ผู้ประกอบการและนักลงทุนตะวันออกกลางมีสิทธิ์เจอต้นทุนทางการเงินสูงขึ้นในปีนีั้เนื่องจากทั้งภูมิภาคกำลังเข้าสู่กระบวนการปรับโครงสร้างหนี้ และนักลงทุนต้องการผลตอบแทนสูงขึ้นเพื่อชดเชยกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นตามมา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธนาคารดอยช์แบงก์ประจำภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริการเหนือกล่าว
นายเฮนรี่ อัซซามจากดอยช์ฺแบงก์กล่
าวในระหว่างการสัมมนาว่าด้วยเรื
่องการให้ยืมหลักทรัพย์ที่นครดู
ไบในวันที่ 10 ก.พ. 2010 ว่า บริษัทและรัฐบาลดูไบมีหนี้สินที
่ต้องชำระหนี้จำนวน 15,000 ล้านดอลลาร์ในปีนี้ และอีก 25,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2011 ตลาดจะจับตามองว่าดูไบจะจั
ดการปรับโครงสร้างหนี้ หาเงินคืน หรือทำการรีไฟแนนซ์ยังไง
“ขณะนี้ทุกสายตาจับจ้องมายังดูไบเวิร์ล” นายอัซซามกล่าว “ความเสี่ยงอยู่ที่ว่า วิกฤตดูไบเวิร์ลอาจยาวนานและยุ่งยากจนนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่คาดฝันในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าได้”
ดูไบเวิร์ลซึ่งอยู่ในระหว่างการเจรจายืดเวลาการชำระหนี้มูลค่า 22,000 ล้านดอลลาร์ออกไปนั้น ไม่ประสบความสำเร็จในการเจรจากับเจ้าหนี้ในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา และปฏิเสธที่จะให้คำตอบว่าการเจรจาจะได้คำตอบเมื่อไร ขณะที่ Investment Dar บริษัทลงทุนของคูเวตซึ่งถือหุ้นบริษัทรถยนต์ชื่อดัง แอสตั้นมาร์ติน อยู่ 50% ได้นำเสนอแผนการปรับโครงสร้างหนี้แก่นักลงทุนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ขณะนี้บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ Dar Al Arkan Real Estate Development Co. กำลังอยู่้ในขั้นตอนการระดมทุน 750 ล้านดอลลาร์ผ่านการขายพันธบัตรอิสลาม และคาดว่าอาจเผชิญกับต้นทุนทางการเงินมากกว่า 10% ซึ่งจะเป็นสัญญาณชี้ว่าการกู้เงินจะแพงขึ้นสำหรับภาคเอกชนและภาครัฐของตะวันออกกลางในอนาคต นายอัซซามกล่าวเพิ่มเติม
ข้อมูลล่าสุดจากบลูมเบิร์กระบุว่านักลงทุนต้องจ่ายพรีเมี่ยมบน CDS (Credit Default Sawps) สำหรับประกันความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้บนพันธบัตรอายุ 5 ปีที่ออกโดยรัฐบาลดูไบสูงที่สุดในรอบ 2 เดือน โดยล่าสุด CDS ที่คุ้มครองความเสี่ยงจากดูไบซื้อขายที่ 581 เบสิสพอยต์ ซึ่งหมายความว่านักลงทุนที่ต้องการประกันความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ของรัฐบาลดูไบบนพันธบัตรมูลค่า 10 ล้านดอลลาร์ ต้องจ่ายค่าประกันความเสี่ยงสูงถึง 581,000 ดอลลาร์
ที่มา Bloomberg
http://www.bloomberg.com/apps/news?pid=20601104&sid=al6lsX.HdOOE