ตะลึงทรัพย์สมบัติ”ทักษิณ”แสนล้าน ธุรกิจทั่วโลก “ สัมปทานดาวเทียม-เจ้าของสายการบินพาณิชย์-หุ้นรัฐวิสาหกิจแปรรูปมาเลย์-กิจกรรมมือถือ”“ชัจจ์”เตือนรัฐบาลระวังน้ำเดือด เหวี่ยงแหกดดัน ลั่นไม่หวั่นแจงดีเอสไอท่อน้ำเลี้ยง ทุ่ม 600 ล.ปรองดอง ชงครม.ออกระเบียบคณะปฎิรูปชุด”อานันท์-ประเวศ” กรอบ 3 ปี
จากกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ได้มีหมายเรียกคณะบุคคลและนิติบุคคลเข้าชี้แจงการทำธุรกรรมทางการเงินย้อนหลัง 9 เดือน ตามคำสั่งของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ออกหมายเรียกหลังจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ขึ้นบัญชี 83 บุคคลตรวจสอบพบว่า มีการทำธุรกรรมทางการเงิน ระหว่าง วันที่ 28 เม.ย.52 พ.ค.53 เชื่อว่า โยงใยในการสนับสนุนการชุมนุมเสื้อแดงนั้น พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก อดีตรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นหนึ่งที่ถูกเรียกชี้แจงต่อดีเอสไอ กล่าวว่า ตนได้รับหมายเรียกให้ไปชี้แจงในวันที่ 5 ก.ค.ที่จะถึงนี้ในเวลา 09.00 น. ซึ่งไม่ได้กังวลอะไร มองเจตนาแล้วเพียงแกล้งให้เกิดความเดือดร้อน เกิดความหวาดระแวง จะได้ไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกับคนกลุ่มเสื้อแดง ใครอยู่ฝ่ายตรงข้าม เป็นอดีตข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ พูดอะไรไปเขาก็ไม่ฟังอยู่แล้ว ไม่ได้เคารพนับถือ ไม่ได้ให้ความเกรงใจ เพียงเพราะเราเป็นฝ่ายตรงข้าม
“สถานการณ์ขณะนี้เหมือนกาน้ำที่เดือดแล้วถูกปิดรูระบายไอน้ำ มันก็จะระเบิด และถ้ายังไม่ยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ประชาชนจะเดือดร้อนไปทั่ว ทหาร ตำรวจ กับประชาชนก็จะไม่สามัคคีกัน จะเกิดความหวาดระแวงกันไปทั่ว ซึ่งรัฐบาลควรรู้ แต่ที่ไม่รู้เพราะ มั่วแต่เมากับอำนาจ เงินทอง เมากับลาบยศ น่าเป็นห่วง และหากยังจับในลักษณะเหวี่ยงแหอย่างนี้ ซึ่งก็ได้แต่ปลงเจ้าเด็กน้อย” พล.ต.ท.ชัจจ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า จากกรณีที่ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.)ได้มีคำสั่งให้นิติบุคคลและบุคคลเข้ารายงานตัวชี้แจงเส้นทางทางการเงิน โดยในวันที่ 29มิ.ย.นี้จะเป็นคิวของกลุ่มพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและเครือญาติ ทั้งนี้ทางรัฐบาลและศอฉ.ได้มีข้อมูลเกี่ยวกับเส้นทางการเงินและทรัพย์สินของพ.ต.ท.ทักษิณที่มีอยู่ในปัจจุบันมากถึง 3-4 แสนล้านบาท ซึ่งได้มีการส่งท่อน้ำเลี้ยงมาที่กลุ่มนปช.เพื่อเคลื่อนไหวชุมนุมในช่วงที่ผ่านมา โดยบางเดือนมีการส่งเงินเข้ามาผ่านเครือข่ายทางธุรกิจ เครือข่ายนักการเมืองและบุคคลใกล้ชิดมากถึง 20,000 ล้านบาทต่อเดือน แม้ว่าขณะนี้ทางรัฐบาลและศอฉ.จะสั่งระงับธุรกรรมทางการเงินของเครือข่ายพ.ต.ท.ทักษิณแล้วก็ตาม ก็ยังไม่สามารถหยุดขบวนการได้ เนื่องจากมีการเปลี่ยนเส้นทางส่งท่อน้ำเลี้ยงกันใหม่ด้วยการใช้เครือข่ายอีกชุดหนึ่ง
สำหรับข้อมูลของทางรัฐบาลเกี่ยวกับทรัพย์สินที่พ.ต.ท.ทักษิณยังมีเหลืออีกหลายแสนล้านบาทนั้นได้กระจายอยู่ในประเทศต่างๆทั่วทุกมุมโลก โดยไม่รวมกับที่ยึดทรัพย์ไปแล้ว 76,000ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ทรัพย์สินของพ.ต.ท.ทักษิณที่ยังเหลืออยู่จำนวนมหาศาลนั้น มีรายละเอียดดังนี้ 1.ได้มาจากในช่วงมีการลดค่าเงินบาทเมื่อปี 2540 ซึ่งทรัพย์สินก้อนนี้ซ่อนอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ 2.ทรัพย์สินที่ได้มาจากการซื้อหุ้นผ่านโควต้าต่างชาติในรูปของกองทุนในประเทศมาเลเซียเข้าซื้อหุ้นรัฐวิสาหกิจที่ถูกแปรรูปเมื่อปี 2546 ซี่งเป็นการเข้าซื้อโดยกองทุนที่มีการคุ้มครองข้อมูลทางการเงินรูปแบบเดียวกับประเทศสวิตส์แลนด์รวมกำไรสูงถึง 1.4 แสนล้านบาท
3.การจดทะเบียนตั้งกองทุนบนเกาะลาบวน ในมาเลเซีย ซึ่งได้สิทธิคุ้มครองทรัพย์สินส่วนบุคคลไม่ให้ถูกเปิดเผยเพื่อซื้อสายการบินพาณิชย์ 4.บริษัทร่วมทุนเพื่อรับสัมปทานดาวเทียมในอินเดีย 5.จอยเวนเจอร์กับบริษัทสื่อสารผ่านบริษัทในเครือเทมาเส็กทำธุรกิจโทรคมนาคมหลายประเภท 6.กลุ่มกิจการโทรศัพท์มือถือในประเทศจีนซึ่งมีกำไรต่อวัน 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯกำไรปีละกว่าหมื่นล้านบาทแฝงผ่านมาทางประเทศฮ่องกง 7.ที่ดูไบมีคนใกล้ชิดชื่อย่อ “พ”เป็นนอมินีมีรายได้ปีละหลายหมื่นล้านบาท 8.รายได้ผ่านกองทุนประเทศคูเวต 9.ดำเนินธุรกิจผ่านนอมินีภรรยาอดีตนักการฑูตและมีหุ้นบางส่วนในห้องแฮร์รอท ประเทศอังกฤษ 10.ธุรกิจสื่อสารและโทรคมนาคมในประเทศกัมพูชาและพม่า ซึ่งรวมรายได้จากธุรกิจที่พ.ต.ท.ทักษิณดำเนินอยู่จะมีกำไรมากถึงปีละ 4-5หมื่นล้านบาทและมีทรัพย์สินสุทธิอยู่อีกราว 4แสนล้านบาท ซึ่งรัฐบาลและศอฉ.หนักใจกับการหาวิธีสกัดเงินจำนวนมหาศาลของเครือข่ายพ.ต.ท.ทักษิณอย่างมาก
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 2582 ครั้ง