อำนวย” พลิกลิ้นแสร้งบอกไม่ได้ออกหมายเรียก “อ๊อฟ พงษ์พัฒน์” บอกแค่เชิญมาสอบชี้แจงจุดที่มีคนกล่าวหาสงสัย โบ้ยสื่อเสนอข่าวผิดทั้งเพ ระบุคดีนี้เป็นการเถียงกันในเรื่องของภาษา พร้อมแนะดาราดังเข้าพบ ตร.เรื่องจะได้จบ
วันที่ 22 ก.ค.เวลา 10.00 น.ที่ห้องประชุมกองบังคับการอำนวยกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บก.อก.บช.น.) พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. กล่าวถึงกรณีการสอบสวนคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูง หลังจากเมื่อวันที่ 23 มิ.ย.มีผู้เข้าร้องทุกข์ที่ สน.คันนายาว เพื่อต้องการให้ดำเนินคดีต่อนายพงษ์พัฒน์ หรืออ๊อฟ วชิรบรรจง ดารานักแสดงชื่อดัง สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 16 พ.ค. ในงานประกวดรับรางวัลนาฏราช ที่หอประชุมกองทัพเรือ ซึ่งนายพงษ์พัฒน์ได้พูดขณะรับรางวัลประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสถาบันเบื้องสูงว่า มีคำสั่งจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้แต่งตั้งระดับรอง ผบช.น.เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน เพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน
“ในความคิดเห็นส่วนตัวเมื่อมีการร้องทุกข์กล่าวโทษแล้ว สมมติว่าคดีนี้ผมเห็นว่าคุณพงษ์พัฒน์ไม่ผิดหรอก แต่น่าจะตรงข้ามด้วยซ้ำ แถมยังเป็นการปกป้องสถาบันอีก แต่ผมจะเอาความคิดเห็นส่วนตัวมาตัดสินคดีความไม่ได้ มันจะต้องมีการสอบสวนเพราะมีผู้มากล่าวทุกข์ร้องโทษ คดีนี้เป็นการเถียงกันในเรื่องของภาษาที่ใช้ รวมทั้งอากัปกิริยาด้วย ซึ่งทางคุณพงษ์พัฒน์รู้ดี สำหรับข่าวที่ออกไปเมื่อวานนี้กลายเป็นการออกหมายเรียกคุณพงษ์พัฒน์มาในฐานะผู้ต้องหา ซึ่งไม่ใช่ตามที่เป็นข่าว เป็นเพียงการเชิญมาเพื่อชี้แจงจุดที่มีคนกล่าวหาสงสัย ทางคุณพงษ์พัฒน์สามารถเข้ามาชี้แจงได้ผ่านหนังสือ หรือมาด้วยตัวเองก็ได้” รอง ผบช.น.กล่าว
พล.ต.ต.อำนวยกล่าวอีกว่า คดีนี้จะต้องพิจารณาด้วยบอร์ดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) สำหรับการพิจารณาด้วยบอร์ดใหญ่มี 2 คดี 1.สถาบันเบื้องสูง 2.คดีเกี่ยวกับความมั่นคง ส่วนข่าวที่ออกไปว่าหากไม่มาตามที่ออกหมายเรียกไปจะดำเนินการจับกุมเป็นข่าวที่ผิดทั้งเพผิดทั้งหมด ซึ่งเป็นเพียงการเชิญให้เข้ามาชี้แจง ไม่ใช่ออกหมายเรียกเพื่อมารับทราบข้อหา เรียกมาสอบเพื่อให้สำนวนสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์เท่านั้น เพื่อความชัดเจนไม่ให้เกิดความสับสน คนที่ฟังที่พูดก็คงเข้าใจว่าความหมายเป็นอย่างไร ผมเคยร้องถามผู้ออกมาเผาบ้านเมืองว่าคุณเป็นคนไทยทั้งร่างกายและจิตใจหรือเปล่า ถ้าตอบว่าเป็น ก็จะถามต่อว่าแล้วคุณเผาบ้านตัวเองทำไม แล้วจะไปอยู่ที่ไหน หลังถามเสร็จไม่ถึง 10 นาที มีโทรศัพท์เข้าไปที่บ้านผม โทร.ไปบอกว่ากูเผาที่ไหนไม่ได้ กูจะไปเผาบ้านมึงแหละ”
พล.ต.ต.อำนวยกล่าวเสริมอีกว่า ส่วนคุณพงษ์พัฒน์ หากต้องการเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนก็สามารถมาทำได้ทันที จะใช้เวลาสอบไม่เกิน 30 นาที จริงแล้วตนอยากตอบแทน แต่ทำไม่ได้ แต่หากส่งตัวแทนเข้ามาชี้แจงถ้อยคำอาจไม่ชัดเจน เดินทางมาด้วยตัวเองดีกว่า แต่หากทำหนังสือมาก็อาจเข้าใจได้ในระดับหนึ่ง เพราะหากมาด้วยตัวเองเรื่องก็จบเลย เรื่องนี้ไม่มีอะไรมาก หรือต้องการให้เจ้าหน้าที่ไปสอบสวนที่บ้านเลยก็สามารถติดต่อมายังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทันที
ผู้สื่อข่าวถามว่าจำเป็นต้องมีผู้เสียหายไปแจ้งความหรือไม่ รอง ผบช.น.ตอบว่า ถ้าหากชัดเจนเรื่องงานสอบสวนก็จะมีชุดสืบสวนดำเนินงานต่อไป แต่ในกรณีที่มีผู้เสียหายไปแจ้งความร้องทุกข์ในระเบียบ ตร.ว่าต้องมีคำร้องทุกข์ แต่ในส่วนที่ไม่มีผู้เสียหายให้สืบสวนไประดับหนึ่งก่อนแล้วค่อยเสนอผู้บังคับบัญชา ตอนนี้ยังไม่มีความเห็นเกี่ยวคดีดังกล่าว
ยันเพชรของกลางหายไม่เกี่ยวกับ ตร.
พล.ต.ต.อำนวย กล่าวถึงกรณีเพชรมูลค่า 5 ล้านบาทที่หายไปว่า คดีดังกล่าวทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เป็นผู้รับผิดชอบ การกระชับพื้นที่ก็เป็นหน้าที่ของทางฝ่ายทหาร จากการตรวจสอบกับ พ.ต.อ.ชุมพร กาญจนรัตน์ ผกก.อก.ฝอ.6 รรท. ผกก.สน.ปทุมวัน ไม่มีสิ่งของดังกล่าวผ่าน สน.แต่อย่างใด ฉะนั้นไม่เกี่ยวข้องกับทาง บช.น.และ สน.ปทุมวัน ทั้งนี้จะเกี่ยวข้องก็จะเป็นคนยึดของกลางและพนักงานสอบสวนเป็นผู้รับผิดชอบ ตามที่มีการเสนอข่าว พ.ท.สิทธิพร เจริญพุฒ ผอ.ส่วนควบคุมผู้ต้องขังและรักษาของกลาง ดีเอสไอออกมาชี้แจงว่ามีการนับของกลางเข้าตู้เซฟ และคนเปิดเซฟได้คือผมกับลูกน้องผมอีกคนเท่านั้น ก็แสดงว่ามีการนำของกลางเข้าไปจริง ส่วนของกลางหายหรือไม่นั้นทางตำรวจไม่เกี่ยวข้องอยู่แล้ว
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1062 ครั้ง