นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีที่ สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ทำหนังสือถึงสหประชาชาติ(ยูเอ็น) กรณีปราสาทพระวิหารโจมตีรัฐบาลไทยว่า มีการเตรียมที่จะใช้กำลังทหารเข้าไปในพื้นที่ที่เป็นมรดกโลกว่า เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศ ที่จะต้องชี้แจงทำความเข้ากับยูเอ็น ว่าจุดยืนของประเทศไทยในกรณีชายแดนเรื่องเขาพระวิหารนั้นประเทศไทยมีจุดยืนอย่างไร และทุกอย่างที่ประเทศไทยดำเนินการไปนั้นมีเหตุผลอย่างไร
นายสุเทพ กล่าวด้วยว่า ขอให้ประชาชนสบายใจว่า เรายึดมั่นในหลักการที่จะอยู่ร่วมกับเพื่อนบ้านอย่างสันติ กองกำลังของทหารไทยไม่ได้บุกรุกเข้าไปในดินแดนของกัมพูชาแน่นอน แต่กองกำลังของทหารไทยก็พร้อมที่จะปกป้องอธิปไตยของประเทศ ดังนั้น ต้องแยกแยะว่าการเตรียมพร้อม การมีกองกำลังเพื่อปกป้องอธิปไตยของเรา ไม่ใช่เรื่องที่จะไปรุกรานหรือคุกคามใคร
นายสุเทพ ยังชี้แจงถึงสาเหตุที่ทางศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.) ไม่ดำเนินการกับกลุ่มเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติที่ออกมาชุมนุมเพื่อคัดค้านการขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร ขณะที่มีประกาศให้พื้นที่รอบทำเนียบรัฐบาลเป็นเขตหวงห้ามว่า เท่าที่ได้ติดตามเจ้าหน้าได้ปฏิบัติตามขั้นตอนที่กำหนดเอาไว้ทุกประการแล้ว มีการเจรจาพูดจากัน และได้อธิบายให้ผู้ชุมนุมทราบว่าทำอย่างไรจะผิดกฎหมาย ซึ่งมีข้อกำหนดอยู่ว่าในพื้นที่เหล่านี้ห้ามมาชุมนุมถ้ามาชุมนุมจะต้องไม่เข้าข้อห้าม 4 ประการด้วยกัน เช่นการปิดการจราจรเป็นต้นรายละเอียดจะให้เจ้าหน้าที่ชี้แจง
“ไม่มีสองมาตรฐาน ไม่เลือกปฏิบัติแน่นอน ไม่มีเหตุจูงใจอะไรที่ต้องทำอย่างนั้น เมื่อเราเป็นรัฐบาล ก็มีหน้าที่ดูแลรักษาบ้านเมือง ขอให้มั่นใจว่าไม่มีประเด็นอย่างนั้น เพราะทั้งเสื้อเหลืองเสื้อแดงก็ด่าผมทุกวันไม่มีความจำเป็นที่จะไปรักชอบใครเป็นพิเศษ”นายสุเทพ กล่าว
ด้านนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงท่าทีของกระทรวงต่างประเทศ หลังการสนทนาในรายการพิเศษปราสาทพระวิหาร ระหว่างรัฐบาลกับตัวแทนกลุ่มเครือข่ายภาคประชาชนหัวใจรักชาติและนักวิชาการอิสระเมื่อวานนี้(8 สึ)ว่า ขั้นตอนต่อจากนี้กระทรวงการต่างประเทศ จะเจรจากับทางการกัมพูชา เพื่อจัดการพื้นที่ให้ชัดเจน ภายใต้ข้อตกลง MOU ปี 2543 เรื่องการปรับสภาพพื้นที่, การทำความเข้าใจให้คนออกจากพื้นที่ โดยการเจรจาทางการฑูต ทั้งนี้ ยืนยันว่าไทยไม่มีเจตจานำเรื่องนี้มาเป็นเงื่อนไขไม่ให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก เพื่อให้เป็นไปตามข้อตกลงที่ทำไว้ ส่วนจะเจรจากับกลุ่มเครือข่ายภาคประชาชนหัวใจรักชาติและนักวิชาการอิสระอีกหรือไม่ ต้องพิจารณาถึงความเหมาะสม
ส่วนกรณีที่สมเด็จฮุนเซนฯ นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ทำหนังสือถึงองค์การสหประชาชาติ กล่าวหาไทยละเมิดกฎบัตรของสหประชาชาติ โดยการขู่จะใช้กำลังทหารกับกัมพูชา นายชวนนท์ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะรัฐบาลยืนยันมาโดยตลอดว่า การใช้กำลังทหารจะเป็นทางเลือกสุดท้าย
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 796 ครั้ง