วันที่ 24ส.ค.ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติแต่งตั้งนายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม อธิบดีกรมสรรพสามิต เป็นปลัดกระทรวงการคลังคนใหม่แทนนายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธ์ ที่เกษียณอายุราชการ พร้อมกับแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการชุดใหญ่ โดยโยกนายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ อธิบดีกรมบัญชีกลาง มาดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสรรพสามิต และแต่งตั้งนายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ผู้ตรวจราชการเป็นอธิบดีกรมบัญชีกลางแทน
อารีพงศ์
โยกย้ายนายสมชัย สัจจพงษ์ อธิบดีกรมศุลกากร เป็นผู้อำนวยสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ แทนที่นางสาวสุภา ปิยะจิตติ ที่ได้รับการแต่งตั้งกลับไปดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงการคลังอีกครั้ง และแต่งตั้งนายประสงค์ พูนธเนศ ผู้ตรวจราชการ เป็นอธิบดีกรมศุลกากรแทน
นอกจากนี้ยังแต่งตั้งนายวินัย วิทวัสการเวช อธิบดีกรมสรรพากร เป็นอธิบดีกรมธนารักษ์ แทนที่นายเทวัญ วิชิตะกุล ที่โยกย้ายไปเป็นผู้ตรวจราชการ และแต่งตั้งนายสาธิต รังคศิริ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ไปดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสรรพากรแทนนายวินัย
สำหรับตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลังนั้นได้แต่งตั้งนายนริศ ชัยสูตร รองปลัดกระทรวงการคลังไปดำรงตำแหน่งแทนนายสาธิต
นอกจากนี้ยังแต่งตั้งนายสมชาย พูนสวัสดิ์ ผู้ตรวจราชการเป็นรองปลัดกระทรวงการคลัง นายประสิทธิ์ สืบชนะ ที่ปรึกษากรมธนารักษ์ เป็นผู้ตรวจราชการ และแต่งตั้งนายมนัส แจ่มเวหา ที่ปรึกษากรมบัญชีกลาง เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง
ด้าน นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง กล่าวว่านายอารีพงศ์ เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในแวดวงราชการ รัฐวิสาหกิจ รวมไปถึงแวดวงธุรกิจทั่วไป เนื่องจากเคยมีประสบการณ์จากหลายหน่วยงานที่มีความสำคัญในกระทรวงการคลัง ที่มีประสบการณ์ยาวนานที่สุด คือ สำนักรัฐวิหกิจ ในฐานะผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการปฏิรูปการทำงาน และยกระดับประสิทธิภาพการทำงานของรัฐวิสาหกิจมาแล้วหลายหน่วยงาน เช่น กรมสรรพสามิต เป็นต้น ถือว่ามีความพร้อมในการดำรงปลัดกระทรวง
“ผมรู้จักนายอารีพงศ์ มาหลายปี และเป็นที่ยอมรับโดยเพื่อนข้าราชการด้วยกัน ทั้งภายในกระทรวงและนอกกระทรวง มีความอาวุโส รวมไปถึงรอบรู้เศรษฐกิจมหภาค แต่ไม่ใช่ตัวเลือกที่มีอาวุโสสูงสุด แต่ยืนยันความต้องการของประชาชนในปัจจุบันมีความเร่งด่วน ระดับอาวุโสมีความสำคัญ แต่ไม่สามารถนำมาใช้เป็นเกณฑ์ที่สำคัญที่สุดในการพิจารณาความเหมาะสมของบุคคล ในแต่ละตำแหน่ง ต้องวัดจากความรู้ความสามารถ ความตั้งใจ น่าจะเหมาะสมที่สุด”นายกรณ์กล่าว
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1621 ครั้ง