องอาจ”เล่นบททูตสำเร็จ พบ “ฮุนเซน”คุยกระชับความสัมพันธ์ 2 ประเทศ เผยชม “มาร์ค”เป็นนายกฯที่แข็งแกร่ง พร้อมปิดห้องคุยทุกเรื่องในการประชุมสมัชชาสหประชาชาติที่นิวยอร์ค 24 ก.ย.นี้
อภิสิทธิ์พร้อมเคลียร์ ปลายปีวันที่ 3 กันยายน เวลา 14.10 น.นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเดินทางไปประเทศกัมพูชา เพื่อพบสมเด็จฯฮุน เซน นายกรัฐมนตรี ของกัมพูชา เมื่อวันที่ 2 กันยายน ที่ผ่านมา ว่า เป็นการเดินทางไปเพื่อพบกับสมเด็จฮุน เซน เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่าง ไทย-กัมพูชา ซึ่งในการพบกันฮุน เซน ได้เชิญนายซก อัน รองนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา และรัฐมนตรีด้านการข่าวสารของกัมพูชา มาร่วมหารือด้วย
ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าฮุน เซน ปฏิเสธที่จะพบกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในเวทีการประชุมสุดยอดเอเชีย-ยุโรป หรืออาเซม ที่ประเทศเบลเยียม ในเดือน ต.ค.นี้ เป็นความคลาดเคลื่อนเพราะ ฮุน เซน พูดกับตนว่า ไม่ต้องรอให้ถึงการประชุมอาเซม แต่ใกล้ๆนี้จะมีการประชุมสมัชชาใหญ่องค์การสหประชาชาติ ที่สหรัฐอเมริกา นครนิวยอร์ค ในวันที่ 24 กันยายนนี้ จะให้มีการปิดห้องคุยกันทุกเรื่องได้เต็มที่
“สมเด็จฮุน เซน บอกว่านายอภิสิทธิ์ เป็นคนหนุ่ม มีคุณลักษณะที่ดีมาก ไม่ต้องกังวลว่าใครจะมากล่าวว่าเป็นนายกฯที่อายุยังน้อย เพราะฮุน เซน ก็เป็นนายกฯตั้งแต่อายุ 32 ปี และเชื่อว่านายอภิสิทธิ์ จะเป็นนายกฯได้นาน เพราะผ่านวิกฤตมาซึ่งได้พิสูจน์แล้วว่ามีความแข็งแกร่ง”นายองอาจ กล่าว
ส่วนข้อสรุปจากการหารือกันได้ข้อตกลง 3 ข้อร่วมกันคือ 1. กัมพูชาจะส่งนักข่าวมาทำงานในประเทศไทย และจะส่งนักข่าวไทยไปทำงานในกัมพูชาด้วย เป็นการแลกเปลี่ยนการเดินทาง 2. .ให้มี Hot Line สายตรงระหว่างตนกับรวต.ของกัมพูชาได้ทันที เนื่องจากหลายครั้งที่เกิดความเข้าใจผิดในข้อมูลข่าวสาร 3. จัดกิจกรรมเชิญศิลปินของไทยไปร่วมคอนเสิร์ต
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทั้งประเทศไทยและกัมพูชาต่างมีความตั้งใจที่จะพูดคุยทำความเข้าใจต่อกัน โดยเชื่อว่าจะสามารถใช้เวทีการประชุมต่างๆ ในการพบปะพูดคุยกันได้ ซึ่งอาจจะเป็นเวทีการประชุมเอเชีย-ยุโรป (Asia-Europe Meeting) หรือASEM ในช่วงต้นเดือนหน้า
“ผมและสมเด็จฮุนเซน มีโอกาสพบปะกันหลายเวที ซึ่งจะถือโอกาสนี้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอยู่แล้ว และมีความตั้งใจจะพูดคุยกันในเวทีต่างๆ ที่จริงคงใช้เวลาไม่นานมาก อย่างที่ ASEM ก็ต้นเดือนหน้า แต่เดือนนี้ทั้งเดือนภารกิจแน่นกันทั้ง 2 ฝ่าย” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ทั้งนี้ หลังจากที่นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปพบกับรัฐบาลกัมพูชานั้น นายกรัฐมนตรี เชื่อว่าจะมีส่วนช่วยแก้ปัญหาการได้รับข้อมูลข่าวสารที่มีความคลาดเคลื่อนระหว่าง 2 ประเทศได้
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการออกแถลงการณ์ของพรรคเพื่อไทยที่ต้องการสร้างความสมานฉันท์ว่า ถือเป็นเป็นเจตนารมย์ที่ดีของพรรคเพื่อไทยที่ต้องการให้ทุกฝ่ายร่วมเดินหน้าเข้าสู่กระบวนการปรองดองให้เกิดขึ้น แต่การเดินหน้าสมานฉันท์ในครั้งนี้คงจะไม่ถึงขั้นจัดตั้งรัฐบาลร่วมกันระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทย พร้อมย้ำว่า หากจะมีการพูดคุยกันต้องไม่มีเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น อีกทั้งจะต้องไม่นำเรื่องคดีความเข้ามาเกี่ยวข้อง
“ผมว่าอย่าเพิ่งไปไกลถึงขั้นเปลี่ยนแปลงทางการเมือง…ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งรัฐบาล แต่เป็นการทำงานในระบบการเมือง ระบบสภา ซึ่งการทำงานในระบบรัฐสภาจะต้องมีฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายการเมือง” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี ระบุว่า หากฝ่ายค้านมีความตั้งใจจริงจะช่วยแก้ไขปัญหา ก็อยากให้มาช่วยรัฐบาลด้วยการไม่ทำให้เกิดความรุนแรง และไม่ทำให้เกิดความเคลื่อนไหวที่ขัดกับข้อกฎหมาย พร้อมเรียกร้องให้พรรคเพื่อไทยตัดขาดกับเครือข่ายที่เคลื่อนไหวทางการเมืองในขณะนี้ อย่างไรก็ดี นายกรัฐมนตรีจะขอฟังข้อเสนอที่เป็นรูปธรรมที่ชัดเจนจากพรรคเพื่อไทยก่อน
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 999 ครั้ง