที่แน่ชัดว่าการผูกค่าเงินกับดอลลาร์ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
“ทิศทางของเงินดอลลาร์ในตอนนี้แตกต่า่งจากปี 2007″ นายมาร์ค แม็คฟาร์แลนด์ นักเศรษฐศาสตร์ด้านตลาดเกิดใหม่จากธนาคารเอมิเรตส์ เอ็นบีดี กล่าว “ตอนนี้มีการรับรู้แล้วว่า การพูดคุยถึงเรื่องการผูกค่าเงินไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไร”
ในบรรดาประเทศกลุ่ม GCC คูเวตเป็นชาติเดียวที่ยกเลิกการผูกค่าเงินกับดอลลาร์ การแข็งค่าของดอลลาร์เทียบกับยูโรสร้างความได้เปรียบให้กับผู้นำเข้าในกลุ่ม GCC เนื่องจากต้นทุนของสินค้าและบริการจากกลุ่มยูโรลดลง
แต่อัตราแลกเปลี่ยนยังคงสร้างความเสี่ยงให้กับอุตสาหกรรมที่ไม่ใช่น้ำมันในภูมิภาคอยู่โดยทำให้ธุรกิจกลุ่มนี้แข่งขันไม่สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก ห้องพักโรงแรมและสินค้าที่ผลิตในภูมิภาคมีราคาสูงขึ้นในสายตาผู้บริโภคชาวยุโรป ภายใต้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบคงที่ ธนาคารกลางกลุ่ม GCC จำต้องเดินตามนโยบายการเงินจากธนาคารกลางสหรัฐฯอย่างใกล้ชิด
การเดินตามนโยบายการเงินในสหรัฐฯจะเหมาะกับกลุ่ม GCC ในเวลาที่รัฐบาลต้องการรักษาอัตราดอกเบี้ยในระดับที่ต่ำเพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ เนื่องจากเศรษฐกิจภูมิภาคฟื้นตัวในระดับและความเร็วที่แตกต่างจากสหรัฐฯ ความต้องการในการดำเนินนโยบายที่เป็นอิสระย่อมสูงขึ้น นายวิลเลียมส์กล่าว
“ผมคาดว่า ภูมิภาคนี้จะเติบโตเร็วกว่าสหรัฐฯ ดังนั้นประเด็นที่จะต้องมีการปฏิรูประบบอัตราแลกเปลี่ยนยังคงเป็นประเด็นใหญ่อยู่เนื่องจากการควบคุมอัตราดอกเบี้ยเป็นสิ่งที่จำเป็น” เขากล่าว
ที่มา The National