ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2554 ซึ่งเป็นการพิจารณาต่อจากสัปดาห์ที่แล้ว โดยวันนี้ได้เริ่มการพิจารณางบประมาณมาตรา 17 ของกระทรวงมหาดไทย จำนวน 230,781,268,600 บาท
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส. เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า กระทรวงหมาดไทยมีสิทธิพิเศษต่อจากกระทรวงกลาโหม ซึ่งดูจากตัวเลขการดูงานต่างประเทศ อย่างไปประเทศสเป็น 9 วันถ้าไปกับทัวร์บินชั้นบิสิเนตคลาส ที่ราคาเพียง 130,000 บาท แต่งบของกระทรวงมหาดไทยมีการเบิกใช้จ่ายงบถึงหัวละ 240,000 บาท ถือว่าผิดปกติ นอกจากนี้การไปดูงานทั้งที่จีน เกาหลี ญี่ปุ่นก็มีการเบิกจ่ายเงินที่สูงเกินจริงเช่นเดียวกัน
“โดยเฉพาะกรณีการตั้งงบเกี่ยวกับการปกป้องสถาบัน การอ้างว่าจะปกป้องสถาบันเพื่อต่อต้านรัฐไทยใหม่ไม่ทราบว่าไทยใหม่ที่ไหน เหมือนเป็นการฝันกลางวัน เป็นเพียงคำที่ใช้เพื่อให้เกิดโฆษณาชวนเชื่อเท่านั้น นอกจากนี้หน่วยงานยังนำงบดังกล่าวไปดูงาน ไปเที่ยวภูเขาและทะเลไม่เห็นว่าจะเกิดประโยชน์กับประชาชนคนไหน แต่เป็นการใช้งบที่ผิดประเภท” นายจุลพันธุ์ กล่าว
นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า เช่นเดียวกับงบประมาณของกลุ่มจังหวัดที่พบว่ามีการเพิ่มงบประมาณเข้ามา บางกลุ่มจังหวัดเพิ่มขึ้นมากว่า 100 ล้าน ซึ่งไปกระจุกตัวอยู่ในพื้นที่ของรัฐบาลเช่น ภาคใต้หรืออีสาน นอกจากนี้งบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งได้งบประมาณเพิ่มเติมเข้ามาอีก 8 พันกว่าล้าน พบว่าในเม็ดเงิน 1.3 พันล้านของงบประมาณส่วนนี้ มีการกระจุกตัวถึง 10 จังหวัดและมี 2 จังหวัดที่ได้งบประมาณรวมกัน 600 ล้าน บาท ในประเด็นนี้กมธ.วิสามัญพิจารณางบประมาณฯได้ขอให้รัฐบาลนำกลับไปแก้ไขแล้ว
“แต่ปรากฎว่ามีการจัดทำเป็นงบล่ำซำแสดงว่ามีแต่ตัวโครงการที่วงเงินต่ำกว่า 10 ล้านบาทจำนวนหลาย 100 โครงการ ไม่มีรายละเอียดว่าจะดำเนินการอย่างไร เป็นการจัดงบประมาณเป็นลักษณใช้ดุลพินิจเป็นหลัก ซึ่งทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะเกิดการกระจุกตัวงบประมาณเป็นจำนวนมาก” นายจุลพันธ์ กล่าว
นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า ขอปรับลด5 % เพราะกรมการปกครอง 3,490 ล้าน ตั้งงบประมาณซื้อคอมพิวเตอร์แล้ว ไม่ได้ใช้งบทำให้เสียหายต่อทางราชการ กรมพัสดุ กรมบัญชีกลางได้ทักท้วงในการจัดจ้างไม่โปร่งใส ส่วนสมาร์ทการ์ด บัตรประชาชน งบประมาณ 900 ล้านบาท แล้วไม่ได้ใช้ ถือเป็นล้มเหลวในการบริหาร ประชาชนเดือดร้อนอย่างยิ่งเพราะทำบัตรได้แค่กระดาษถอยหลังลงคลอง ทำไม สองกระทรวง คุยกันไม่ได้ทั้ง ไอซีทีกับมหาดไทย นายกฯในฐานะประธาน เทคโนโลยีแห่งชาติ ปล่อยไม่ได้ หัวหน้ารัฐบาลต้องลงมาดู รม ว.มหาดไทยจะอ้าง ไอซีที ติดขัดไม่ได้ เพราะเป็นผู้กำกับดูแล พ.ร.บ.บัตรประจำตัวถือการใช้งบไม่เต็มประสิทธิภาพ ถูกทักท้วงองค์กรกลาง หน่วยงานในการจัดซื้อมีการกล่าวหา
นายชวลิต อภิปรายต่อว่า ส่วนกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น จัดงบไม่เป็นธรรมกระจุกตัว ไปอยู่เฉพาะจังหวัดใหญ่ จ.นครราชสีมา 569 ล้าน แต่จ.นครพนมได้ 200 กว่าล้านก็พอรับได้ แต่ความจริงแล้วนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย กลับเอางบลงในจ.นครราชสีมาไปกว่าพันล้าน จะตอบอย่างไร ส่วนงบที่กระจุกตัวที่ได้งบ 1,300 ล้าน มีเพียงไม่5-6จังหวัด ลพบุรี อุบลราชธานี สุราษฎร์ธานี ศรีสะเกษ เป็นต้นซึ่งไม่ทราบว่าคณะรัฐมนตรี เกรงใจ รมว.มหาดไทยใช่หรือไม่
“เรื่องสำคัญที่ทำผิดกฎหมาย ในเรื่องยกฐานะเทศบาลเมืองแม่สอด จ.ตาก เป็น เทศบาลนครแม่สอด ซึ่งนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทยได้ลงนามเมื่อวันที่ 28 ม.ค.2553ซึ่งการลงนามดังกล่าวถือเป็นเรื่องผิด พรบ.เทศบาลเพราะการจะยกฐานะขึ้นเป็นเทศบาลนครจะต้องมีประชากร 5 หมื่น แต่ความจริงมีแค่ 3.6หมื่นซึ่งได้มีการประกาาศราชกิจจานุเบกษาชัดเจนแล้วจะแก้ทีหลังอย่างไร ไม่สามารถลบล้างได้ เพราะเป็นการกระทำผิดกฎหมายอย่างชัดเจน การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ ขณะนี้มีใบเสร็จก็คือคณะกรรมการคุณธรรมจริยธรรม กพ.สั่งยกเลิกแต่งตั้งนายอำเภอ41 คน กระเทือนทั้งกระทรวงมหาดไทย ผู้ลงนามคำสั่งวันนี้ต้องรับผิดชอบโดยเฉพาะคนสั่ง” นายชวลิต กล่าว
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1370 ครั้ง