ส.ว.รุมถล่ม รบ.จัดงบฯเอาใจ กห.-มท. ปูดข่าวรัฐบาลล็อบบี้หวังเข็นให้ผ่าน โจมตี ภท.หนัก สร้างรอยด่าง ทั้งโครงการเช่ารถเมล์-ขยายสนามบิน-รถไฟฟ้า การแต่งตั้ง-โยกย้าย ขรก. นายกฯยันไม่ปล่อยโครงการฉาวผ่านง่ายๆ “โสภณ” แจงโปรเจ็คต์โปร่งใส สายสีม่วงประหยัด 6 พันล้าน
วันที่ 6 กันยายน เวลา 10.00 น.
นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุมวุฒิสภาเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2554 วงเงิน 2.07 ล้านล้านบาท ซึ่งสภาผู้แทนราษฎรลงมติเห็นชอบแล้ว ก่อนเริ่มพิจารณานายประสพสุขแจ้งว่า มี ส.ว.ขออภิปรายจำนวนมากจึงกำหนดวันประชุม วันที่ 6 และ 7 กันยายน และมีการถ่ายทอดสดการประชุมทางสถานีวิทยุโทรทัศน์รัฐสภาและสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีช่อง 11นายพิเชต สุนทรพิพิธ ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2554 วุฒิสภา รายงานสรุปภาพรวมงบ 2.07 ล้านล้านบาท แบ่งเป็น รายจ่ายประจำ 1,662,604.2 ล้านบาท รายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลัง 30,346.1 ล้านบาท รายจ่ายลงทุน 334,495.1 ล้านบาท รายจ่ายชำระคืนต้นเงินกู้ 32,554.6 ล้านบาท สภาผู้แทนฯปรับลด 33,449,343,100 บาท จัดสรรเพิ่มโดยคณะรัฐมนตรี (ครม.) เสนอ 32,844,484,100 บาท หน่วยงานเสนอ กมธ.วิสามัญพิจารณางบฯของสภาผู้แทนราษฎรโดยตรง 604,859,000 บาท รวมปรับเพิ่มเท่ากับจำนวนปรับลด และมีการเปลี่ยนแปลงงบประมาณ 649,528,100 บาท
กมธ.จี้วางยุทธศาสตร์แก้เหลื่อมล้ำ
นายพิเชตกล่าวว่า กมธ.พิจารณาแล้วมีข้อสังเกต 2 ส่วน คือ 1.นโยบายและภาพรวมการจัดทำงบประมาณ และ 2.การจัดสรรงบประมาณจำแนกตามกระทรวงและหน่วยงานต่างๆ มีประเด็นสำคัญ อาทิ การจัดทำงบฯ เป็นแบบขาดดุล โดยต้องกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณจำนวน 4.2 แสนล้านบาท ทำให้สัดส่วนของหนี้สาธารณะต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) เพิ่มจากร้อยละ 42 เป็น ร้อยละ 52 แม้ว่ายังไม่เต็มเพดานเงินกู้ที่ร้อยละ 60 แต่ถ้าอัตรานี้เพิ่มขึ้นทุกปี อาจมีปัญหาในการจัดทำงบประมาณในปีต่อๆ ไป จึงควรให้กระทรวงการคลังพิจารณาการปรับโครงสร้างภาษีของประเทศอย่างจริงจัง และเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการจัดเก็บภาษีเพื่อลดการพึ่งพาเงินกู้และให้งบประมาณเข้าสู่สมดุลโดยเร็ว นอกจากนี้ รัฐบาลควรปรับปรุงโครงสร้างสัมปทานจากทรัพยากรธรรมชาติในอัตราที่เหมาะสมเพื่อให้มีรายได้เพิ่มอย่างน้อย 4 เท่า เนื่องจากปี 2554 มีรายได้จากส่วนนี้เพียง 3.78 หมื่นล้านบาทจากรายได้ 1.65 ล้านล้านบาท
นายพิเชตกล่าวว่า นโยบายรัฐบาลที่มุ่งสร้างความเข้มแข็งแก่รากหญ้า พบว่า การจัดสรรงบยังมิได้จัดสรรเพื่อตอบสนองแนวนโยบาย แต่ไปมุ่งเน้นพัฒนาด้านเศรษฐกิจเป็นหลักโดยหวังว่า หากเศรษฐกิจดีแล้วรากหญ้าจะดีไปด้วย แต่ กมธ.เห็นว่า ไม่มีหลักประกันใดที่จะเป็นเช่นนั้น จึงควรกำหนดยุทธศาสตร์ที่มุ่งเน้นสู่รากหญ้าเป็นหลัก และพัฒนาคุณภาพชีวิตโดยบูรณาการร่วมกับจังหวัดและท้องถิ่นโดยทำแผนอย่างเป็นระบบเพื่อลดปัญหาความเหลื่อมล้ำของรายได้ของเมืองและชนบท
ส.ว.โวยรบ.ล็อบบี้-ยันขวางแน่
นายประเสริฐ ประคุณศึกษาพันธุ์ ส.ว.ขอนแก่น กล่าวว่า การจัดสรรงบฯปีนี้พบว่า กระทรวงกลาโหมได้รับ 1.68 แสนล้านบาท ถือว่ามากเป็นอันดับต้น เหมือนเอาใจกองทัพที่คอยช่วยเหลือในช่วงการชุมนุมที่ผ่านมา ขณะที่กระทรวงมหาดไทยก็เช่นกัน ได้รับจัดสรร 2.3 แสนล้านบาท ท่ามกลางกระแสข่าวงบฯกระจุกตัวในบางพื้นที่และข่าวการซื้อตัว ส.ส.เข้าพรรคที่ดูแลกระทรวงนี้อยู่พอดี จึงน่าสงสัยว่า การจัดสรรงบฯปีนี้ เหมือนเป็นงบฯที่จัดสรรเพื่อเตรียมการเลือกตั้ง ซึ่งทั้งเรื่องการปล่อยปละและการจัดสรรงบฯ สะท้อนว่า กฎเหล็ก 9 ข้อของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กำลังกลายเป็นสนิมเหล็ก
“นอกจากนั้น มีความพยายามจากรัฐบาลจะล็อบบี้ ส.ว.ให้ผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ แต่ผมไม่ให้ผ่านแน่ เพราะรัฐบาลนี้ยังมองข้ามศีรษะของ ส.ว.และประธานวุฒิสภาโดยเฉพาะที่วุฒิสภาพยายามมาเป็นคนกลางช่วยเจรจาลดความสูญเสียช่วงเมษายน-พฤษภาคมและนายกฯก็ได้รับปากกับตัวแทนของวุฒิสภา แต่ปรากฏว่า เช้าวันที่ 19 พฤษภาคม ก็มีการใช้กำลังเข้าไปจัดการผู้ชุมนุมจนเกิดการเสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก” นายประเสริฐกล่าว
“มาร์ค” ยันโปร่งใส-ไม่เคยข้ามหัว
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ลุกขึ้นชี้แจงทันทีว่า เรื่องกฎเหล็ก พูดชัดเจนกับ ครม.ว่า จะให้ความสำคัญกับรัฐสภา สิ่งที่ปรากฏคือ รัฐบาลมาตอบกระทู้ถาม มาฟังคำแนะนำของสภาไม่น้อยกว่ารัฐบาลอื่นแน่ ที่บอกว่ามีความไม่โปร่งใสเกิดขึ้น ขอยืนยันว่า ได้กำชับและดูแล ไม่ได้เอาใจใครเพื่อให้ตัวเองได้อยู่ในตำแหน่ง เพราะเมื่อใดก็ตามที่ถึงเวลาที่เหมาะสมจะเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ก็ไม่ปฏิเสธ
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ที่ ส.ว.บอกว่า รัฐบาลไม่ให้เกียรติวุฒิสภานั้น ช่วงเหตุการณ์การชุมนุมเดือนพฤษภาคม ไม่ว่าจะเป็น พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช ส.ว.สรรหา หรือประธานวุฒิสภา ก็พยายามจะช่วยแก้ปัญหา และก็ได้ประสานกับตนตลอด แต่ข้อเสนอของฝ่ายผู้ชุมนุมขณะนั้น ไม่ได้หาทางจะเลิกชุมนุม เพราะเสนอมาว่า ให้ทหารถอยการตั้งด่านออกไปและจะชุมนุมที่ราชประสงค์ต่อ ซึ่งเห็นว่า ก่อนหน้านี้รัฐบาลเสนอแผนปรองดอง 5 ข้อ รวมถึงวันเลือกตั้งไปแล้ว แต่แกนนำบางคนก็ปฏิเสธ บางคนก็ทำท่าตอบรับจึงมีความไม่ชัดเจน ขณะเดียวกัน การชุมนุมที่ผ่านมาเกิดความสูญเสีย มีระเบิดมาตลอด จึงคิดว่า หากปล่อยไปอีกจะเกิดความเสียหายทั้งชีวิต ทรัพย์สิน การท่องเที่ยวมากกว่านี้ การปฏิบัติการของรัฐบาลจึงกระชับพื้นที่โดยรอบ แต่ไม่ได้ดำเนินการที่ใจกลางสถานที่ชุมนุม ฉะนั้น ไม่ได้เป็นเรื่องไม่ให้เกียรติ ส.ว. แต่เป็นเรื่องความพยายามช่วยกันเข้าไปแก้ปัญหาที่ไม่สำเร็จ
รุมจวกจัดงบฯเอาใจกห.-มหาดไทย
ทั้งนี้ ตลอดทั้งวัน ส.ว.หลายคนลุกขึ้นอภิปรายการจัดงบประมาณของรัฐบาลที่ทุ่มเอาใจกระทรวงกลาโหม และกระทรวงมหาดไทย มากจนเกินเหตุ รวมถึงการเกื้อหนุนงบประมาณให้กับกลุ่มทุนที่เป็นเครือข่ายใกล้ชิดรัฐบาล โดยนายชรินทร์ หาญสืบสาย ส.ว.ตาก กล่าวว่า ภาพรวมการจัดงบประมาณมีบางกระทรวงได้งบฯมากเกินเหตุ เช่น กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงกลาโหม ในส่วนกระทรวงกลาโหมที่ได้ไปถึง 1.7 แสนล้านบาท เป็นตัวเลขที่สูงมากเมื่อเทียบกับศักยภาพประเทศไทย การใช้งบฯด้านความมั่นคงมากขนาดนี้จะทำให้งบฯเพื่อนำไปพัฒนาด้านอื่นน้อยลงไป
นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา กล่าวว่า วันก่อนคนสนิทของนายกฯได้กล่าวถึงความฝันว่า อยากเห็นนายกฯเป็นรัฐบุรุษ ถ้านายอภิสิทธิ์กล้าที่จะห้ามปรามและลงโทษการดำเนินการโครงการรัฐที่ไม่ถูกต้อง ก็จะสามารถเป็นรัฐบุรุษได้ ถ้ายอมจัดการกับรัฐมนตรีที่ไม่โปร่งใสที่เป็นรอยด่าง อย่างโครงการรถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน ซึ่งทั้งประเทศเห็นแล้วถึงปัญหาความไม่โปร่งใส ซึ่งวันนี้นายอภิสิทธิ์มอบรองนายกฯไปศึกษา ดังนั้น ด้วยความเป็นห่วงว่า ถ้าอีก 2 เดือน โครงการนี้อนุมัติออกมา รัฐบาลจะอยู่ไม่ได้ เพราะคนมองโครงการนี้ไม่โปร่งใส
สงสัยมีวาระตั้งงบฯเอื้อการเมือง
นายอโณทัย ฤทธิปัญญาวงศ์ ส.ว.สรรหากล่าวว่า หากวุฒิสภาอนุมัติร่าง พ.ร.บ.งบประมาณดังกล่าว ก็จะเป็นการนำพาประเทศไทยไปสู่ความเสี่ยง เพราะการจัดทำงบประมาณครั้งนี้ต้องกู้เงินมา และเป็นการจัดทำงบฯแบบเพิ่มรายจ่ายประจำขึ้นจากเดิมเป็นจำนวนมากเกินความจำเป็น และเป็นการเพิ่มเพื่อทางการเมืองมากกว่าความจำเป็นของประเทศ ซึ่งจะเป็นการผูกมัดและพันธนาการระบบงบประมาณของประเทศ ที่ต้องตั้งงบฯแบบนี้ไปตลอด ตั้งแต่รัฐบาลชุดนี้เข้ามาบริหารประเทศ ได้เพิ่มภาระและหนี้สินให้กับชาติมากขึ้นเป็นประวัติศาสตร์ถึง 4.2 แสนล้านบาท และขณะนี้มีข้อครหาหนาหูมากว่า การตั้งงบฯครั้งนี้เกิดจากความต้องการของนักการเมืองมากกว่าความจำเป็นของประเทศ
ตีภท.สนามบินยันรถไฟฟ้าสีม่วง
นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา อภิปรายโดยโจมตีโครงการที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของพรรคภูมิใจไทย (ภท.) อย่างกระทรวงคมนาคม และมหาดไทย ว่า เพิร์กจัดอันดับการทุจริตของไทยไว้เป็นอันดับ 5 จาก 16 ประเทศในเอเชีย จึงอยากให้นายกฯติดตามเรื่องนี้ด้วย ตัวอย่าง โครงการรถเมล์เอ็นจีวีที่กระทบถึงความสัมพันธ์ของพรรคร่วมรัฐบาล แต่เชื่อว่านายกฯคงไม่ยอมให้ผ่านง่ายๆ นอกจากนี้ โครงการขยายสนามบินสุวรรณภูมิระยะที่ 2 ก็ไม่มีความจำเป็นเพราะสนามบินดอนเมืองยังใช้ได้ หลายประเทศทั่วโลกก็ใช้สนามบิน 2 แห่ง นอกจากนี้ โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงมีข้อครหาว่าบริษัทของรัฐมนตรีประมูลโครงการไปได้ในราคาที่สูงกว่าคนอื่นถึง 2 หมื่นล้านบาท จริงหรือไม่ที่มีข่าวว่ากระทรวงมหาดไทยใช้อำนาจเรื่องแต่งตั้งโยกย้าย รวมทั้งการนำงบฯที่จะให้ ส.ส.ไปฝากไว้กับผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดต้องฟัง ส.ส. ไม่นับรวมว่ามี ส.ว.บางส่วนก็ไปเกี่ยวข้องด้วย ทั้งหมดเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจากหน่วยงานที่นายกฯกำกับดูแลแม้จะมาจากคนละพรรคการเมืองก็ตาม ไม่นับรวมอดีตหัวหน้าพรรคการเมืองอื่นที่มักไปประชุมสั่งการต่างๆ ด้วยตัวเอง
อภิสิทธิ์ยันไม่ปล่อยโครงการมีกลิ่น
ต่อมานายอภิสิทธิ์ชี้แจงว่า ตลอดชีวิตการทำงานการเมืองยึดถือเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตเป็นสำคัญ ที่ภาคเอกชนวิพากษ์วิจารณ์การทุจริตมีมาก ตนกับเอกชนจะทำงานร่วมกัน โดยแผนปรองดองที่จะดำเนินการ จะมีแผนงานที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาการทุจริตด้วย เพราะการทุจริตจะเกิดไม่ได้ ถ้าไม่ร่วมกันระหว่างการเมือง ราชการ และเอกชน โดยจะมีการรวมตัวของภาคธุรกิจเอกชน แล้วทำข้อตกลงกันว่าจะไม่ติดสินบน สมยอม หรือมารับงานบนพื้นฐานของการทำผิดกฎหมาย วงการธุรกิจที่มีปัญหาเรื่องนี้มากหนีไม่พ้นธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ขณะนี้จะให้วงการรับเหมาไปทำรายละเอียดมาเลยว่าในการรับเหมาก่อสร้าง มีอะไรที่จะทำให้เกิดการทุจริตได้บ้าง ซึ่งจะเร่งรัดให้ออกมาก่อนสิ้นปี
นายกฯกล่าวว่า สำหรับโครงการต่างๆ ที่ว่าทุจริตนั้น หลายครั้งที่เป็นปัญหาก็ไม่ได้ปล่อยผ่านไป โครงการรถเมล์เอ็นจีวีได้มีการดำเนินการให้หน่วยงานที่เป็นกลางไปศึกษา สำหรับการขยายสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 ที่ ครม.อนุมัติหลักการไปไม่ใช่ให้ไปขยายเพิ่ม แต่ยอมรับว่ามีการเสนอขอมาอย่างนั้น แต่ ครม.ให้ไปศึกษาการใช้สนามบินดอนเมือง และเพิ่มจำนวนผู้โดยสารสนามบินให้เพิ่มขึ้น
“ผมไม่ปฏิเสธว่าข่าวคราวมันเยอะ และผมก็ไม่สบายใจที่ได้เห็นข่าวคราวเยอะอย่างนี้ แต่ผมเลือกประโยชน์ประชาชน และขอให้มั่นใจว่าผมจะไม่เลือกไปอุ้มชูในสิ่งที่ผิดแน่นอน” นายอภิสิทธิ์กล่าว
“โสภณ” อ้างโปร่งใสทุกโครงการ
นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ลุกขึ้นชี้แจงว่า ที่พูดถึงเรื่องความโปร่งใส มีการดำเนินการแล้วแต่ไม่เห็นมีใครเอามาพูด เช่น โครงการรถเมล์เอ็นจีวี เป็นครั้งแรกที่ ครม.ให้มีการตั้งกรรมการขึ้นมาศึกษาราคากลางที่มาจากคนนอก ซึ่งกระทรวงคมนาคมรับมาดำเนินการแล้ว ด้านความโปร่งใสก็เอาอัยการสูงสุดมาดูแล ส่วนเรื่องรถไฟฟ้าสายสีม่วง เป็นโครงการที่เกิดก่อนรัฐบาลชุดนี้จะมาดำเนินการ มีการเปิดซองและประมูลกันมาก่อน แล้วรัฐบาลชุดนี้เข้ามาก็ทำให้ประหยัดไปได้ 6 พันล้าน แต่ทำไมมาบอกว่าโกง 6 พันล้าน ที่จริงต้องบอกว่าคนอื่นเตรียมการโกง ไม่ใช่รัฐบาลชุดนี้ เรื่องขยายสนามบินสุวรรณภูมิ ครม.ให้กรอบพัฒนาเท่าที่จำเป็น เนื่องจากอีก 2 ปีจะไม่สามารถรองรับผู้โดยสารได้ ก็ขยายอาคารเพิ่ม และเป็นการลงทุนของรัฐวิสาหกิจที่เป็นเอกชน ส่วนการตรวจสอบทุจริตคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.) ก็ตรวจสอบอยู่แล้ว
ปธ.วุฒิฯไม่เชื่อส.ว.คิดคว่ำงบฯ
สำหรับกรณี ส.ว.ในกลุ่ม 40 ส.ว.ประกาศไม่ให้ความเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯนั้น นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมวุฒิสภาว่า ไม่เคยได้ยินข่าวเลย อาจมีคนพูดกัน แต่ไม่คิดว่าจะมีใครทำเช่นนั้น น่าจะดูเหตุผลและรับฟังคำชี้แจงของรัฐบาลก่อน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ส.ว.บางส่วนระบุว่าอาจไม่ให้ความเห็นชอบ เพราะเกรงเกิดปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อน เนื่องจากมีการบรรจุเรื่องการขึ้นเงินเดือน ส.ส.และ ส.ว.ไว้ด้วย นายประสพสุขกล่าวว่า ถ้าคิดอย่างนี้ปีที่แล้วก็เหมือนกัน ก็มีเรื่องเงินเดือน ส.ส.และ ส.ว. คนโหวตให้ก็ผิดไปแล้วสิ มันไม่เกี่ยวกันเลย เพราะนี่เป็นเรื่องการนำงบฯ 2 ล้านล้านบาท ไปใช้พัฒนาประเทศ ส่วนการขึ้นเงินเดือนต้องออกเป็นพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.)
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1115 ครั้ง