ครม.ขยายมาตรการช่วยลดค่าครองชีพออกไปอีก6เดือนถึงสิ้นปีคาดใช้งบชดเชยอีกกว่า9.2พันล้าน”มาร์ค”เล็งให้รถเมล์ร้อน-รถไฟชั้น3 เข้าข่ายเป็นบริการสังคมฟรีโยนคลังศึกษา
นายวัชระ กรรณิการ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ( ครม. ) มีมติขยายระยเวลาการดำเนินมาตรการลดค่าครองชีพของประชาชนออกไปอีก 6 เดือน เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.-31 ธ.ค. 2553 เพื่อแบ่งเบาภาระค่าครองชีพช่วยเหลือประชาชนที่มีรายได้น้อย ได้แก่ 1.มาตรการลดค่าใช้จ่ายไฟฟ้าครัวเรือน ผ่าน กฟน. และ กฟภ. สำหรับครัวเรือนที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 90 หน่วยต่อเดือน สำหรับผู้เช่าอาศัยในอาคารชุด หรือห้องเช่าที่ผู้ประกอบการถูกต้องตามกฎหมาย ในระดับค่าเช่าไม่เกิน 3,000 บาท / ห้อง / เดือน และใช้ไฟฟ้าเฉลี่ยไม่เกิน 90 หน่วย/เดือน/ห้อง และได้ลงทะเบียนไว้กับ กฟน.และกฟภ.โดยรัฐจะรับภาระค่าใช้จ่ายเป็นเงิน 7,465 ล้านบาท
สำหรับมาตรการที่2ได้แก่ การลดค่าใช้จ่ายเดินทางรถโดยสารประจำทางของ ขสมก. โดยภาครัฐรับภาระค่าใช้จ่ายจำนวน 1,259 ล้านบาท สำหรับการจัดรถโดยสารประจำทางธรรมดาจำนวน 800 คันต่อวัน ใน 73 เส้นทางให้บริการแก่ประชาชนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และ3. มาตรการลดค่าใช้จ่ายเดินทางโดยสารรถไฟชั้น 3 ผ่าน รฟท.โดยรัฐรับภาระค่าใช้จ่าย 530 ล้านบาท สำหรับการจัดรถไฟชั้น 3 เชิงสังคมจำนวน 164 ขบวนต่อวัน และรถไฟชั้น 3 ระยะทางไกลเชิงพาณิชย์จำนวน 8 ขบวนต่อวัน รวมภาระที่รัฐบาลต้องรับภาระค่าใช้จ่ายเพื่อดำเนินมาตรการดังกล่าวเป็นเงิน 9,254 ล้านบาท
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงหลังการประชุมครม.ว่า หลังจากครบการต่ออายุ6เดือนตามมาตราการดังกล่าวแล้วจะพิจารณาว่ามาตรการใดเข้าข่ายเป็นบริการสังคม อาจปรับเข้าสู่ระบบของรัฐวิสาหกิจที่มีเรื่องการบริการนั้นๆ โดยเป็นลักษณะที่ จะให้กระทรวงการคลังดำเนินการชดเชยไปขณะนี้มอบหมายให้กระทรวงการคลังดำเนินการศึกษาแล้ว
“หมายความว่าในบางมาตรการ อาจจะไม่ใช่เป็นมาตรการชั่วคราวอีกต่อไป แต่จะให้เข้าระบบของเรื่องการบริการทางสังคมของรัฐวิสาหกิจ ซึ่งขณะนี้กระทรวงการคลังรับไปพิจารณา”นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าดูเบื้องต้นกรณีของรถไฟชั้น 3 รถเมล์ไม่ปรับอากาศน่าจะเข้าข่ายการบริการสังคม ส่วนค่าไฟฟ้าจะมีประเด็นถึงความเหมาะสมการกำหนดเพดานเรื่องจำนวนหน่วยที่ใช้ด้วยว่าสมควรหรือไม่อย่างไร
“ค่าไฟฟ้าเป็นเรื่องที่ต้องศึกษา ส่วนเรื่องรถเมล์ รถไฟ นั้นคิดว่ามีความชัดเจนในตัวของมันเองว่าเป็นบริการของผู้มีรายได้น้อย” นายกรัฐมนตรีระบุ
เมื่อถามว่า ครม.ได้มีการหารือถึงการลดราคาน้ำมันลง 2 บาทต่อลิตร หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.ในที่ประชุม กพช.นายมั่น พัธโนทัย รมช.คลัง ได้หยิบยกเรื่องนี้เข้าสู่การหารือ ซึ่งใน 2 ส่วนที่นายมั่นเสนอเป็นแนวความคิดคือ กรณีของภาษีสรรพสามิต กับ เรื่องกลไกการซื้อขาย ซึ่งส่วนนี้ยังไม่ได้พูดในรายละเอียด ตนเองจึงบอกว่าถ้ามีข้อเสนอก็สามารถเสนอผ่าน กพช.ได้ ส่วนเรื่องของภาษีสรรพสามิต เรามองว่าควรจะดูแนวโน้มราคาน้ำมันในตลาดโลก คือถ้าเราเห็นว่าราคาในอนาคตยังมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้นมาตรการที่จะใช้ ในทางภาษีหรือกองทุน น่าจะเก็บไว้ในจังหวะนั้นมากกว่า
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1878 ครั้ง