กล่าวว่า มาตรการในช่วงปีเลือกตั้งนี้จะช่วยรักษาตำแหน่งงานหลายแสนตำแหน่งทั้งครูและงานอื่นๆหลังจากที่ชาวอเมริกันต้องดิ้นรนหนักภายใต้เศรษฐกิจที่ยังคงอ่อนแออยู่
ร่างกฎหมายผ่านการเห็นชอบด้วยคะแนนเสียง 247-161 และขณะนี้ถึงมือประธานาธิบดีบารัก โอบามาเพื่อเตรียมลงนามแล้ว
บรรดาส.ส.จากฟากรีพับลิกันต่างกล่าวว่า กฎหมายฉบับนี้เป็นแค่การเอาใจสหภาพและบรรดาฐานเสียงของพรรคเดโมแครตเท่านั้น ขณะที่ประธานาธิบดีโอบามากล่าวว่า สภาคองเกรสไม่สามารถรีรอได้เนื่องจากทั้งครูและคนอื่นๆต่างเสี่ยงที่จะตกงาน
“นี่ไม่ควรเป็นประเด็นทางการเมือง” โอบามากล่าวในสวนโรสที่ทำเนียบขาวก่อนการงลคะแนนเสียงตอนบ่ายวันอังคาร “เราไม่สามารถรีรอและไม่ทำอะไรเลย” เขากล่าว โดยเสริมว่ามาตรการช่วยเหลือนี้จะไม่ทำให้เกิดการขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้น
นางแนนซี่ เปโลซี่ ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯซึ่งเป็นส.ส.แคลิฟอร์เนียจากพรรคเดโมแครตได้โทรตามบรรดาผู้แทนในสภาล่างให้กลับมาที่วอชิงตันจากช่วงการพักผ่อนหน้าร้อนเพื่อมาทำการลงคะแนนผ่านร่างกฎหมายฉบับนี้ พรรคเดโมแครตกล่าวว่า มาตรการนี้จะสร้างงานเกือบ 320,000 ตำแหน่ง
กฎหมายนี้ประกอบไปด้วยเงินช่วยเหลือรัฐบาลมลรัฐ 16,000 ล้านดอลลาร์เพื่อใช้ในงบด้านสวัสดิการสุขภาพในรูปของเมดิเคด (Medicaid) และอีก 10,000 ล้านดอลลาร์จะช่วยปกกันไม่ให้เกิดการเลิกจ้างในมลรัฐต่างๆ
วุฒิสภาได้อนุมัติมาตรการนี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วด้วยคะแนน 61-39
กฎหมายนี้ใช้แหล่งทุนสนับสนุนจากการตัดลดการสนับสนุนในโครงการสแตมป์อาหารและพลังงานทดทแนและการขึ้นภาษีบริษัทข้ามชาติ
มาตรการทางภาษีมีจุดประสงค์เพื่อจัดการกับสิ่งที่สมาชิกสภาเรียกว่า “การใช้เครดิตทางภาษีของต่างชาติที่ไม่เหมาะสม” (Foreign Tax Credit Abuse) นางเปโลซี่กล่าวเมื่อปี 2004 ว่า อัตราภาษีที่แท้จริงในทางปฏิบัติของบรรษัทข้ามชาติอยู่ที่ 2% บนกำไรกว่้า 700,000 ล้านดอลลาร์ที่บริษัทเหล่านี้ทำได้
ผู้นำส.ส.จากฝั่งรีพับลิกัน นายจอห์น โบห์เนอร์กล่าวว่า ชาวอเมริกันไม่ต้องการมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมและเรียกกฎหมายฉบับนี้ว่า “การจ่ายค่าตอบแทนให้กับหัวหน้าสหภาพและกลุ่มผลประโยชน์หัวเสรีนิยม”
เมื่อนางเปโลซี่ถูกถามถึงสิ่งที่นายโบห์เนอร์พูด เธอตอบกลับไปว่า “เหตุใดส.ส.พรรครีพับลิกันจึงไม่อยากรักษาตำแหน่งงานของครู เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัย (First Responders) และคนงานในภาคเอกชนกว่า 319,000 คน แทนที่จะปล่อยให้คนพวกนี้ตกงาน?”
บรรดาสมาชิกสภาและทำเนียบขาวยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดันในการที่จะต้องสร้างงานเพิ่มในปีเลือกตั้งปีนี้ ซึ่งปัจจุบันอัตราการว่างงานทั่วสหรัฐฯยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 9.5%
“รัฐบาลวอชิงตันต้องเริ่มรับฟังปัญหาจากคนอเมริกันมากกว่าที่จะบีบให้พวกเขาเดินไปบนหนทางของการใช้จ่ายมากขึ้นและเป็นหนี้มากขึ้น และเผชิญกับภาษีและกฎระเบียบที่ทำลายการจ้างงานโดยธุรกิจขนาดเล็ก” นายมิทช์ แม็คคอนเนล ผู้นำส.ว.ของพรรครีพับลิกันกล่าวในแถลงการณ์ไม่นานมานี้
แต่บรรดาสมาชิกสภาจากฝั่งเดโมแครตกล่าวว่า ร่างกฎหมายสำหรับงบกระตุ้นเศรษฐกิจและมาตรการช่วยเหลืออุตสาหกรรมยานยนต์กำลังช่วยให้คนอเมริกันกลับมามีงานทำ
ที่มา MarketWatch