กรมราชทัณฑ์ ลั่นไม่ยอมให้ “ก่อแก้ว” ใส่ชุดผู้ต้องขังไปสมัคร ส.ส. ย้ำเลือกตั้งต้องมีเกียรติ เตรียมเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ 10 นายประกบตลอดเวลา ก่อนจับยัดห้องขังต่อ ไม่ให้ออกมาหาเสียง “เพื่อแดง” ผุดยุทธศาสตร์ปลุกปั่น พาแดงร่วมเหตุการณ์เผาเมืองช่วยหาเสียงตั้งเป้าถล่ม “มาร์ค” เปื้อนเลือด ประชาธิปัตย์ฟิตจัด “กรณ์” นำทีมหาเสียงแล้ว
การสมัครรับเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 6 กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 28 มิถุนายนนี้ ตกเป็นที่จับตามองจากหลายฝ่าย หลังพรรคเพื่อไทยส่งนายก่อแก้ว พิกุลทอง แกนนำคนเสื้อแดงที่ถูกคุมขังในเรือนจำคลองเปรมในข้อหาก่อการร้าย ลงชิงชัยกับนายพนิช วิกิตเศรษฐ์ จากพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งพรรคเพื่อไทยต้องการหวังผลทางการเมืองตั้งแต่เริ่มแรกด้วยการมีแนวคิดให้นายก่อแก้วใส่ชุดผู้ต้องขังไปสมัครรับเลือกตั้ง
นายชาติชาย สุทธิกลม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ได้หารือกรมราชทัณฑ์แล้ว ซึ่งสรุปความเห็นร่วมกันว่าอนุญาตให้นายก่อแก้วใส่ชุดผู้ต้องขังออกไปสมัครรับเลือกตั้งไม่ได้ เพราะชุดนักโทษเป็นเครื่องแบบของนักโทษเด็ดขาด เรือนจำมีสิทธิอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้ใส่ โดยเฉพาะการออกภายนอกเรือนจำ แต่การแบ่งเป็นชุดสีฟ้าและชุดสีน้ำตาลลูกวัวในเรือนจำเพื่อให้เป็นระเบียบและสังเกตได้ง่าย
“การออกไปสมัครรับเลือกตั้งเป็นการดำเนินกิจกรรมทางการเมือง ซึ่งเป็นเรื่องที่มีเกียรติ จึงเห็นว่าไม่เหมาะสมกับวาระโอกาส ซึ่งได้แจ้งกับนายก่อแก้วแล้วว่าไม่อนุญาตให้ใส่ชุดผู้ต้องขังออกไป”
อธิบดีกรมราชทัณฑ์บอกว่า ขณะนี้กรมราชทัณฑ์มีคำสั่งย้ายแกนนำ นปช. 6 คนที่คุมขังที่เรือนจำกลางคลองเปรม ได้แก่ นายก่อแก้ว, นพ.เหวง โตจิราการ, นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท, นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก, นายอำนาจ อินทโชติ และนายขวัญชัย สาราคำ หรือไพรพนา ไปขังรวมกับแกนนำ นปช.อีก 5 คน ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร โดยให้อยู่รวมกันที่แดนแรกรับ ขั้นตอนต่อไปตามระเบียบต้องมีการจำแนกผู้ต้องขังกระจายไปตามแดนต่างๆ ในสัปดาห์หน้า
มีรายงานว่าเรือนจําพิเศษกรุงเทพมหานครได้ประชุมวางแผนในการควบคุมตัวนายก่อแก้วระหว่างการออกไปลงสมัครรับเลือกตั้งในวันที่ 28 มิ.ย. ในเบื้องต้นจะใช้กำลังเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์และหน่วยปฏิบัติการพิเศษกรมราชทัณฑ์จํานวน 10 นาย ควบคุมตัวออกไป โดยจะออกเดินทางโดยรถตู้จากเรือนจําไปยังจุดหมายตั้งแต่เวลา 06.00 น.
ทั้งนี้ ภายหลังขั้นตอนการลงสมัครจะเป็นการออกหาเสียง ซึ่งนายก่อแก้วไม่สามารถออกจากเรือนจำเพื่อไปหาเสียงได้
มีรายงานว่า นายก่อแก้วเตรียมที่จะยื่นหนังสือผ่านทนายความส่งให้อธิบดีกรมราชทัณฑ์เพื่อขอบันทึกเทปการหาเสียงจากในเรือนจํา เพื่อจะนําไปเปิดบนรถปราศรัยเคลื่อนที่ พร้อมกันนี้ยังได้เตรียมการหารือกับทนายความในการจัดวางยุทธศาสตร์ในการต่อสู้ในการเลือกตั้งครั้งนี้ด้วย
ทั้งนี้ ในวันที่ 28 มิ.ย.นี้ นายก่อแก้วจะออกเดินทางจากเรือนจำกลางในเวลาประมาณ 06.30 น. และเดินทางไปถึงที่ทำการเขตคลองสามวาในเวลา 07.00 น.เศษ เพื่อไปให้ถึงก่อนเวลาจับหมายเลขในเวลา 08.00 น.
ที่พรรคเพื่อไทย มีการแถลงข่าวโดยนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย แกนนำ นปช. กล่าวว่า อยู่ที่ดุลพินิจของศาลว่าจะให้ประกันตัวนายก่อแก้วหรือไม่ แต่ถึงแม้จะไม่ได้ประกันตัว พรรคเพื่อไทยและเพื่อนก่อแก้วจะช่วยกันหาเสียงให้กับนายก่อแก้ว โดยจะมีผู้ที่สูญเสีย ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ผู้พิการจากเหตุการสลายการชุมนุมที่ผ่านมาร่วมหาเสียงให้กับนายก่อแก้วด้วย
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การแต่งกายของนายก่อแก้วนั้นทางพรรคไม่สามารถกำหนดได้ แต่ขึ้นอยู่กับกรมราชทัณฑ์ที่จะเป็นผู้กำหนดว่าจะให้ใส่ชุดนักโทษหรือชุดธรรมดา แต่ทั้งนี้ขออย่าให้ใส่โซ่ตรวน และยืนยันไม่มีการชิงตัวประกันตามที่มีกระแสข่าวอย่างแน่นอน
รองโฆษกพรรคเพื่อไทยแถลงว่า ระหว่างในวันที่ 21-24 มิถุนายนที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยภาค กทม.ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่เลือกตั้ง ส.ส.เขต 6 บึงกุ่ม คันนายาว คลองสามวา และหนองจอก โดยมีกลุ่มตัวอย่าง 400 คน ทั้งหญิงและชาย อายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป ในหัวข้อ คิดอย่างไรกับการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กทม.เขต 6
โพลล์เชลียร์”ตุ๊ดตู่”
ผลการสำรวจในหัวข้อต่างๆ พบว่า ร้อยละ 82 ระบุตรงกันว่าพรรคการเมืองมีผลมากสุด และจะเลือกตัวบุคคลแค่ร้อยละ 12 และส่วนร้อยละ 6 ดูผลงาน กรณี พ.ร.ก.บริหารราชการฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) ในเขตเลือกตั้งหรือไม่นั้น พบว่า ประชาชนร้อยละ 79 ระบุตรงกันว่า ควรเลิก, ร้อยละ 13 ไม่ควรเลิก และร้อยละ 8 ตอบเฉยๆ
สำหรับคำถามหากมีการปราศรัยในที่สาธารณะในเขตเลือกตั้ง ท่านจะออกไปฟังหรือไม่ พบว่าผลสำรวจร้อยละ 83 บอกว่าอยากออกไปฟัง ขณะที่ถามว่าอยากฟังใครปราศรัยมากที่สุด อันดับหนึ่งได้แก่ นายจตุพร รองลงมาคือ ร.ต.อ.เฉลิม ส่วนอันดับสาม นายการุณ โหสกุล
ปชป.เริ่มหาสียงแล้ว
ส่วนพรรคประชาธิปัตย์มีความเคลื่อนไหวคึกคักเช่นกัน โดยมีการลงพื้นที่หาเสียงแล้ว ช่วงเช้าวันเสาร์ นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.การคลัง ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ลงพื้นที่สวนน้ำ บึงกุ่ม หมู่บ้านสหกรณ์เคหะสถาน 4 ช่วยนายพนิช วิกิตเศรษฐ์ หาเสียง โดยเดินทักทายและแนะนำตัวผู้สมัครกับประชาชนที่เดินจับจ่ายซื้อหาสินค้าในตลาดนัด หมู่บ้านสหกรณ์เคหะสถาน 4 โดยประชาชนบางส่วนนำดอกไม้และพวงมาลัยดอกดาวเรืองมามอบให้เป็นกำลังใจด้วย
นายกรณ์กล่าวถึงกรณีที่พรรคการเมืองใหม่ถอนตัวผู้สมัครของพรรคออกกะทันหันว่า พรรคประชาธิปัตย์กับพรรคการเมืองใหม่ไม่ได้มีการพูดคุยกันในเรื่องดังกล่าว เป็นการตัดสินใจของพรรคการเมืองใหม่เอง ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์มองว่าการถอนตัวครั้งนี้จะทำให้พรรคประชาธิปัตย์ได้คะแนนเสียงเพิ่มขึ้น พร้อมเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยจะไม่ดึงประเด็นการเมืองเก่ามาโจมตีการหาเสียงเลือกตั้ง ควรมุ่งเน้นไปที่การแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชนจะดีกว่า
ด้านนายพนิชกล่าวว่า ประชาชนคงเลือกบุคคลที่เหมาะสมที่จะสามารถทำงานในสภาได้ถึงที่สุด รวมทั้งเป็นคนมีประสบการณ์และรู้งานจริง ทั้งนี้การเลือกตั้งซ่อมในครั้งนี้ตนจะชูนโยบายสำคัญคือเรื่องปัญหาในพื้นที่ เนื่องจากเคยเป็นรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครมาก่อนหน้านี้ ซึ่งเคยทำหน้าที่การแก้ไขปัญหาน้ำท่วม การแก้ไขปัญหาน้ำประปา การศึกษาและการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวว่า พรรคได้วางแนวทางการหาเสียงไว้ 2 ลักษณะคือ 1.พรรคจะให้ความสำคัญต่อตัวบุคคลเป็นหลัก คือ นายพนิช เพราะคู่แข่งอาจจะอาศัยนัยสัญลักษณ์ของการเป็นแกนนำแถวสองของกลุ่ม นปช. 2.วางแนวทางในเรื่องของการให้ความสำคัญกับนโยบายที่เน้นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจคู่กับการพัฒนาเมือง และการสร้างความเป็นธรรมและลดปัญหาความเหลื่อมล้ำ โดยจะเน้นนโยบายที่สามารถที่จะทำได้จริงและเห็นรูปธรรมได้ภายในเวลา 1 ปี
นพ.บุรณัชย์กล่าวว่า พรรคจะเน้นเรื่องนโยบายมากกว่าการพูดถึงปัญหาความแตกแยก ความขัดแย้งระหว่างชนชั้นหรือจะพูดถึงเรื่องของความไม่เป็นธรรม จากกรณีที่การหยิบยกในเรื่องของอำมาตย์หรือการกล่าวหาว่าผู้ที่ทำร้ายประชาชนที่แท้แล้วเป็นใคร ทั้งนี้ พรรคจะเน้นในเรื่องของนโยบายมากกว่า โดยในวันที่ 28 มิ.ย. เวลา 07.00 น.ทางผู้สมัครคือนายพนิช ร่วมกันกับรัฐมนตรีของพรรคที่มาจากพื้นที่ กทม.ทุกคนก็จะไปพร้อมกันที่เขตเพื่อสมัครรับเลือกตั้ง
ส่วนกระแสข่าวที่ระบุว่านายก่อก้วจะใส่ชุดนักโทษไปสมัคร ส.ส.นั้น เชื่อว่าอาจจะเป็นการสร้างภาพที่ทำให้คนระลึกถึงเหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมือง แต่อยากจะเรียกร้องว่าให้ทำงานโดยแข่งขันกัน โดยให้ความสำคัญกับตัวบุคคลกับตัวนโยบายน่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ถือเป็นการแสดงให้เห็นว่าประชาธิปไตยกลับมาสู่การณ์ปกติและความขัดแย้งกลับมาสู่สภาอีกครั้ง
ปชป.วิตกแก๊งแม้ว
นพ.บุรณัชย์บอกว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะถือว่าเป็นเขตอำนาจของ กกต. ซึ่งเป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญ และการเลือกตั้งดังกล่าวก็เป็นสิ่งที่ประชาชนใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ ถือว่ามีสิทธิ์ที่คุ้มครองตามกฎหมายและเป็นการส่งสัญญาณที่สำคัญว่าขณะนี้ประชาธิปไตยเริ่มเดินหน้าขึ้นอีกครั้งหนึ่งแล้ว
อย่างไรก็ตาม เขายอมรับว่าพรรคประชาธิปัตย์ก็มีความวิตกกับแนวทางการหาเสียงหากทางแนวร่วมระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย และกลุ่ม นปช. ที่ขณะนี้ถือว่าเป็นองค์กรเดียวกัน ซึ่งหลายส่วนนั้นก็เป็นการจงใจสร้างปมความขัดแย้งและชนวนเหตุที่จะทำให้เกิดการเผชิญหน้าทางสังคม ซึ่งถ้าประเด็นเหล่านี้ถูกนำมาใช้ในการหาเสียงก็จะทำให้ประชาชนวิตกว่าการเมืองอาจจะไม่หลุดพ้นจากวิกฤตการณ์และความขัดแย้งได้
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์เชิญชวนพรรคเพื่อไทยให้มาทำงานร่วมกันใน 3 ข้อในระหว่างการเลือกตั้งหาเสียง คือ 1.ขอเชิญให้ร่วมการแสดงออกถึงการหาเสียงอย่างสร้างสรรค์ และไม่ใช้วิธีการใส่ร้ายในทางการเมืองเพื่อดำเนินการหาเสียงโดยไม่มีความวุ่นวายความรุนแรงหรือการคุกคามคู่ต่อสู้ทุกรูปแบบ
2.ขอให้ไม่ดึงองค์กรหรือสถาบันที่อยู่นอกความขัดแย้งทางการเมืองเข้ามาเป็นประเด็นในการหาเสียง เพื่อหวังสร้างความเข้าใจผิดหรือสร้างความเป็นปฏิปักษ์ เช่น สถาบันองคมนตรี, สถาบันตุลาการ หรือเหล่าทัพเข้ามาเป็นประเด็นในการโจมตีใส่ร้ายในการหาเสียง
และ 3.ขอให้ร่วมกันพูดถึงอนาคตว่าจะมีส่วนร่วมในการทำให้บ้านเมืองหลุดพ้นจากวิกฤติ ทำให้สังคมไทยดีขึ้นอย่างไร
กรณีที่พรรคเพื่อไทยโจมตีว่าการถอนตัวของผู้สมัครของพรรคการเมืองใหม่เป็นการฮั้วกันทางการเมืองนั้น โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ยืนยันว่า พรรคไม่มีพฤติกรรมในการสมคบกันกับพรรคการเมืองหนึ่งพรรคการเมืองใด หรือการฮั้วกันในการเลือกตั้ง เช่นเดียวกันกับการจ้างพรรคเล็กลงสมัครรับเลือกตั้งจนทำให้พรรคตัวเองถูกยุบอย่างนั้นแน่นอน ซึ่งถือว่าเป็นพฤติกรรมที่ทรยศต่อประชาชน
ยี้ชุดนักโทษ
ขณะที่นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การที่นายก่อแก้วจะใส่ชุดนักโทษไปสมัครรับเลือกตั้ง พฤติกรรมดังกล่าวไม่เหมาะสมกับนักการเมืองที่จะเสนอตัวมารับใช้ประชาชน เพราะการมายื่นใบสมัครรับเลือกตั้งจะต้องให้เกียรติกับสถานที่ กกต.เขตเลือกตั้ง และสำคัญที่สุดคือประชาชนในเขต 6 ของ กทม.ด้วย
“ถ้าหากนายก่อแก้วไม่ให้เกียรติแม้กระทั่งตัวเอง ก็ควรคำนึงถึงศักดิ์ศรีของนักการเมืองบ้าง ไม่ควรที่จะสร้างภาพเพื่อหวังเพียงคะแนนเสียงเพียงอย่างเดียว พฤติกรรมเช่นนี้อาจจะเป็นบูมเมอแรงสะท้อนกลับเข้าหาตัวเองได้”
นายเทพไทกล่าวว่า การที่นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ออกมาสนับสนุนให้ใส่ชุดนักโทษ โดยแนะนำเพิ่มว่าห้ามชาวบ้านที่จะมาให้กำลังใจนำพวงมาลัยดาวเรืองมาคล้องคอเพราะเป็นสีเหลืองนั้น ตนเข้าใจว่านายปลอดประสพต้องการสัญลักษณ์สีแดงเท่านั้น เพราะอาจทำให้ประชาชนหวาดผวาได้ว่าการหาเสียงครั้งนี้อาจจะมีการกรีดเลือดไปเททิ้งในพื้นที่ตามสถานที่ต่างๆ ทั่วพื้นที่ของเขตเลือกตั้งที่ 6 กทม. เหมือนกับที่พรรคเพื่อไทยและแกนนำ นปช.เคยทำมาแล้วที่ทำเนียบฯ พรรคประชาธิปัตย์ และบ้านพักนายกฯ
“แนวความคิดของนายปลอดประสพที่เสนอทำหุ่นนายก่อแก้วออกหาเสียงแทนตัวจริงที่ติดคุกนั้น วันนี้กลับได้รับการปฏิเสธจากนายพร้อมพงศ์ (นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย) ที่ออกมาระบุว่า พรรคจะยกเลิกการทำหุ่นดังกล่าว จึงไม่เข้าใจว่าระหว่างนายปลอดประสพ ที่เป็นรองหัวหน้าพรรคกับนายพร้อมพงศ์ ว่าใครมีอำนาจมากกว่ากัน และที่ผ่านมานายปลอดประสพเคยเสนอเรื่องต่างๆ หลายครั้ง ก็ไม่เคยได้รับการปฏิบัติจากพรรคเพื่อไทยแม้แต่เพียงครั้งเดียว ในเรื่องนี้ส่วนตัวคิดว่าพรรคเพื่อไทยไม่จำเป็นต้องมีหุ่นเพิ่มเติม เพราะ ส.ส.พรรคเพื่อไทยทุกคนล้วนแล้วเป็นหุ่นเชิดให้ พ.ต.ท.ทักษิณเจ้าของพรรคตัวจริงเดินเกมทั้งสิ้น”
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 2819 ครั้ง