ในหลวง-พระราชินีทรงห่วงใยราษฎรประสบปัญหาน้ำท่วม รับสั่งรัฐ บาลเร่งช่วยเหลือ โคราชอ่วม 400 หลังคาเรือนจมน้ำ ชาวบ้านในหมู่บ้านหรูประกาศขายบ้านทิ้งหนีปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากแล้วหลายหลัง จี้ภาครัฐเร่งแก้ปัญหา ขู่ยึดศาลากลางโคราชเป็นที่หลับนอน ส่วนปทุมธานีพายุถล่มหลังคาหมู่บ้านพังเสียหายกว่า 60 หลังคาเรือน
ผลจากร่องมรสุมที่เลื่อนขึ้นพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทย ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนตกชุกต่อเนื่องจนส่งผลให้เกิดปัญหาน้ำท่วมหลายจังหวัด
ที่ จ.พิจิตร พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรีพร้อมด้วยนายชลิต ดำรงศักดิ์ อธิบดีกรมชลประทาน และนายประณีต ร้อยบาง รองอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลงพื้นที่ ต.วังตะกู อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำท่วมพื้นที่ อ.บางมูลนาก หลังได้รับผลกระทบน้ำป่าไหลหลากจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ผ่านทาง อ.ทับคล้อ ก่อนจะไหลลงสู่แม่น้ำน่านที่ อ.บางมูลนาก
พล.ต.สนั่นกล่าวว่า ได้สั่งการให้กรมชลประทานเพิ่มการระบายน้ำที่เขื่อนเจ้าพระยาให้มากขึ้น เพื่อให้ระบายน้ำ ปิง วัง ยม น่าน ลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา และระบายลงสู่ทะเลต่อไป
รองนายกรัฐมนตรียังอัญเชิญพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถว่า ทั้งสองพระองค์ทรงมีรับสั่งเป็นห่วงราษฎรที่ถูกน้ำท่วมมาก และได้ทรงให้แนวทางมากับรัฐบาลว่าให้เร่งช่วยเหลือเยียวยาทุกวิถีทาง อีกทั้งยังให้ประสานกับมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ และมูลนิธิต่างๆ ของเชื้อพระวงศ์ให้ออกแจกจ่ายช่วยเหลือราษฎร ซึ่งนับเป็นน้ำพระราชหฤทัยที่เปี่ยมล้นจากความเมตตาสู่พสกนิกรของพระองค์ทุกหมู่เหล่าอีกด้วย
ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมจังหวัดอื่นๆ นั้น เมื่อวันที่ 4 กันยายน บ้านเรือนกว่า 400 หลังในพื้นที่ 3 หมู่บ้านของ ต.หนองบัวศาลา อ.เมือง จ.นครราชสีมา ได้แก่ หมู่ 2 บ้านหนองตะลุมปุ๊กเก่า จำนวน 50 หลังคาเรือน, หมู่ 8 บ้านหนองตาคง จำนวน 60 หลังคาเรือน และหมู่ 10 บ้านจามจุรี กว่า 300 หลังคาเรือน ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำที่ไหลเอ่อเข้าท่วมบ้านเรือน ชาวบ้านต้องพากันขนสิ่งของขึ้นไว้ที่สูง ขณะที่ อบต.หนองบัวศาลา และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 5 ใช้เครื่องสูบน้ำสูบน้ำออกแต่ก็ไม่ได้ผลเพราะปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากมีฝนตกลงมาต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงบ่ายวันที่ 3 กันยายน ระดับน้ำท่วมสูง 70 เซนติเมตรถึง 1.20 เมตร รถยนต์หลายคันจมอยู่ในน้ำ ชาวบ้านสัญจรไปมาด้วยเรือท้องแบนของกองทัพภาคที่ 2
นอกจากนี้น้ำยังเอ่อท่วมถนนสายราชสีมา-โชคชัย ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร ทำให้การจราจร ติดขัดอย่างหนัก อบต.หนองบัวศาลาได้ขอให้แขวงการทางนครราชสีมา นำรถขุดตักมาทลายเกาะกลางถนน เพื่อเปิดทางให้น้ำระบายไปอีกฝั่ง ขณะที่น้ำไหลเอ่อเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรบ้านหนองตาคง ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านจามจุรีและบ้านหนองตะลุมปุ๊กหลายหลังติดประกาศขายบ้านในราคาถูกเพื่ออพยพหนีน้ำท่วม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พื้นที่ที่ได้รับความเสียหายมากที่สุดคือ บ้านหนองตะลุมปุ๊ก หมู่ 2, บ้านหนองตาคง หมู่ 8 โดยเฉพาะหมู่ 10 ซึ่งเป็นที่ตั้งโครงการบ้านจัดสรรจามจุรี เลควิว ที่มีแต่บ้านจัดสรรราคาเกิน 1 ล้านบาทขึ้นไป ถูกน้ำท่วมขังระดับสูงกว่า 80 เซนติเมตร ได้รับความเสียหายมากที่สุด 115 หลังคาเรือน ระบบสาธารณูปโภคไม่สามารถใช้การได้เลย ผู้พักอาศัยบางส่วนอพยพหนีน้ำท่วมไปขอพักอาศัยอยู่กับญาติพี่น้องชั่วคราว บางส่วนเกรงว่าจะมีคนร้ายฉวยโอกาส ลักลอบโจรกรรมทรัพย์สินจึงไม่ยอมหนีไปไหน ต่อมาช่วงบ่าย ลูกบ้านในโครงการเริ่มโทรศัพท์ติดต่อ เพื่อนัดรวมตัวประท้วงเจ้าของโครงการ และร้องขอความเป็นธรรมไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เมื่อเวลา 14.00 น. วันเดียวกัน ชาวบ้านที่อาศัยหมู่บ้านจามจุรี เลควิว ได้ช่วยกันหาม พ.ท.สายันต์ พลตื้อ เสนาธิการมณฑลทหารบกที่ 21 กองทัพภาคที่ 2 ค่ายสุรนารี ส่งโรงพยาบาลโคราชเมโมเรียล ถ.สุรนารี ต.ในเมือง อ.เมือง โดยมีนางปาลิตา พลตื้อ ผู้พิพากษาสมทบศาลเยาวชนและครอบครัว จ.นครราชสีมา ภรรยาคอยติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเกิดหน้ามืดเป็นลมในระหว่างที่ช่วยกันอพยพประชาชน และเคลื่อนย้ายสัมภาระสิ่งของออกจากหมู่บ้าน เบื้องต้นแพทย์ระบุว่า มีอาการผิดปกติเกี่ยวกับเส้นเลือดภายในสมอง อาการลิ้นแข็ง อาการเกร็งตามท่อนแขนและขา แต่ยังมีสติสามารถรับรู้และตอบสนองได้ สาเหตุน่าจะเกิดจากภาวะเครียดและพักผ่อนไม่เพียงพอ แพทย์ให้ พ.ท.สายันต์พักรักษาอาการเป็นเวลา 3-4 วัน
นางปลิตากล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า สมาชิกทุกคนในหมู่บ้านให้ความไว้วางใจ พ.ท.สายันต์ ซึ่งเป็นแกนนำในการเรียกร้องขอความช่วยเหลือจากภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ช่วงที่เกิดปัญหา สามีได้ออกไปช่วยเหลือประสานงานหน่วยงานต่างๆ รวมทั้งยังลงไปช่วยประชาชนด้วยตัวเอง เพื่อเร่งอพยพสัมภาระข้าวของให้ทันเวลาก่อนที่น้ำจะเอ่อล้นทำลายจนเสียหาย ส่งผลให้ไม่ได้พักผ่อนอย่างเพียงพอจึงล้มป่วยลง
“ที่ผ่านมาหมู่บ้านจามจุรี เลควิว ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาที่เกิดซ้ำซากจนเกินความอดทน เคยยื่นเรื่องร้องเรียน สคบ. และ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2552 เป็นระยะเวลากว่า 1 ปีแล้ว ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ ทั้งสิ้น มีเพียงแค่เรียกประชุมทำความเข้าใจระหว่างผู้ประกอบการ กับผู้บริโภคเพียง 2 ครั้งเท่านั้น และก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้เลย เกรงว่าเราจะไม่ได้รับความเป็นธรรมจากหน่วยงานที่ร้องเรียนไป อย่างไรก็ตาม เราไม่ต้องการมีเรื่องขัดแย้งทางข้อกฎหมายกับใครทั้งสิ้น เพียงแต่ต้องการให้ผู้ประกอบการและหน่วยงานที่รับผิดชอบได้โปรดใช้หลักคุณธรรม มีความเห็นใจประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนบ้าง หากหมู่บ้านของเราได้รับความเสียหายจนไม่สามารถอยู่อาศัยได้ ชาวบ้านจะรวมตัวกันนำสัมภาระข้าวของไปปักหลักที่ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา” นางปลิตากล่าว
นายจำเริญ เปล้ากระโทก นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองบัวศาลา อ.เมือง จ.นครราชสีมา กล่าวว่า สถานการณ์น้ำท่วมในปีนี้ถือว่าวิกฤติกว่าทุกปีที่ผ่านมา ขณะนี้ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือชาวบ้านอย่างเร่งด่วนแล้ว ส่วนกระสอบทรายที่แจกให้ประชาชนก็ไม่สามารถช่วยเหลือได้ เนื่องจากปริมาณน้ำสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว
ส่วนการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ต.หนองบัวศาลา ระยะยาวนั้น ได้ประสานไปยังกองทัพภาคที่ 2, ผู้ว่าราชการจังหวัด และองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา เพื่อของบประมาณสร้างอ่างเก็บน้ำแก้มลิง จำนวน 35 ล้านบาท เพื่อเป็นแหล่งกักเก็บน้ำขนาดใหญ่ป้องกันปัญหาน้ำท่วมที่จะเกิดขึ้นอีก แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ได้รับการตอบสนอง จึงอยากให้หน่วยงานราชการและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเล็งเห็นความสำคัญและความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวด้วย
ที่ จ.ปทุมธานี นายวิระศักดิ์ ฮาดดา นายกองค์การบริหารส่วนตำบลคลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี รับแจ้งจากชาวบ้านว่า เมื่อคืนวันที่ 3 กันยายน ลมพายุฝนพัดกระหน่ำรุนแรงทำให้ฝนตกหนักหลังคาบ้านเปิดไปกับลมเสียหายจำนวนมาก ในหมู่บ้านพฤกษา 9 จำนวน 13 หลังคาเรือน หมู่บ้านพฤกษา 11 จำนวน 28 หลังคาเรือน หมู่บ้านพฤกษา 12 จำนวน 19 หลังคาเรือน และหมู่บ้านไทยสมบูรณ์ จำนวน 5 หลังคาเรือน ขณะนี้ได้ให้ฝ่ายกองช่างพร้อมสมาชิก อบต.ออกสำรวจความเสียหาย ซึ่งจะได้ช่วยเหลือทุกหลังคาเรือนต่อไป
ส่วนที่ ต.คลองสี่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี น้ำเอ่อล้นคลองเข้าพื้นที่ทำนาข้าว โดยเฉพาะที่หมู่ 13, 14, 15 และหมู่ 16 นาข้าวหลายร้อยไร่ได้รับความเสียหาย
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 2655 ครั้ง