นครบาลขอออกหมายจับ “กำพล คำคง” ผู้จ้างวานวางระเบิดพรรคภูมิใจไทย เชื่อ ยังกบดานในไทย พร้อมตั้ง 3 ข้อหาหนัก “ร่วมกันมีระเบิด-เป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตราย-พกพาระเบิดในเมือง”
วันที่ 23 มิ.ย.ที่ห้องประชุมปารุสกวัน 1 กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) กล่าวถึงความคืบหน้าคดีระเบิดหน้าพรรคภูมิใจไทย ซอยพหลโยธิน 43 ว่า จากการสืบสวน พบว่า นายเอนก สิงขุนทด คนเข็นรถเงาะที่ได้รับบาดเจ็บจากแรงระเบิดหน้าพรรคภูมิใจไทย ว่า ทำงานเป็น รปภ.ที่ อ.แหลมฉบัง จ.ชลบุรี โดยมีความสนิทสนมกับ นายกำพล คำคง อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 70/42 หมู่ 2 ต.สุรศักดิ์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ผู้ต้องหาที่จ้างวานให้ก่อเหตุระเบิด
จากการตรวจสอบโทรศัพท์ที่ นายเอนก ใช้ติดต่อกับ นายกำพล พบว่า มีการปิดการใช้บริการไปแล้ว ซึ่ง นายกำพล น่าจะเป็นผู้จ้างวาน นายเอนก ให้เป็นผู้ก่อเหตุ แต่เกิดความผิดพลาดทำให้เกิดระเบิดก่อน ส่วนการตรวจสอบระเบิดพบว่า เป็นชนิดทีเอ็นที น้ำหนักครึ่งปอนด์ ผูกติดกับถังแก๊สสีส้ม ยี่ห้อเวิลด์แก๊ส และจุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือ ซึ่งจากการสืบสวนยังพบว่านายกำพล เป็นแนวร่วม นปช.อ.แหลมฉบัง จ.ชลบุรี
พล.ต.ท.สัณฐาน กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุ และพื้นที่ใกล้เคียง ไม่พบรถต้องสงสัย ซึ่งคาดว่า คนร้ายน่าจะมีการเปลี่ยนรถที่ใช้ก่อเหตุ หลังจากนี้ ต้องสืบสวนเพิ่มเติมเพื่อขออนุมัติออกหมายจับ โดยเชื่อว่า นายกำพล ยังหลบหนีภายในประเทศ พร้อมขอความร่วมมือให้ผู้ต้องหาเข้ามอบตัว เนื่องจากเกรงว่าอาจถูกฆ่าตัดตอนได้
เบื้องต้นทางพนักงานาสอบสวนได้ตั้งข้อหากับ นายกำพล จำนวน 3 ข้อหา คือ 1.ร่วมกันมีวัตถุระเบิด 2.ทำให้เกิดระเบิดเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตราย และทรัพย์สินเสียหาย และ 3.พกพาระเบิดไปในที่สาธารณะหรือในเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต
รายงานข่าวแจ้งว่า นายเอนก เข้ามาใน กทม.เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.โดยพักแถวโชคชัย 4 พอถึงช่วงเช้าวันเกิดเหตุ พบว่า มีรถกระบะพร้อมกับบรรทุกรถเข็นผลไม้เงาะมาส่งนายเอนก ใกล้กับพรรคภูมิใจไทย เมื่อตรวจสอบกล้องวงจรปิด ทั้งหน้าและด้านข้างของพรรคภูมิใจไทย พบว่า มีรถต้องสงสัยคันดังกล่าวมาส่งนายเอนก ในเวลา 10.00 น.
โดยเบื้องต้นได้ทำการสอบพยานไปแล้ว 4 ปาก โดย 1 ในนั้น เป็นพนักงานร้านกาแฟที่ตั้งอยู่ด้านหน้าของพรรค ซึ่งได้ออกมาซื้อเงาะก่อนเกิดเหตุ เมื่อตรวจสอบกล้องวงจรปิดของเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร ปรากฏว่า พบรถต้องสงสัยคันเดียวกันได้มุ่งหน้ามาจากทางสามแยกเกษตร แต่ยังไม่ทราบว่าเป็นรถรุ่นใด เนื่องจากภาพกล้องวงจรปิดเห็นไม่ชัดเจน
สำหรับผลการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่เก็บกู้วัตถุระเบิด (EOD) พบว่า ระเบิดที่ใช้ก่อเหตุเป็นชนิดระเบิดทีเอ็นทีผูกติดกับถังแก๊ส โดยในถังแก๊สได้บรรจุน้ำมันดีเซล ซึ่งจะไม่ทำให้เกิดสะเก็ดระเบิด หรือมีความรุนแรงเท่ากับระเบิดที่ใช้ในภาคใต้ เพราะหากคนร้ายหวังให้เกิดความเสียหายก็จะใช้น้ำมันเบนซินบรรจุในถังแก๊ส เพราะจะติดไฟได้ดีกว่า เจ้าหน้าที่จึงสันนิษฐานว่า น่าจะเป็นการสร้างสถานการณ์ไม่ได้มุ่งหวังเพื่อเอาชีวิต
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1167 ครั้ง