วันที่ 23 สงหาคม การส่งตัวนายวิคเตอร์ บูท อดีตเคจีบีชาวรัสเซียและนักค้าอาวุธสงครามไปขึ้นศาลสหรัฐตามคำสั่งของศาลอุทธรณ์นั้น พบว่ามีการเตรียมการทั้งจากฝ่ายไทยและสหรัฐ โดยเฉพาะการรักษาความปลอดภัยระหว่างอยู่ในความคุ้มครองของไทยและการส่งตัวไปยังสหรัฐ โดยนายศิริศักดิ์ ติยะพรรณ อธิบดีอัยการฝ่ายต่างประเทศ กล่าวว่า อัยการต่างประเทศทำหน้าที่เป็นตัวกลาง โดยแจ้งผลคำสั่งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบ ทั้งกระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมราชทัณฑ์ และกระทรวงมหาดไทย ขณะที่ทางการสหรัฐได้พยายามดำเนินการในการนำตัวนายวิคเตอร์กลับไปดำเนินคดีเช่นกัน
“สหรัฐจะรับตัวนายวิคเตอร์กลับไปอย่างไร เมื่อไหร่นั้น ถือเป็นความลับไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากเป็นเรื่องเกี่ยวกับความปลอดภัย อัยการมีหน้าที่เป็นฝ่ายประสานงานให้แก่ทางการสหรัฐและกระทรวงการต่างประเทศเท่านั้น โดยกระทรวงการต่างประเทศเป็นหน้าด่านดำเนินการ ยืนยันว่าจะรับตัวนายวิคเตอร์กลับไปเมื่อไหร่นั้นไม่ทราบจริงๆ”
มีรายงานว่า สำนักงานอัยการสูงสุดได้รับการประสานให้เปลี่ยนแปลงสถานที่ส่งมอบตัวนายวิคเตอร์ จากกำหนดเดิมที่กำหนดไว้ในแผนการส่งผู้ร้ายข้ามแดนในช่วงเวลา 19.00 น. วันที่ 25 สิงหาคม โดยทางการสหรัฐอเมริกาได้ประสานรัฐบาลไทยจะมีการใช้เครื่องบินส่วนตัวของสหรัฐอเมริกา พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดรับตัวที่มีการอาวุธครบมือเพื่อใช้ในการควบคุมตัวนายวิคเตอร์ไปดำเนินคดีในประเทศสหรัฐอเมริกา ล่าสุด ทางการสหรัฐได้มีการเปลี่ยนแปลงสถานีส่งมอบตัวจากสนามบินสุวรรณภูมิ มาเป็นสนามบินท่าอากาศยานทหาร (บน.6) ย่านดอนเมือง เนื่องจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกาไม่ต้องการให้มีผู้คนพลุกพล่าน เกรงว่าจะเกิดความไม่ปลอดภัยกับตัวผู้ต้องหา โดยทางการสหรัฐอเมริกาจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการเดินทางทั้งหมด
นอกจากนี้ ยังมีคำสั่งกำชับเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายไม่ให้มีการเปิดเผยรายละเอียดวันเวลาและสถานที่การส่งมอบตัวนายวิคเตอร์ โดยรัฐบาลไทยได้มีคำสั่งกำชับกองทัพอากาศให้เคลียร์พื้นที่เพื่อป้องกันไม่ให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าพื้นที่สนามบิน บน.6 ตั้งแต่ 24.00 น. วันที่ 24 ส.ค. โดยใช้ความเข้มระดับความปลอดภัยระดับสูงสุด
ทั้งนี้ กรณีนายวิคเตอร์ ได้ถูกนำไปอภิปรายในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรระหว่างการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2554 ขณะพิจารณาถึงงบประมาณของกระทรวงยุติธรรม นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย แกนนำคนเสื้อแดงจากเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา อภิปรายขอตัดงบของกรมราชทัณฑ์ โดยยกเอากรณีนายวิคเตอร์มาเป็นข้ออ้าง
ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทยระบุว่า เพราะกระบวนการยุติธรรมที่มีปัญหาระดับโลกอย่างกรณีนายวิคเตอร์ หากถอยย้อนกลับไป นายวิคเตอร์ถูกคุมขังในประเทศไทยมาแล้ว 2 ปีครึ่ง และศาลชั้นต้นตัดสินไม่ยอมส่งตัวไปดำเนินคดีในสหรัฐ แต่ระหว่างอยู่ในชั้นอุทธรณ์มีการไปเจรจากับ รมว.ต่างประเทศสหรัฐที่เวียดนามว่าจะส่งตัวนายวิคเตอร์ให้ แต่ต้องแลกกับตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ
“มีข่าวว่ามีคนใกล้ชิดที่ติดตัวนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ เข้าไปพบกับนายวิคเตอร์ในเรือนจำหลังเวลาเยี่ยม แล้วให้นายวิคเตอร์ให้การซัดทอดว่าจริงๆ แล้ว พ.ต.ท.ทักษิณเป็นคนสั่งให้ขนอาวุธจากเกาหลีเหนือมายังประเทศไทยเพื่อให้กับคนเสื้อแดง แต่เมื่อนายวิคเตอร์ไม่ยอม ศาลอุทธรณ์จึงมีคำตัดสินแบบนี้ ดังนั้น กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ต้องทำหนังสือไปสอบถามนายกฯ เกี่ยวกับเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม นายอภิสิทธิ์ลุกขึ้นปฏิเสธว่า เรื่องที่นายจตุพรพูดเป็นเรื่องจินตนาการและเป็นความเท็จ ยืนยันว่ารัฐบาลไม่เคยแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม และขอให้นายจตุพรหยุดสร้างความเสียหายให้กับตุลาการและกระบวนการยุติธรรมได้แล้ว
นายจตุพรกล่าวตอบโต้ว่า ที่บอกว่าตนพูดความเท็จนั้นไม่จริง เพราะคนที่ไปพบนายวิคเตอร์ บูทนั้นชื่อนายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์
จากนั้นนายศิริโชคชี้แจงว่า นายจตุพรพูดจริงบ้างเท็จบ้าง และมีการจับแพะชนแกะ ข้อมูลไม่ได้ตรวจสอบมาดีพอ ซึ่งเรื่องนี้เว็บไซต์ข่าวจากศรีลังกาเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 53 ฝ่ายค้านศรีลังการะบุว่ามี พ.ต.ท.ทักษิณให้เงินกับรัฐบาลกับศรีลังกา ซึ่งเครื่องบินลำที่ขนอาวุธมาจากเปียงยางและได้จอดเติมน้ำมันที่เมืองไทยก่อนจะไปที่ศรีลังกา ซึ่งเป็นช่วงที่ พ.ต.ท.ทักษิณอยู่ที่ศรีลังกา
การอภิปรายช่วงนี้เป็นไปอย่างดุเดือด เมื่อ ส.ส.พรรคเพื่อไทยต่างสลับกันประท้วงเพื่อปกป้อง พ.ต.ท.ทักษิณ โดยระบุว่านายศิริโชคไม่ได้ชี้แจงเรื่องการเข้าพบนายวิคเตอร์ แต่กลับกล่าวหาว่า พ.ต.ท.ทักษิณเป็นผู้ค้าอาวุธ ในที่สุด พ.อ.อภิวันท์ได้ตัดบทให้เข้าสู่การพิจารณางบประมาณต่อไปโดยที่นายศิริโชคไม่ได้ชี้แจงในประเด็นที่ว่าได้เข้าพบนายวิคเตอร์หรือไม่
ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์ขณะอยู่นอกห้องประชุมว่า ไม่ทราบว่านายจตุพรพูดถึงเรื่องอะไร ที่สำคัญตนยังไม่รู้จักใครที่พูดภาษารัสเซียได้เลย และยืนยันไม่เคยแทรกแซงคดีใด
ส่วนนายศิริโชค ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า ยังไม่อยากพูดอะไร ขอเวลาไปตรวจสอบข้อมูลก่อน นอกจากนี้ตนยังไม่สะดวกที่จะพูดในตอนนี้ เนื่องจากตนยังอยู่ในห้องประชุม และมี ส.ส.ฝ่ายค้านนั่งอยู่ใกล้ๆ เกรงว่าจะได้ยินการสนทนา ดังนั้นตนขอแถลงข่าวพร้อมกันในวันที่ 25 สิงหาคม
ส่วนนายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกฯ กล่าวว่า ในที่ประชุม ครม.ไม่ได้มีการพูดคุยกรณีที่มีการส่งนายวิคเตอร์เพื่อแลกเปลี่ยนกับเฮลิคอปเตอร์แบล็กฮอว์ก แต่การจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพนั้นมีแผนและมีความต้องการมาอย่างต่อเนื่องจากแบล็กฮอว์กยุคก่อน โดยทางกองทัพได้เคยแจ้งความประสงค์และนำเข้า ครม.ไปแล้ว รัฐบาลนี้ไม่ได้มีการดำเนินการเพิ่มเติมแต่อย่างใด และไทยเองก็เป็นพันธมิตรพิเศษนอกนาโต ก็จะได้มีการดำเนินความสะดวกบางอย่างเกี่ยวกับการจัดซื้ออาวุธบางชนิด ดังนั้นโดยรวมแล้วจึงไม่คิดว่าจะเป็นประเด็นอะไรที่จะไปเกี่ยวโยงกับกระบวนการยุติธรรม
นายปณิธานยังกล่าวถึงการส่งตัวนายวิคเตอร์ว่า กรมราชทัณฑ์ยังควบคุมตัวนายวิคเตอร์อยู่ เพราะยังไม่ได้ถอนคำร้องคดีที่ 2 คือคดีฟอกเงิน และทางอัยการสูงสุดก็ยังไม่ได้รับคำร้องที่จะรับคดีดังกล่าว ดังนั้นกรมราชทัณฑ์ก็ยังมีหน้าที่ควบคุมตัวอยู่ แต่หากมีการถอนคำร้องในคดีที่ 2 ออกมาเมื่อไร ก็จะต้องมีการดำเนินการทางเอกสาร ซึ่งคงต้องใช้เวลาบ้าง และขึ้นอยู่กับสนธิสัญญาระหว่างประเทศไทยกับสหรัฐ
เขาบอกว่า คดีนี้ไม่ได้เข้าสู่กระบวนการของศาล เมื่อมีการถอนคำร้องก็สามารถยุติกระบวนการได้ ซึ่งส่วนตัวคิดว่า 1-2 วันน่าจะมีการยื่นเรื่องเพื่อถอนคำร้องดังกล่าว และถ้ามีการยื่นถอนคำร้องก็ต้องมีขั้นตอนของเอกสาร ซึ่งจะมีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ อัยการสูงสุด ฝ่ายคดีการต่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ กรมราชทัณฑ์และตำรวจ แต่ขณะนี้ทั้งหมดยังไม่มีขั้นตอนดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีข่าวว่าทางสหรัฐส่งเครื่องบินมารอรับนายวิคเตอร์ที่สนามบินดอนเมือง ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร นายปณิธานกล่าวว่า ยังไม่ได้รับแจ้งอย่างเป็นทางการและเครื่องบินที่เข้ามายังสนามบินดอนเมืองขึ้นลงแบบเช่าเหมาลำ ดังนั้นเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่หากเป็นเรื่องของการเตรียมการก็อาจจะเป็นไปได้ แต่ยังไม่ได้รับแจ้งอย่างเป็นทางการ
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1516 ครั้ง