ธาริตไปอัยการส่งสำนวนคดีฟ้อง17แกนนำนปช.ข้อหาใหม่ก่อกวน และปลุกปั่นทำให้บ้านเมืองวุ่นวายเผยยังไม่ได้รับการประสานจากเพื่อไทยยื่นหนังสือจี้ถามเหตุไม่ฟ้องทีพีไอไซฟ่อนเงินโยงยุบพรรคปชป.
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เปิดเผยว่า วันนี้เวลา 10.00 น. จะเดินทางไปที่สำนักงานอัยการสูงสุดด้วยตนเอง เพื่อส่งมอบสำนวนคดีและมีความเห็นสั่งฟ้อง 17 แกนนำนปช.ในข้อหาก่อกวนและปลุกปั่นทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย ซึ่งเป็นคดีใหม่ นอกเหนือจากคดีก่อการร้าย ที่ดีเอสไอส่งสำนวนไปแล้วก่อนหน้านี้
นายธาริต กล่าวว่า ไม่ขอออกความเห็นกรณีอัยการอาจพิจารณาสั่งคดีก่อการร้าย ไม่ทันครบกำหนดฝากขังผลัดสุดท้ายในวันที่ 11 สิงหาคมนี้ เพราะเป็นเรื่องของอัยการดีเอสไอถือว่าหมดหน้าที่แล้วแต่ยอมรับได้ทุกกรณีหากอัยการสั่งฟ้องทัน หรือไม่ทันก็ตาม
ส่วนกรณีพรรคเพื่อไทยจะขอเข้าพบเพื่อยื่นหนังสือทวงถามกรณีพนักงานสอบสวนดีเอสไอมีความเห็นไม่สั่งฟ้องบริษัท ทีพีไอ โพลีน ไซฟ่อนเงินซึ่งมีส่วนเกี่ยวโยงกับคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ นายธาริต กล่าวหา หากมาพบวันนี้ และตรงกับเวลาที่ไปยื่นสำนวนคดีใหม่ คงไม่ได้ไปรับหนังสือด้วยตนเอง และขณะนี้ไม่ได้รับการประสานงานจากพรรคเพื่อไทยแต่อย่างใด มีเพียงการนัดหมายผ่านสื่อเท่านั้น
เวลาต่อมา นายธาริต นำสำนวนสั่งฟ้อง 17 แกนนำกลุ่มนปช. ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116, 215 และ 216 ฐานพูดจายุยงปลุกปั่น ปลุกระดม ชักจูงใจ หรือใช้ผู้ร่วมชุมนุมฝ่าฝืน หรือกระทำผิดกฎหมายจนเกิดความวุ่นวายปั่นป่วน ส่งให้กับนายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ อัยการฝ่ายคดีพิเศษ
ขณะที่นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำกลุ่ม นปช.และนายสถาพร มณีรัตน์ ส.ส.ลำพูน พรรคเพื่อไทย ผู้ต้องหาในคดีดังกล่าว พร้อมด้วยนายคารม พลทะกลาง ทนายความ ได้เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาพร้อมให้การปฏิเสธ
นายคารม กล่าวว่า ยื่นคำร้องต่ออัยการเพื่อแก้ข้อกล่าวหาใน 2 ประเด็น คือ การชุมนุมดังกล่าวเป็นไปด้วยความสงบ และผู้ต้องหาที่เป็น ส.ส.ทำหน้าที่ประสานงานให้ประชาชนที่เข้าร่วมชุมนุมเดินทางกลับภูมิลำเนาเท่านั้น พร้อมทั้งเตรียมพยานไว้อีก 124 ปาก เพื่อขอให้อัยการทำการสอบสวนเพิ่มเติม
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1122 ครั้ง