สุเทพ ลงใต้เร่งขับเคลื่อนแผนพัฒนาพื้นที่ 5 จังหวัด

รองนายกรัฐมนตรี ลุยนราฯ เร่งรัดการขับเคลื่อนแผนพัฒนาพื้นที่พิเศษ 5 จชต.ย้ำชัดห้ามทุกฝ่ายโกงกินเงินเด็ดขาด

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวระหว่างเดินทางประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่จากส่วนราชการต่างๆที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติงานเพื่อการขับเคลื่อนตามแผนการพัฒนาพื้นที่พิเศษ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่จ.นราธิวาส ว่ารัฐบาลได้สั่งให้เร่งรัดการขับเคลื่อนแผนพัฒนาพื้นที่พิเศษ 5 จังหวัดชายแดนใต้ ได้แก่ สตูล สงขลา ยะลา ปัตตานี และ นราธิวาส
 
ทั้งนี้เพื่อให้การทำงานในทุกโครงการมีการบูรณาการและเชื่อมโยงกับนโยบายซึ่งคณะทำงานตามแผนฯที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เป็นผู้วางกรอบไว้ ให้ผลที่ได้ออกมาเป็นรูปธรรมที่สมบูรณ์สำหรับชาวบ้านที่เดือดร้อนอย่างแท้จริง โดยไม่ทำให้เกิดเป็นเงื่อนไขและบานปลายเป็นปัญหาตามมา ขณะเดียวกันจากการติดตามผลการดำเนินงานตามแผนฯ พบว่าโครงการทำดีมีอาชีพซึ่งเป็น 1 ใน 365 โครงการนั้นมีการขับเคลื่อนคืบหน้าไปถึงร้อยละ 86.54 อย่างไรก็ตามยังอยู่ระหว่างการดำเนินการอีกถึง 112 โครงการ
 
ทั้งนี้ ขอให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ได้รับมอบหมายร่วมมือเร่งรัดโครงการต่างๆที่กำหนดไว้ให้ประสบความสำเร็จเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้โดยไม่ให้เกิดความล่าช้าอย่างที่เป็นมา โดยทุกโครงการซึ่งต้องใช้เงินงบประมาณที่มากมายมหาศาล ต้องไม่มีการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบเด็ดขาด ที่สำคัญเป็นสิ่งที่รัฐบาลย้ำเพราะต้องการช่วยเหลือประชาชนอย่างแท้จริง
 
โดยให้ทางแม่ทัพภาคที่ 4 เป็นผู้กำกับดูแลอย่างใกล้ชิดทุกอำเภอทุกตำบล ซึ่งล่าสุดจากการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 มิ.ย.ที่ผ่านมา เห็นชอบให้กระทรวงการคลังร่วมมือกับสภาพัฒน์ฯเร่งรัดให้มีผลเป็นรูปธรรมสำหรับการลงทุนใน 3 ประเด็นหลักคือ ด้านการเกษตร การท่องเที่ยว และผลิตภัณฑ์อาหารฮาลาล รวมทั้งการปรับแผนในปี 2552-2555 มีการเพิ่มกรอบวงเงินงบประมาณเพื่อการพัฒนาพื้นที่ 5 จังหวัดเป็น 68,690 ล้านบาท
 
ทั้งนี้เพื่อให้การดำเนินงานสอดคล้องกับการทำประชาคมของชาวบ้านในทุกพื้นที่ขณะเดียวกันในส่วนของปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จชต.นั้นครม.ได้อนุมัติงบประมาณในการติดตั้งโทรทัศน์วงจรปิดจำนวนกว่า 8 ล้านบาทเพื่อให้คลอบคลุมและสะดวกในการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่กรณีเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงขึ้น ซึ่งเชื่อว่าทุกโครงการของรัฐบาลหากดำเนินการแล้วเสร็จ จะยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้นอย่างแน่นอน