พ่อแม่ “มาร์ค AF11” งดให้ลูกออกคอนเสิร์ต ทรู อคาเดมี แฟนตาเซีย ระบุ กลัวเกิดความขัดแย้ง พร้อมเตรียมนำตัวแถลงสื่อ 14 ก.ค.นี้ ด้านทรู รีบแก้เกมไม่โหวตใครออก เอาคะแนนสัปดาห์นี้ไปรวมกับสัปดาห์หน้า ยันแฟร์กับนักล่าฝันที่เหลืออีก 11 คน ลั่นไม่ผิดกติกาที่ “มาร์ค” รับรู้เรื่องภายนอก บอกเป็นเคสพิเศษ
ยังคงเป็นกระแสรุนแรงอย่างต่อเนื่อง สำหรับความก้าวร้าวมีอารมณ์รุนแรงเกินเด็กวัย 17 ปีของ “มาร์ค วิทวัส ท้าวคำลือ” หรือ “มาร์ค V11” นักล่าฝันจากรายการอคาเดมี แฟนเทเชีย ซีซั่น 7 ที่เคยโพสต์เฟซบุ๊คด่านายกฯ อย่างหยาบคาย และยังฟาดงวงฟาดงาดูถูก “เซน ปฏิภาณ หล่อเสถียร” หรือ “เซน เดอะสตาร์” แต่ที่ร้ายแรงยิ่งกว่าคือการหมิ่นสถาบัน อยากให้ปลดรูปที่มีอยู่ทุกบ้านออก รวมทั้งยังเคยสติแตกขึ้นมึงกูกับแม่บังเกิดเกล้า ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดทั้งมวลทำให้ใครหลายคนไม่พอใจในการกระทำของมาร์ค ถึงขนาดประกาศจะไปรวมตัวถือป้ายประท้วง พร้อมยืนโห่ไล่อีกฝ่ายวันที่เล่นคอนเสิร์ต
และเมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา (10 ก.ค.) ได้มีการจัดการแสดงคอนเสิร์ตทรู อคาเดมี แฟนเทเชีย ซีซั่น 7 ขึ้นที่ธันเดอร์โดม เมืองทองธานี ซึ่งเป็นครั้งแรกของเหล่า 12 นักล่าฝันที่จะได้ขึ้นร้องเพลงตามโจทย์ที่ได้รับมา แต่ก่อนคอนเสิร์ตจะเริ่มปรากฏพ่อแม่ของ “มาร์ค V11” อย่าง “นายวทัญญู-นางเร็จวรรณา ท้าวคำลือ” ได้เปิดแถลงข่าวด่วนต่อสื่อมวลชน เพื่อชี้แจงว่า ไม่อนุญาตให้ลูกชายขึ้นเวทีเล่นคอนเสิร์ต เนื่องจากกลัวมีความขัดแย้งที่กำลังเป็นประเด็นทอล์ค ออฟ เดอะทาวน์เกิดขึ้น ลั่นวันพุธที่ 14 ก.ค.นี้ จะนำตัว “มาร์ค” มาเปิดใจแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนอีกครั้ง
“ในเบื้องต้นผมและภรรยาได้ขอทางทรูว่า ในวันนี้ยังไม่อยากให้น้องมาร์ค V11 ขึ้นแสดงหรือขึ้นร้องเพลง เพราะคิดว่ายังไม่อยากให้น้องอยู่ตรงกลาง ระหว่างความขัดแย้งใดๆ คือวันนี้เราอยากให้ทุกอย่างเป็นการสมานฉันท์ คุยกันในทางที่ดีก่อน นี่คือเหตุผล ส่วนเรื่องการโหวตใดๆ คิดว่าทางผู้บริหารทรูคงมีการจัดการทางด้านนี้ แล้วอาทิตย์หน้าเราจะขอให้มีแถลงการณ์อีกทีหนึ่ง โดยให้มีน้องมาอยู่ร่วมด้วย และพูดในสิ่งที่เกิดขึ้น”
“เพราะฉะนั้นในวันนี้ผมต้องขอบพระคุณสื่อมวลชนทุกท่าน และต้องขอขอบคุณแฟนคลับน้องมาร์ค V11 ทุกคนที่ได้โหวตให้กับน้องมาร์ค และในวันต่อไปกลางสัปดาห์เราจะมีการแถลงข่าวอีกครั้งหนึ่ง โดยที่จะให้น้องเข้ามาพบท่านสื่อมวลชนด้วย นี่คือสิ่งที่เราตั้งใจมาในวันนี้”
ด้าน “กิตติมา รัตนแสงเสถียร” ผู้จัดการฝ่ายการตลาดบมจ.ทรูวิชั่น ได้ออกมาชี้แจงต่อ โดยยันว่าแม้สัปดาห์นี้ “มาร์ค V11” จะไม่ได้ขึ้นร้องเพลง แต่เกิดความแฟร์กับนักล่าฝันอีก 11 คนที่เหลือแน่ในเรื่องของคะแนนโหวต
“ในเรื่องของความแฟร์มีแน่ๆ ซึ่งบนคอนเสิร์ตอาต้อย (เศรษฐา ศิระฉายา) จะเป็นคนอธิบายทั้งหมดว่าจะเป็นยังไง แต่แฟร์แก่ผู้แข่งขันทุกคนแน่นอน คือเราก็ยังเก็บคะแนนไว้อยู่ กฎกติการายการก็ยังมีอยู่ แต่เนื่องจากเป็นความประสงค์ของผู้ปกครองเอง ซึ่งไม่อยากให้น้องมาอยู่ตรงกลาง เพราะมีความขัดแย้งเกิดขึ้นในสถานการณ์ที่ทุกคนคงทราบ ทางผู้ปกครองเลยไม่อยากให้เกิดตรงนั้นเกิดขึ้น”
“ถามว่าพ่อแม่มีสิทธิ์มายุ่งเกี่ยวกับรายการได้เหรอ คือมันเป็นที่สถานการณ์ เราไม่รู้ว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น และตอนนี้ทุกคนก็รู้ว่าสถานการณ์มันเป็นเรื่องเป็นราวพอสมควร ก็ถ้าผู้ปกครองเขายืนยันความประสงค์มาอย่างนี้ อีกอย่างน้องก็ยังเด็กอายุยังไม่บรรลุนิติภาวะ ฉะนั้นพ่อแม่ตัดสินใจมาอย่างนี้ ทางเราเองก็กังวลไม่ใช่ไม่กังวล มันก็เลยออกมาเป็นอย่างที่พ่อแม่เขาขอ”
โต้พ่อแม่มาร์คจะสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้กับการแข่งขัน มีสิทธิ์เข้ามาขอร้องกับทางรายการ ทำให้นักล่าฝันเจ้าปัญหารับรู้เรื่องราวภายนอก ซึ่งผิดกฎกติกา
“ซึ่งตรงนี้คงไม่ได้เป็นบรรทัดฐานใหม่สำหรับการแข่งขันเอเอฟ คือมันขึ้นอยู่กับสถานการณ์มากกว่าว่าเกิดอะไรขึ้น พอเรารู้เรื่องที่พ่อแม่น้องแถลงปุ๊บ ทุกคนก็แตกตัวกันไปทำหน้าที่ตามที่ต้องรับผิดชอบ ซึ่งอาต้อยจะเป็นคนแถลงบนเวทีเรื่องกฎกติกา ถามว่าตัวน้องรู้เรื่องที่เกิดขึ้นแล้วหรือยัง ดิฉันไม่ทราบจริงๆ ว่าตอนนี้น้องทราบอะไรบ้าง เพราะตัวเราเองก็ยังทราบพร้อมๆ กับนักข่าวในสิ่งที่พ่อแม่เขาแถลง”
“ในสิ่งที่น้องรับรู้เรื่องราวภายนอก ทำให้ถูกมองว่าเป็นการผิดกติกา คือเราก็คงต้องว่าเป็นกรณีๆ ไป วิธีแก้ปัญหาของเราตอนนี้คือ เท่าที่ได้คุยกับคุณพ่อคุณแม่ เราก็จะให้น้องออกมาร่วมชี้แจงกับคุณพ่อคุณแม่ด้วย ในเมื่อเขาอยากให้เป็นอย่างนั้น เราก็ให้โอกาสเขา ส่วนน้องจะทำผิดกติกาเรื่องออกมาแถลงข่าวมากน้อยแค่ไหน อันนี้คงต้องไปคุยกับทางฝ่ายรายการค่ะ”
ในส่วนของการแสดงคอนเสิร์ตของ 12 นักล่าฝัน ก่อนที่การแสดงจะเริ่มต้นขึ้น “ต้อย เศรษฐา ศิระฉายา” ซึ่งเป็นผู้ดำเนินรายการ ได้มีการประกาศบนเวทีว่า ทางพ่อแม่ของ “มาร์ค V11” ได้ขอใช้สิทธิ์ความเป็นพ่อแม่ ขออภัยที่ไม่สามารถให้ลูกชายขึ้นคอนเสิร์ตในวันนี้ได้ คุณพ่อคุณแม่ต้องขอโทษแฟนคลับทุกคนของ “มาร์ค V11” ที่จะไม่ได้ชมการแสดงของน้องในวันนี้ ซึ่งทันทีที่ได้ยินคำชี้แจง เหล่าแฟนคลับต่างโห่เสียงดังลั่น สลับกับมีเสียงปรบมือแทรกขึ้นมา ส่วนกฎกติกาได้มีการเปลี่ยนอย่างปัจจุบันทันด่วน โดยสัปดาห์นี้จะไม่มีนักล่าฝันคนไหนถูกโหวตออก และจะเอาผลโหวตประจำสัปดาห์นี้ไปรวมกับสัปดาห์หน้า หากใครได้ผลโหวตน้อยก็ต้องเดินออกจากบ้านเอเอฟไป
ภายหลัง “อาต้อย” ประกาศบนเวทีจบ มีแฟนคลับบางส่วนแสดงความไม่พอใจเดินออกจากธันเดอร์โดม ไปนั่งจับกลุ่มร้องไห้เสียใจที่ไม่ได้เห็นนักล่าฝันคนโปรดเล่นคอนเสิร์ต ด้าน “มาร์ค V11” มีกระแสข่าวว่า ช่วงซ้อมก่อนขึ้นเวทีคอนเสิร์ต เจ้าตัวยังดูร่าเริงแจ่มใสและตั้งอกตั้งใจซ้อมร้องเพลงอย่างดี แต่หลังทราบข่าวว่าตัวเองจะไม่ได้ขึ้นเวทีแล้ว เล่นเอาทั้งอึ้งและช็อก
พอเพื่อนๆ 11 นักล่าฝันจบการแสดงบนเวที หนุ่ม “มาร์ค” ได้ออกจากธันเดอร์โดมไปขึ้นรถเพื่อเดินทางกลับบ้านเอเอฟ โดยใส่เสื้อมีหมวกคลุมพยายามก้มหน้า และมีการ์ดเดินตามประกบคุมอยู่ตลอดเวลา พอขึ้นรถปุ๊บเพื่อนๆ นักล่าฝันต่างก็เข้าไปรุมปลอบบอกให้ใจเย็นๆ ซึ่งสีหน้าของ “มาร์ค” มีความกังวลและเครียดอย่างเห็นได้ชัด แต่พอถึงบ้านเอเอฟเพื่อนๆ ได้เข้าไปปลอบกันอีกครั้ง เลยทำให้ “มาร์ค” รู้สึกดีขึ้น นั่งกินข้าวจับกลุ่มคุยอย่างสนุกสนานกับเพื่อนๆ ตามเดิม
ฟากครูใหญ่ของบ้านเอเอฟ “รัก ศรัทธา ศรัทธาทิพย์” และ “ปุ้ม อรวรรณ เย็นพูนสุข” เผยว่าได้มีการบอกกล่าว “มาร์ค” ถึงสาเหตุที่ทำให้ไม่ได้ขึ้นเวที แต่ยังเล่าเรื่องราวให้ฟังไม่หมด
“เขาทราบแล้ว เราก็บอกเขาว่ามันมีปัญหาบางอย่างที่จะส่งผลถึงความปลอดภัยทั้งตัวมาร์ค และในบรรดาผู้ชมด้วยกัน สิ่งที่เรากังวลคือกลัวความขัดแย้งกันในระหว่างคนที่มาชม เพราะมีกระแสที่บอกว่ามานะ มาโห่มันกันหรือขับไล่มันกัน แต่ก็โชคดีที่วันนี้ไม่เห็น แต่ก็เป็นมาตรการของทางผู้ใหญ่ และเป็นความต้องการของคุณพ่อคุณแม่เขา เราก็เลยต้องเลือกทางนี้ คือเราก็ไม่อยากเสี่ยง ไม่อยากให้เป็นน้ำผึ้งหยดเดียวแล้วไปลุกลามใหญ่โต”
“เขาก็ทราบว่าเป็นเรื่องที่เขาทำในอดีต เราก็ไม่ได้เตือนอะไรเขา เพราะเรื่องในอดีตไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับหน้าที่เราเลย หน้าที่เราตอนนี้คืออธิบายให้มาร์คเข้าใจเท่านั้น แต่สิ่งที่เขาเคยทำจริงหรือไม่จริง ผิดหรือถูก อันนี้ยังไม่มีใครบอกได้ คือถ้าเด็กคนนี้เป็นอาชญากรมีคดีถูกฟ้อง หรือถูกตามจับอยู่ โอเครายการเราตัดสินใจได้ง่ายแน่นอน แล้วในฐานะที่เราเป็นกรรมการเลือกเขาเข้ามาด้วย เราไม่รู้หรอกว่าอดีตเขาเป็นยังไง ทีนี้พอเลือกเขาเข้ามาแล้ว คุณสมบัติเขาก็ครบถูกต้องทุกประการ การอยู่ในบ้านก็ไม่ได้ทำอะไรที่ผิดกฎระเบียบ เราก็ยากที่จะไปบอกเขาว่าผิดกฎ กระแสข้างนอกเกิดอะไรขึ้น คนคิดกับน้องยังไงก็ไม่ได้อยู่แล้ว”
“แต่นี่เป็นความประสงค์ของพ่อแม่เขา เราก็เลยจำเป็นต้องอธิบายให้มาร์คเข้าใจว่า เรื่องราวมันเกิดขึ้นจากอะไร แต่ทั้งหมดทั้งมวลเกิดจากการตัดสินใจของผู้ปกครอง ซึ่งพอพูดไปแล้วน้องก็งงและมึนไปอีกนานพอสมควร เพราะเรื่องมันเกิดขึ้น 2-3 เดือนมาแล้วที่เขาเล่นเฟซบุ๊ค แต่ก็ยอมรับว่าเขาเป็นเด็กอายุ 17 คนนึงที่มีจิตใจเข้มแข็ง เขาก็รับฟังทุกอย่างอย่างมีเหตุผล และก็เข้าใจ”
“ส่วนเขาจะยอมรับหรือเปล่าว่าทำจริง คือเราต้องแบ่งทีละประเด็น เรื่องนี้ขอไม่พูด ใจเย็นๆ เดี๋ยวเขาจะแถลงข่าวด้วยตัวของเขา และคุณพ่อคุณแม่ของเขาเอง เราเองก็ไม่ได้ไปเห็นเฟซบุ๊คที่แท้จริงของเขา ดังนั้นตอบไม่ได้ว่ามันจริงหรือไม่จริง แต่เท่าที่ฟังในขั้นต้นเรื่องร้ายแรงไม่ใช่ เรื่องเบาๆ ใช่”
ป้อง “มาร์ค” ไม่ใช่เด็กก้าวร้าวรุนแรงจนยากเกินควบคุม บอกรุ่นพี่เอเอฟยังแรงกว่า
“เท่าที่คลุกคลีกับเขามา มาร์คก็มีหลายมุมเหมือนวัยรุ่นทั่วไป ไม่ได้ไปมุมไหนมุมหนึ่งที่สุดๆ จนรับไม่ได้ เราก็เห็นเด็กวัยรุ่นอายุประมาณนี้ ก็มีทั้งมีปฏิกิริยาต่อสถานการณ์บางอย่างออกมาคนละแบบ ซึ่งน้องมาร์คในความรู้สึกเรา ก็ไม่ได้เกินไปกว่าที่จะควบคุมไม่ได้ คือก็ไม่ได้แย่เป็นพิเศษ ถ้าเป็นสิงห์ดูเอเอฟจริงๆ จะรู้ว่า รุ่น 1-6 ความก้าวร้าวรุนแรงไอ้มาร์คยังไม่ติดอันดับ ถ้าอันดับ 1-3 มาร์คยังไม่เข้า (หัวเราะ)”
“ส่วนที่ให้ใบเตือนเขา 2 ครั้ง นั่นคือกรณีที่เขาชอบพูดสองแง่สองง่าม ออกแนวทะลึ่งไม่เกี่ยวกับความรุนแรงใดๆ ก็เป็นประมาณวัยรุ่นคะนองปาก แล้วมันเป็นเด็กวัยเดียวกัน ตอนเราอายุ 16-17 จะมากกว่านี้ แต่พอมาอยู่ในบ้านแล้วมีกล้อง แต่เด็กไม่เห็นมันก็มีโอกาสที่จะลืมตั้งสติว่า ตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่ จริงๆ เรื่องมันไม่ได้ซีเรียส แต่เราเห็นว่าในบ้านมีเด็กผู้หญิงเยอะ แล้วน้องๆ เป็นเด็กจริงๆ เลยอยากให้เขาให้ความสำคัญกับคำพูด แต่ถ้าบ้านมีแต่ผู้ชายมันโอเค”
เผยเป็นห่วงจิตใจ “มาร์ค” ที่หลังกลับเข้าบ้านแล้ว คงเกิดภาวะเครียดกับเรื่องที่เกิดขึ้น ยันอีกฝ่ายไม่ทำผิดกติการับรู้เรื่องภายนอก เพราะไม่ได้ดิ้นรนรู้เอง
“หลังจากเขากลับไปบ้านแล้ว เราเป็นห่วงเขาพอสมควร นึกถึงว่าถ้าเป็นเราบ้าง เอ๊ะทำไมเราไม่ได้แสดงอยู่คนเดียว โดยที่ไม่ได้รู้สาเหตุทั้งหมดเลยว่าเกิดจากอะไรกันแน่ ก็คงสร้างความเครียดให้น้องพอสมควร วันพรุ่งนี้ที่เข้าไปบ้านก็คงจะเข้าไปคุยให้กำลังใจน้อง”
“และเราต้องทำความเข้าใจกับ 11 คนด้วย ซึ่งเราไม่สามารถจะบอกน้องได้ว่าเหตุเกิดอย่างนี้ๆ แต่ก็ต้องทำให้เขากลับมาอยู่อย่างปกติสุขให้เร็วที่สุด จริงๆ ตามกติกาจะไปบอกไม่ได้อยู่แล้ว เพื่อนคนอื่นอีก 11 คนที่ไม่รู้เรื่องไม่รู้ที่มา ก็คงจะเป็นปริศนาต่อไป คือถ้าในบ้านเด็กไปถามกัน แล้วมีใครไปตอบว่าเป็นเรื่องอย่างโน้นอย่างนี้ มันเป็นเรื่องของความขัดแย้ง ก็ถือว่าเด็กผิดกฎ มันผิดอยู่แล้วจริงๆ”
“ถามว่าที่มาร์คจะออกมาแถลงวันพุธนี้ ถือว่าผิดกติกาไหม เพราะรู้กระแสข้างนอก จริงๆ เคสนี้มันเป็นกรณีพิเศษนอกเหนือจากกติกาตั้งแต่แรกแล้วล่ะ (หัวเราะ) ถ้าเราจะดำเนินตามกติกาจริงๆ ต้องไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย แสดงว่าทรูก็ตระหนักในกระแสสังคม สิ่งนี้ก็เป็นสิ่งที่ช่วยกันหาทางออกกับคุณพ่อคุณแม่เขาดีที่สุด”
“จริงๆ เคสนี้เด็กไม่ผิดกติกานะ เพราะเด็กไม่ได้เป็นคนดิ้นรนทำเอง เราเป็นคนทำให้เขา ไม่ใช่เด็กปีนหนีออกจากบ้านไปอ่านหนังสือพิมพ์ อย่างนี้ไล่ออกแน่ แต่นี่เขาไม่รู้เรื่องอะไร ตอนนี้เขาก็ยังงงอยู่ ถามว่าเราต้องไปอธิบายอะไรให้เขาฟังอีกไหม ไม่ต้องแล้วล่ะ ก็ยังบอกอยู่ว่าเดี๋ยวเขาต้องมาอธิบาย แต่ในเรื่องที่เขาไม่ได้ขึ้นคอนเสิร์ตมันเคลียร์ไปแล้ว เขาก็รู้แล้วว่าเป็นความประสงค์ของพ่อแม่เขา”
แต่แฟนคลับคิดตรงข้ามว่า เป็นเกมของทรู ที่สร้างกระแสไม่ให้มาร์คขึ้นคอนเสิร์ต เพราะต้องการเอาเงินจากคะแนนโหวต?
“อันนี้คงต้องไปถามพ่อเขา เราคงไปตอบแทนพ่อแม่เขาไม่ได้ หรือจะไปตอบแทนทรูวิชั่นไม่ได้ ผมเป็นแค่ครูใหญ่ที่ดูแต่เรื่องในบ้าน ทีนี้เรื่องที่เกิดขึ้นมันเกินความควบคุมหน้าที่ไปเยอะ การออกความเห็นเป็นเรื่องอันตรายในประเด็นนี้ พูดไปก็ตายหลายคนแล้ว ดังนั้นให้คนที่เกี่ยวข้องโดยตรงพูดจะดีกว่า เราก็ออกความเห็นได้แค่ว่าสงสารเด็กเท่านั้น”
“ส่วนที่บางกลุ่มมองว่า วันแถลงข่าวของมาร์คจะเป็นการถอนตัวออกรายการ อันนี้ก็ไม่ทราบ ต้องไปคอยฟังในวันนั้น คือไม่มีใครตอบได้หรอก ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหารของทรู หรือคุณครู หรือทีมงาน สุดท้ายเด็กก็เป็นผู้เยาว์ ก็ยังต้องทำตามคุณพ่อคุณแม่อยู่ดี เพราะเขายังไม่บรรลุนิติภาวะ ฉะนั้นถ้ามีอะไรคุยกับแหล่งปัญหาโดยตรงดีกว่า มาถามทางเรามายาก”
ส่วนกระแสวิจารณ์ที่ว่า เป็นการไม่แฟร์ที่มาร์คไม่ได้ขึ้นคอนเสิร์ตแต่ยังมีคะแนนโหวตต่อเนื่อง ครูใหญ่ของบ้านได้พูดเหน็บเป็นการปิดท้ายว่า
“คือรายการนี้คนดูมีสิทธิ์คิดอะไรก็ได้จริงๆ เราก็จะไม่ไปชี้นำหรือแก้ตอบโต้อะไร เราก็คิดได้ว่าอ้าว…ทำไมคิดอย่างนี้ล่ะ แต่เราคิดว่าเด็กๆ ในบ้าน 11 คนไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเสียเปรียบอะไรมาร์ค เขาน่าจะดีใจที่วันนี้ได้โชว์ แต่มาร์คไม่ได้โชว์ เขาน่าจะเสียใจแทนมาร์ค คิดว่าคงไม่มีใครคิดเสียเปรียบหรือถูกมาร์คเอาเปรียบหรอก คนคิดได้อย่างนี้ประหลาด
ยังคงเป็นกระแสรุนแรงอย่างต่อเนื่อง สำหรับความก้าวร้าวมีอารมณ์รุนแรงเกินเด็กวัย 17 ปีของ “มาร์ค วิทวัส ท้าวคำลือ” หรือ “มาร์ค V11” นักล่าฝันจากรายการอคาเดมี แฟนเทเชีย ซีซั่น 7 ที่เคยโพสต์เฟซบุ๊คด่านายกฯ อย่างหยาบคาย และยังฟาดงวงฟาดงาดูถูก “เซน ปฏิภาณ หล่อเสถียร” หรือ “เซน เดอะสตาร์” แต่ที่ร้ายแรงยิ่งกว่าคือการหมิ่นสถาบัน อยากให้ปลดรูปที่มีอยู่ทุกบ้านออก รวมทั้งยังเคยสติแตกขึ้นมึงกูกับแม่บังเกิดเกล้า ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดทั้งมวลทำให้ใครหลายคนไม่พอใจในการกระทำของมาร์ค ถึงขนาดประกาศจะไปรวมตัวถือป้ายประท้วง พร้อมยืนโห่ไล่อีกฝ่ายวันที่เล่นคอนเสิร์ต
และเมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา (10 ก.ค.) ได้มีการจัดการแสดงคอนเสิร์ตทรู อคาเดมี แฟนเทเชีย ซีซั่น 7 ขึ้นที่ธันเดอร์โดม เมืองทองธานี ซึ่งเป็นครั้งแรกของเหล่า 12 นักล่าฝันที่จะได้ขึ้นร้องเพลงตามโจทย์ที่ได้รับมา แต่ก่อนคอนเสิร์ตจะเริ่มปรากฏพ่อแม่ของ “มาร์ค V11” อย่าง “นายวทัญญู-นางเร็จวรรณา ท้าวคำลือ” ได้เปิดแถลงข่าวด่วนต่อสื่อมวลชน เพื่อชี้แจงว่า ไม่อนุญาตให้ลูกชายขึ้นเวทีเล่นคอนเสิร์ต เนื่องจากกลัวมีความขัดแย้งที่กำลังเป็นประเด็นทอล์ค ออฟ เดอะทาวน์เกิดขึ้น ลั่นวันพุธที่ 14 ก.ค.นี้ จะนำตัว “มาร์ค” มาเปิดใจแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนอีกครั้ง
“ในเบื้องต้นผมและภรรยาได้ขอทางทรูว่า ในวันนี้ยังไม่อยากให้น้องมาร์ค V11 ขึ้นแสดงหรือขึ้นร้องเพลง เพราะคิดว่ายังไม่อยากให้น้องอยู่ตรงกลาง ระหว่างความขัดแย้งใดๆ คือวันนี้เราอยากให้ทุกอย่างเป็นการสมานฉันท์ คุยกันในทางที่ดีก่อน นี่คือเหตุผล ส่วนเรื่องการโหวตใดๆ คิดว่าทางผู้บริหารทรูคงมีการจัดการทางด้านนี้ แล้วอาทิตย์หน้าเราจะขอให้มีแถลงการณ์อีกทีหนึ่ง โดยให้มีน้องมาอยู่ร่วมด้วย และพูดในสิ่งที่เกิดขึ้น”
“เพราะฉะนั้นในวันนี้ผมต้องขอบพระคุณสื่อมวลชนทุกท่าน และต้องขอขอบคุณแฟนคลับน้องมาร์ค V11 ทุกคนที่ได้โหวตให้กับน้องมาร์ค และในวันต่อไปกลางสัปดาห์เราจะมีการแถลงข่าวอีกครั้งหนึ่ง โดยที่จะให้น้องเข้ามาพบท่านสื่อมวลชนด้วย นี่คือสิ่งที่เราตั้งใจมาในวันนี้”
ด้าน “กิตติมา รัตนแสงเสถียร” ผู้จัดการฝ่ายการตลาดบมจ.ทรูวิชั่น ได้ออกมาชี้แจงต่อ โดยยันว่าแม้สัปดาห์นี้ “มาร์ค V11” จะไม่ได้ขึ้นร้องเพลง แต่เกิดความแฟร์กับนักล่าฝันอีก 11 คนที่เหลือแน่ในเรื่องของคะแนนโหวต
“ในเรื่องของความแฟร์มีแน่ๆ ซึ่งบนคอนเสิร์ตอาต้อย (เศรษฐา ศิระฉายา) จะเป็นคนอธิบายทั้งหมดว่าจะเป็นยังไง แต่แฟร์แก่ผู้แข่งขันทุกคนแน่นอน คือเราก็ยังเก็บคะแนนไว้อยู่ กฎกติการายการก็ยังมีอยู่ แต่เนื่องจากเป็นความประสงค์ของผู้ปกครองเอง ซึ่งไม่อยากให้น้องมาอยู่ตรงกลาง เพราะมีความขัดแย้งเกิดขึ้นในสถานการณ์ที่ทุกคนคงทราบ ทางผู้ปกครองเลยไม่อยากให้เกิดตรงนั้นเกิดขึ้น”
“ถามว่าพ่อแม่มีสิทธิ์มายุ่งเกี่ยวกับรายการได้เหรอ คือมันเป็นที่สถานการณ์ เราไม่รู้ว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น และตอนนี้ทุกคนก็รู้ว่าสถานการณ์มันเป็นเรื่องเป็นราวพอสมควร ก็ถ้าผู้ปกครองเขายืนยันความประสงค์มาอย่างนี้ อีกอย่างน้องก็ยังเด็กอายุยังไม่บรรลุนิติภาวะ ฉะนั้นพ่อแม่ตัดสินใจมาอย่างนี้ ทางเราเองก็กังวลไม่ใช่ไม่กังวล มันก็เลยออกมาเป็นอย่างที่พ่อแม่เขาขอ”
โต้พ่อแม่มาร์คจะสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้กับการแข่งขัน มีสิทธิ์เข้ามาขอร้องกับทางรายการ ทำให้นักล่าฝันเจ้าปัญหารับรู้เรื่องราวภายนอก ซึ่งผิดกฎกติกา
“ซึ่งตรงนี้คงไม่ได้เป็นบรรทัดฐานใหม่สำหรับการแข่งขันเอเอฟ คือมันขึ้นอยู่กับสถานการณ์มากกว่าว่าเกิดอะไรขึ้น พอเรารู้เรื่องที่พ่อแม่น้องแถลงปุ๊บ ทุกคนก็แตกตัวกันไปทำหน้าที่ตามที่ต้องรับผิดชอบ ซึ่งอาต้อยจะเป็นคนแถลงบนเวทีเรื่องกฎกติกา ถามว่าตัวน้องรู้เรื่องที่เกิดขึ้นแล้วหรือยัง ดิฉันไม่ทราบจริงๆ ว่าตอนนี้น้องทราบอะไรบ้าง เพราะตัวเราเองก็ยังทราบพร้อมๆ กับนักข่าวในสิ่งที่พ่อแม่เขาแถลง”
“ในสิ่งที่น้องรับรู้เรื่องราวภายนอก ทำให้ถูกมองว่าเป็นการผิดกติกา คือเราก็คงต้องว่าเป็นกรณีๆ ไป วิธีแก้ปัญหาของเราตอนนี้คือ เท่าที่ได้คุยกับคุณพ่อคุณแม่ เราก็จะให้น้องออกมาร่วมชี้แจงกับคุณพ่อคุณแม่ด้วย ในเมื่อเขาอยากให้เป็นอย่างนั้น เราก็ให้โอกาสเขา ส่วนน้องจะทำผิดกติกาเรื่องออกมาแถลงข่าวมากน้อยแค่ไหน อันนี้คงต้องไปคุยกับทางฝ่ายรายการค่ะ”
ในส่วนของการแสดงคอนเสิร์ตของ 12 นักล่าฝัน ก่อนที่การแสดงจะเริ่มต้นขึ้น “ต้อย เศรษฐา ศิระฉายา” ซึ่งเป็นผู้ดำเนินรายการ ได้มีการประกาศบนเวทีว่า ทางพ่อแม่ของ “มาร์ค V11” ได้ขอใช้สิทธิ์ความเป็นพ่อแม่ ขออภัยที่ไม่สามารถให้ลูกชายขึ้นคอนเสิร์ตในวันนี้ได้ คุณพ่อคุณแม่ต้องขอโทษแฟนคลับทุกคนของ “มาร์ค V11” ที่จะไม่ได้ชมการแสดงของน้องในวันนี้ ซึ่งทันทีที่ได้ยินคำชี้แจง เหล่าแฟนคลับต่างโห่เสียงดังลั่น สลับกับมีเสียงปรบมือแทรกขึ้นมา ส่วนกฎกติกาได้มีการเปลี่ยนอย่างปัจจุบันทันด่วน โดยสัปดาห์นี้จะไม่มีนักล่าฝันคนไหนถูกโหวตออก และจะเอาผลโหวตประจำสัปดาห์นี้ไปรวมกับสัปดาห์หน้า หากใครได้ผลโหวตน้อยก็ต้องเดินออกจากบ้านเอเอฟไป
ภายหลัง “อาต้อย” ประกาศบนเวทีจบ มีแฟนคลับบางส่วนแสดงความไม่พอใจเดินออกจากธันเดอร์โดม ไปนั่งจับกลุ่มร้องไห้เสียใจที่ไม่ได้เห็นนักล่าฝันคนโปรดเล่นคอนเสิร์ต ด้าน “มาร์ค V11” มีกระแสข่าวว่า ช่วงซ้อมก่อนขึ้นเวทีคอนเสิร์ต เจ้าตัวยังดูร่าเริงแจ่มใสและตั้งอกตั้งใจซ้อมร้องเพลงอย่างดี แต่หลังทราบข่าวว่าตัวเองจะไม่ได้ขึ้นเวทีแล้ว เล่นเอาทั้งอึ้งและช็อก
พอเพื่อนๆ 11 นักล่าฝันจบการแสดงบนเวที หนุ่ม “มาร์ค” ได้ออกจากธันเดอร์โดมไปขึ้นรถเพื่อเดินทางกลับบ้านเอเอฟ โดยใส่เสื้อมีหมวกคลุมพยายามก้มหน้า และมีการ์ดเดินตามประกบคุมอยู่ตลอดเวลา พอขึ้นรถปุ๊บเพื่อนๆ นักล่าฝันต่างก็เข้าไปรุมปลอบบอกให้ใจเย็นๆ ซึ่งสีหน้าของ “มาร์ค” มีความกังวลและเครียดอย่างเห็นได้ชัด แต่พอถึงบ้านเอเอฟเพื่อนๆ ได้เข้าไปปลอบกันอีกครั้ง เลยทำให้ “มาร์ค” รู้สึกดีขึ้น นั่งกินข้าวจับกลุ่มคุยอย่างสนุกสนานกับเพื่อนๆ ตามเดิม
ฟากครูใหญ่ของบ้านเอเอฟ “รัก ศรัทธา ศรัทธาทิพย์” และ “ปุ้ม อรวรรณ เย็นพูนสุข” เผยว่าได้มีการบอกกล่าว “มาร์ค” ถึงสาเหตุที่ทำให้ไม่ได้ขึ้นเวที แต่ยังเล่าเรื่องราวให้ฟังไม่หมด
“เขาทราบแล้ว เราก็บอกเขาว่ามันมีปัญหาบางอย่างที่จะส่งผลถึงความปลอดภัยทั้งตัวมาร์ค และในบรรดาผู้ชมด้วยกัน สิ่งที่เรากังวลคือกลัวความขัดแย้งกันในระหว่างคนที่มาชม เพราะมีกระแสที่บอกว่ามานะ มาโห่มันกันหรือขับไล่มันกัน แต่ก็โชคดีที่วันนี้ไม่เห็น แต่ก็เป็นมาตรการของทางผู้ใหญ่ และเป็นความต้องการของคุณพ่อคุณแม่เขา เราก็เลยต้องเลือกทางนี้ คือเราก็ไม่อยากเสี่ยง ไม่อยากให้เป็นน้ำผึ้งหยดเดียวแล้วไปลุกลามใหญ่โต”
“เขาก็ทราบว่าเป็นเรื่องที่เขาทำในอดีต เราก็ไม่ได้เตือนอะไรเขา เพราะเรื่องในอดีตไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับหน้าที่เราเลย หน้าที่เราตอนนี้คืออธิบายให้มาร์คเข้าใจเท่านั้น แต่สิ่งที่เขาเคยทำจริงหรือไม่จริง ผิดหรือถูก อันนี้ยังไม่มีใครบอกได้ คือถ้าเด็กคนนี้เป็นอาชญากรมีคดีถูกฟ้อง หรือถูกตามจับอยู่ โอเครายการเราตัดสินใจได้ง่ายแน่นอน แล้วในฐานะที่เราเป็นกรรมการเลือกเขาเข้ามาด้วย เราไม่รู้หรอกว่าอดีตเขาเป็นยังไง ทีนี้พอเลือกเขาเข้ามาแล้ว คุณสมบัติเขาก็ครบถูกต้องทุกประการ การอยู่ในบ้านก็ไม่ได้ทำอะไรที่ผิดกฎระเบียบ เราก็ยากที่จะไปบอกเขาว่าผิดกฎ กระแสข้างนอกเกิดอะไรขึ้น คนคิดกับน้องยังไงก็ไม่ได้อยู่แล้ว”
“แต่นี่เป็นความประสงค์ของพ่อแม่เขา เราก็เลยจำเป็นต้องอธิบายให้มาร์คเข้าใจว่า เรื่องราวมันเกิดขึ้นจากอะไร แต่ทั้งหมดทั้งมวลเกิดจากการตัดสินใจของผู้ปกครอง ซึ่งพอพูดไปแล้วน้องก็งงและมึนไปอีกนานพอสมควร เพราะเรื่องมันเกิดขึ้น 2-3 เดือนมาแล้วที่เขาเล่นเฟซบุ๊ค แต่ก็ยอมรับว่าเขาเป็นเด็กอายุ 17 คนนึงที่มีจิตใจเข้มแข็ง เขาก็รับฟังทุกอย่างอย่างมีเหตุผล และก็เข้าใจ”
“ส่วนเขาจะยอมรับหรือเปล่าว่าทำจริง คือเราต้องแบ่งทีละประเด็น เรื่องนี้ขอไม่พูด ใจเย็นๆ เดี๋ยวเขาจะแถลงข่าวด้วยตัวของเขา และคุณพ่อคุณแม่ของเขาเอง เราเองก็ไม่ได้ไปเห็นเฟซบุ๊คที่แท้จริงของเขา ดังนั้นตอบไม่ได้ว่ามันจริงหรือไม่จริง แต่เท่าที่ฟังในขั้นต้นเรื่องร้ายแรงไม่ใช่ เรื่องเบาๆ ใช่”
ป้อง “มาร์ค” ไม่ใช่เด็กก้าวร้าวรุนแรงจนยากเกินควบคุม บอกรุ่นพี่เอเอฟยังแรงกว่า
“เท่าที่คลุกคลีกับเขามา มาร์คก็มีหลายมุมเหมือนวัยรุ่นทั่วไป ไม่ได้ไปมุมไหนมุมหนึ่งที่สุดๆ จนรับไม่ได้ เราก็เห็นเด็กวัยรุ่นอายุประมาณนี้ ก็มีทั้งมีปฏิกิริยาต่อสถานการณ์บางอย่างออกมาคนละแบบ ซึ่งน้องมาร์คในความรู้สึกเรา ก็ไม่ได้เกินไปกว่าที่จะควบคุมไม่ได้ คือก็ไม่ได้แย่เป็นพิเศษ ถ้าเป็นสิงห์ดูเอเอฟจริงๆ จะรู้ว่า รุ่น 1-6 ความก้าวร้าวรุนแรงไอ้มาร์คยังไม่ติดอันดับ ถ้าอันดับ 1-3 มาร์คยังไม่เข้า (หัวเราะ)”
“ส่วนที่ให้ใบเตือนเขา 2 ครั้ง นั่นคือกรณีที่เขาชอบพูดสองแง่สองง่าม ออกแนวทะลึ่งไม่เกี่ยวกับความรุนแรงใดๆ ก็เป็นประมาณวัยรุ่นคะนองปาก แล้วมันเป็นเด็กวัยเดียวกัน ตอนเราอายุ 16-17 จะมากกว่านี้ แต่พอมาอยู่ในบ้านแล้วมีกล้อง แต่เด็กไม่เห็นมันก็มีโอกาสที่จะลืมตั้งสติว่า ตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่ จริงๆ เรื่องมันไม่ได้ซีเรียส แต่เราเห็นว่าในบ้านมีเด็กผู้หญิงเยอะ แล้วน้องๆ เป็นเด็กจริงๆ เลยอยากให้เขาให้ความสำคัญกับคำพูด แต่ถ้าบ้านมีแต่ผู้ชายมันโอเค”
เผยเป็นห่วงจิตใจ “มาร์ค” ที่หลังกลับเข้าบ้านแล้ว คงเกิดภาวะเครียดกับเรื่องที่เกิดขึ้น ยันอีกฝ่ายไม่ทำผิดกติการับรู้เรื่องภายนอก เพราะไม่ได้ดิ้นรนรู้เอง
“หลังจากเขากลับไปบ้านแล้ว เราเป็นห่วงเขาพอสมควร นึกถึงว่าถ้าเป็นเราบ้าง เอ๊ะทำไมเราไม่ได้แสดงอยู่คนเดียว โดยที่ไม่ได้รู้สาเหตุทั้งหมดเลยว่าเกิดจากอะไรกันแน่ ก็คงสร้างความเครียดให้น้องพอสมควร วันพรุ่งนี้ที่เข้าไปบ้านก็คงจะเข้าไปคุยให้กำลังใจน้อง”
“และเราต้องทำความเข้าใจกับ 11 คนด้วย ซึ่งเราไม่สามารถจะบอกน้องได้ว่าเหตุเกิดอย่างนี้ๆ แต่ก็ต้องทำให้เขากลับมาอยู่อย่างปกติสุขให้เร็วที่สุด จริงๆ ตามกติกาจะไปบอกไม่ได้อยู่แล้ว เพื่อนคนอื่นอีก 11 คนที่ไม่รู้เรื่องไม่รู้ที่มา ก็คงจะเป็นปริศนาต่อไป คือถ้าในบ้านเด็กไปถามกัน แล้วมีใครไปตอบว่าเป็นเรื่องอย่างโน้นอย่างนี้ มันเป็นเรื่องของความขัดแย้ง ก็ถือว่าเด็กผิดกฎ มันผิดอยู่แล้วจริงๆ”
“ถามว่าที่มาร์คจะออกมาแถลงวันพุธนี้ ถือว่าผิดกติกาไหม เพราะรู้กระแสข้างนอก จริงๆ เคสนี้มันเป็นกรณีพิเศษนอกเหนือจากกติกาตั้งแต่แรกแล้วล่ะ (หัวเราะ) ถ้าเราจะดำเนินตามกติกาจริงๆ ต้องไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย แสดงว่าทรูก็ตระหนักในกระแสสังคม สิ่งนี้ก็เป็นสิ่งที่ช่วยกันหาทางออกกับคุณพ่อคุณแม่เขาดีที่สุด”
“จริงๆ เคสนี้เด็กไม่ผิดกติกานะ เพราะเด็กไม่ได้เป็นคนดิ้นรนทำเอง เราเป็นคนทำให้เขา ไม่ใช่เด็กปีนหนีออกจากบ้านไปอ่านหนังสือพิมพ์ อย่างนี้ไล่ออกแน่ แต่นี่เขาไม่รู้เรื่องอะไร ตอนนี้เขาก็ยังงงอยู่ ถามว่าเราต้องไปอธิบายอะไรให้เขาฟังอีกไหม ไม่ต้องแล้วล่ะ ก็ยังบอกอยู่ว่าเดี๋ยวเขาต้องมาอธิบาย แต่ในเรื่องที่เขาไม่ได้ขึ้นคอนเสิร์ตมันเคลียร์ไปแล้ว เขาก็รู้แล้วว่าเป็นความประสงค์ของพ่อแม่เขา”
แต่แฟนคลับคิดตรงข้ามว่า เป็นเกมของทรู ที่สร้างกระแสไม่ให้มาร์คขึ้นคอนเสิร์ต เพราะต้องการเอาเงินจากคะแนนโหวต?
“อันนี้คงต้องไปถามพ่อเขา เราคงไปตอบแทนพ่อแม่เขาไม่ได้ หรือจะไปตอบแทนทรูวิชั่นไม่ได้ ผมเป็นแค่ครูใหญ่ที่ดูแต่เรื่องในบ้าน ทีนี้เรื่องที่เกิดขึ้นมันเกินความควบคุมหน้าที่ไปเยอะ การออกความเห็นเป็นเรื่องอันตรายในประเด็นนี้ พูดไปก็ตายหลายคนแล้ว ดังนั้นให้คนที่เกี่ยวข้องโดยตรงพูดจะดีกว่า เราก็ออกความเห็นได้แค่ว่าสงสารเด็กเท่านั้น”
“ส่วนที่บางกลุ่มมองว่า วันแถลงข่าวของมาร์คจะเป็นการถอนตัวออกรายการ อันนี้ก็ไม่ทราบ ต้องไปคอยฟังในวันนั้น คือไม่มีใครตอบได้หรอก ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหารของทรู หรือคุณครู หรือทีมงาน สุดท้ายเด็กก็เป็นผู้เยาว์ ก็ยังต้องทำตามคุณพ่อคุณแม่อยู่ดี เพราะเขายังไม่บรรลุนิติภาวะ ฉะนั้นถ้ามีอะไรคุยกับแหล่งปัญหาโดยตรงดีกว่า มาถามทางเรามายาก”
ส่วนกระแสวิจารณ์ที่ว่า เป็นการไม่แฟร์ที่มาร์คไม่ได้ขึ้นคอนเสิร์ตแต่ยังมีคะแนนโหวตต่อเนื่อง ครูใหญ่ของบ้านได้พูดเหน็บเป็นการปิดท้ายว่า
“คือรายการนี้คนดูมีสิทธิ์คิดอะไรก็ได้จริงๆ เราก็จะไม่ไปชี้นำหรือแก้ตอบโต้อะไร เราก็คิดได้ว่าอ้าว…ทำไมคิดอย่างนี้ล่ะ แต่เราคิดว่าเด็กๆ ในบ้าน 11 คนไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเสียเปรียบอะไรมาร์ค เขาน่าจะดีใจที่วันนี้ได้โชว์ แต่มาร์คไม่ได้โชว์ เขาน่าจะเสียใจแทนมาร์ค คิดว่าคงไม่มีใครคิดเสียเปรียบหรือถูกมาร์คเอาเปรียบหรอก คนคิดได้อย่างนี้ประหลาด
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1811 ครั้ง