โผทหารไม่พลิก “ประยุทธ์” ผงาดนั่ง ผบ.ทบ.ตามคาด พร้อมดัน”ดาว์พงษ์” เพื่อนซี้เข้า 5 เสือ ทบ.นั่ง เสธ.ทบ. ขณะที่ “คณิต-ทนงศักดิ์”วืดเก้าอี้ 5 เสือ ทบ.ถูกเตะนั่งประจำอัตรา พล.อ. ส่วน “ยุทธศิลป์””ม้ามืดเสียบเก้าอี้ ผู้ช่วยผบ.ทบ. ย้ายใหญ่ 4 กองทัพภาค นายพลหญิงใหม่ 21 คน ฮืออา “น้องสาวอนุพงษ์”และ”เมียดาว์พงษ์”ได้ดีเป็นนายพล
วันที่ 2 กันยายน เวลา 12.00 น. มีประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องให้นายทหารรับราชการ โดยมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้นายทหารรับราชการสนองพระเดชพระคุณ จำนวน 550 นาย ประกาศ ณ วันที่ 2 กันยายน 2553 โดยมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ทั้งนี้ มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป ซึ่งการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รองผู้บัญชาการทหารบก ได้ขยับขึ้นเป็นผู้บัญชาการทหารบก คนที่ 37 แทน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบกคนที่จะเกษยีณในปลายเดือนกันยายนนี้ตามคาด
สำหรับบัญชีรายชื่อการแต่งตั้งโยกย้ายในตำแหน่งสำคัญน่าสนใจ มีดังนี้ กระทรวงกลาโหม พล.ต.นภนต์ สร้างสมวงษ์ นายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำ รมว.กลาโหม ซึ่งเป้นนายทหารคนสนิท พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นหัวหน้าสำนักงานรัฐมนตรี ส่วนสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.กิตติพงษ์ เกษโกวิท รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ตท.8) ที่มีความสนิทกับ พล.อ.ประวิตร ถูกโยกข้ามห้วยจากกองบัญชาการกองทัพไทยมาเป็นปลัดกระทรวงกลาโหมแทน พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหมที่เกษียณในสิ้นเดือนกันยายนนี้ โดยมีพล.อ.อ.อภิสิทธิ์ จุลโมกข์ ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพอากาศ พล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนกระทรวงกลาโหม และ พล.ร.อ.รพล คำคล้าย เสนาธิการทหารเรือ เพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร 10 เป็นรองปลัดกระทรวงกลาโหม พล.ท.สกนธ์ สัจจานิตย์ เป็นเจ้ากรมเสมียนตรา พล.ท.ชัยรัตน์ ชีระพันธุ์ เป็นเจ้ากรมพระธรรมนูญ
ส่วนกองบัญชาการกองทัพไทย มีการขยับให้ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ประธานคณะที่ปรึกษากองบัญชาการกองทัพไทย (ตท.12) ขยับมาเป็นเสนาธิการทหาร เพื่อรอจ่อคิวเป็น ผบ.ทหารสูงสุด ต่อจาก พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.ทหารสูงสุด ที่จะเกษียณอายุราชการในปี 2554 นอกจากนี้ ยังมีการโยก พล.อ.พิรุณ แผ้วพลสง เสนาธิการทหารบก (ตท.10) มาเป็นรอง ผบ.ทหารสูงสุด และมี พล.อ.อ.คณิต สุวรรณเนตร ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารอากาศ มาเป็นรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ (ตท.11) ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (นทพ.) เป็นประธานคณะที่ปรึกษากองบัญชาการกองทัพไทย และขยับให้ พล.ท.ดุลกฤต รักษ์เผ่า รอง ผบ.นทพ. (ตท.10) เป็นผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา พล.ท.เชาวฤทธิ์ ประภาจิตร จเรทหาร เป็นผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายสากล ขณะเดียวกัน ได้ปรับเปลี่ยนเจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร โดยโยก พล.ท.นิพัทธ ทองเล็ก (ตท.14) มาเป็นที่ปรึกษาสถาบันวิชาการป้องกันประเทศ และให้ พล.ท.วิศณุ ศรียะพันธ์ เป็นเจ้ากรมกิจการชายแดนทหารแทน
ด้านกองทัพบกเป็นไปตามคาด พล.อ.อนุพงษ์ ขยับให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รองผู้บัญชาการทหาร (ตท.12) เป็นผู้บัญชาการทหารบกคนที่ 37 ตามคาด โดยมี พล.อ.ธีระวัฒน์ บุณยะประดับ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก (ตท.10) เป็นรองผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก (ตท.11) เป็นประธานคณะที่ปรึกษากองทัพบก พล.ท.พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่ 4 (ตท.11) พล.ท.ยุทธศิลป์ โดยชื่นงาม ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ (นปอ.) (ตท.11) เป็น ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก และขยับเพื่อนร่วมรุ่น (ตท.12) พล.ท.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รองเสนาธิการทหารบก เป็นเสนาธิการทหารบก หลังจากโชว์ผลงานยอดเยี่ยมจากการรับผิดชอบงานยุทธการวางแผนกระชับพื้นที่จากเหตุการณ์ช่วงการชุมนุมของคนเสื้อแดง เมื่อเดือนเมษายนถึงเดือนพฤษาคมที่ผ่านมา
ขณะที่ระดับกองทัพภาคมีการปรับเปลี่ยน โดย พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 (ตท.13) และพล.ท.ทนงค์ศักดิ์ อภิรักษ์ โยธิน แม่ทัพภาคที่ 3 (ตท.11) ถูกปรับนั่งตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษกองทัพบก อัตราพลเอก ทั้งที่ก่อนหน้านี้คาดหมายว่าจะถูกขยับขึ้นมาดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการ ทหารบก โดยเฉพาะ พล.ท.คณิต ที่เป็นสายบูรพาพยัคฆ์ และมีผลงานจากการแก้ไขเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมืองถึง 2 ครั้ง คือ เหตุการณ์ เม.ย.ในช่วงปี 2552 และ 2553 อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประวิตร ได้มีสัญญาใจกับ พล.ท.คณิต ว่าจะให้มาดำรงตำแหน่งอยู่ในไลน์ 5 เสือ ทบ.ในปี 2554
นอกจากนี้ พล.อ.อนุพงษ์ ยังได้มีการปรับเปลี่ยน แม่ทัพภาคทั้ง 4 โดยมีการขยับให้ พล.ต.อุดมเดช สีตบุตร รองแม่ทัพภาคที่ 1 (ตท.14) เป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ซึ่งถือว่า พล.ต.อุดมเดช เป็นรุ่นน้องสายบูรพาพยัคฆ์อีกคนที่ถูกคาดหมายว่าจะได้ดำรงตำแหน่งหลักในกองทัพในการโยกย้ายต่อไป ส่วน พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร รองแม่ทัพภาคที่ 2 (ตท.12) เป็นแม่ทัพภาคที่ 2 พล.ท.วรรณทิพย์ ว่องไว แม่ทัพน้อยที่ 3 (ตท.12) เป็นแม่ทัพภาคที่ 3 และพล.ต.อุดมชัย ธรรมาสาโรรัชต์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 (ตท.13) เป็น แม่ทัพภาคที่ 4 เบียดแคนดิเดตที่ พล.อ.ประยุทธ์ หวังจะให้เพื่อนร่วมรุ่น พล.ต.อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์ หัวหน้าคณะประสานงานความสัมพันธ์ไทย-มาเลเซีย (ตท.12) ขึ้นมาดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 4 แต่สุดท้ายก็ได้แค่ที่ปรึกษากองทัพบก และมี พล.ต.ยอดยุทธ บุญญาธิการ รอง ผบ.นปอ. (ตท.12) เป็น ผบ.นปอ. ส่วน พล.ต.อำพน ชูประทุม ผู้บัญชาการกองพลปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน (ปตอ.) (ตท.12) เป็น ผู้ช่วยเสนาธิการทหารบกฝ่ายกำลังพล โดยโยก พ.อ.สำเริง สามดาว เป็น ผบ.ปตอ.แทน
ผู้สื่อข่าวรายงาน การแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้มีนายพลหญิงใหม่รวม 21 คน ประกอบด้วย สำนักปลัดกระทรวงกลาโหม 5คน กองบัญชาการกองทัพไทย 2 คน กองทัพบก 9 คน กองทัพเรือ 4 คน กองทัพอากาศ 1 คน
ทั้งนี้ พ.อ.หญิงอรุณวรรณ เผ่าจินดา น้องสาวของ พล.อ.อนุพงษ์ เป็น ผู้ชำนาญกองทัพบก โดยพ.อ.หญิงสุพัตรา ภริยาของพล.ท.ดาวพงษ์ รัตนสุวรรณ ขึ้นมาในตำแหน่งเสธ.ทบ.เช่นกัน