เกาหลีใต้และอิหร่านตกลงจัดตั้งระบบทำธุรกรรมการค้าระหว่าง 2 ประเทศเป็นเงินวอน แม้ว่าอิหร่านจะเผชิญมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจอย่างหนักจากสหประชาชาติเพื่อกดดันให้อิหร่านล้มเลิกโครงการนิวเคลียร์ รัฐบาลโซลแถลงวันนี้ (17 กันยายน 2010)
กระทรวงยุทธศาสตร์และการคลัง (Ministry of Strategy and Finance) กล่าวในแถลงการณ์สรุปว่า เกาหลีใต้ได้บรรลุช้อตกลงกับอิหร่านผ่านการลงนามร่วมกันระหว่างธนาคารอุตสาหกรรมแห่งเกาหลี (Industrial Bank of Korea) ธนาคารวูริ (Woori Bank) และธนาคารกลางอิหร่านหรือ Central Bank of Iran
ภายใต้กลไกการชำระเงินนี้ อิหร่านจะเปิดบัญชีกับธนาคารทั้ง 2 แห่งและจะำได้รับค่าสินค้าส่งออกมายังเกาหลีใต้ในรูปของเงินวอนเกาหลีใต้ เงินที่ได้มาจะถูกนำมาฝากไว้ในบัญชีนี้และจะใช้เงินในบัญชีนี้ชำระค่าสินค้าที่อิหร่านซื้อจากบริษัทเกาหลีใต้ อิหร่านจะเปิดบัญชีนี้ในวันที่ 1 ตุลาคมหลังจากที่โครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นในการสร้างระบบทำธุรกรรมนี้เข้าที่เข้าทางแล้ว
“ข้อตกลงนี้บรรลุที่กรุงโซลหลงัจากตัวแทนจากธนาคารกลางอิหร่านได้ทำการพูดคุยกับธนาคารทั้ง 2 แห่งนี้” นายคิม อิ๊กจู หัวหน้าสำนักงานการเงินระหว่างประเทศของกระทรวงยุทธศาสตร์ฯกล่าว อย่างไรก็ตามเขาปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดเรื่องนี้แต่เน้นว่า การตั้งบัญชีชำระค่าสินค้าเป็นเงินวอนไม่ได้ขัดกับมาตรการคว่ำบาตรสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านที่มีความพยายามในการพัฒนาโครงการนิวเคลียร์ หรือประกาศของรัฐบาลโซลเมื่อวันที่ 8 กันยายนที่ผ่านมาที่ทางการโซลจะบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรอิหร่านตามแนวทางของตัวเอง
นายคิมยังกล่าวอีกว่า เนื่องจากธุรกรรมระหว่าง 2 ฝ่ายชำระเป็นเงินวอน ต้นทุนธุรกรรมโดยรวมจึงลดลงเนื่องจากปราศจากความเสี่ยงที่บริษัทใดบริษัทหนึ่งจะขาดทุนจากการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันของค่าเงินเยนหรือยูโร
ในอดีตที่ผ่านมา ธุรกรรมทั้งหมดจะทำในรูปของเงินเยนหรือยูโร ทั้งนี้เพราะว่าสหรัฐฯได้แบนการใช้เงินดอลลาร์เป็นสื่อกลางในการชำระเงินในการค้ากับอิหร่าน
อย่างไรก็ตาม นายคิมได้กล่าวอีกว่า แม้จะมีกลไกการชำระเงินระบบใหม่ก็ตาม จุดยืนของรัฐบาลโซลในการห้ามการทำธุรกรรมกับหน่วยงานต่างๆ 102 แห่งของอิหร่านไม่ว่าจะเป็นธุรกิจ ธนาคาร และองค์กร รวมถึง 24 บุคคลที่ถูกขึ้นบัญชีดำโดยประชาคมระหว่างประเทศยังคงมีผลบังคับใช้อยู่ท่ามกลางการจับตาสอดส่องอย่างใกล้ชิดของรัฐบาลในทุกๆธุรกรรมที่ทำกับอิหร่าน
“แม้จะเป็นธุรกรรมเชิงพาณิชย์ทั่วๆไปก็ต้องได้รับการอนุญาตจากทางการหากว่ามูลค่าธุรกรรมสูงกว่า 40,000 ยูโร และต้องมีการแจ้งให้ทางการรับทราบหากธุรกรรมมีมูลค่าเกินกว่า 10,000 ยูโร” เขากล่าว
นายคิมกล่าวอีกว่า เนื่องจากอิหร่านมีการเกินดุลเกาหลีใต้ปีละกว่า 2,000 ล้านดอลลาร์ อิหร่านก็ควรจะมีทุนสำรองที่เพียงพอในทั้ง 2 บัญชีซึ่งสามารถใช้เพื่อการลงทุนในเกาหลีใต้ได้อย่างอิสระ
การค้าระหว่างกันของเก่หลีใต้และอิหร่านอยู่ที่ 9,740 ล้านดอลลาร์ในปี 2009 โดยเกาหลีใต้นำเข้าน้ำมันจากอิหร่าน ขณะที่ก็ส่งออกเรือ เซมิคอนดักเตอร์ รถยนต์ และสินค้าอุตสาหกรรมอื่นๆไปขายอิหร่าน
ปัจจุบัน บริษัทเกาหลีใต้กว่า 2,142 บริษัททำธุรกรรมทางธุรกิจกับอิหร่าน โดยกว่า 80% เป็นธุรกิจขนาดเล็กที่มีปริมาณการค้าน้อยกว่า 1 ล้านดอลลาร์
ที่มาสำนักข่าวยอนฮัพของรัฐบาลเกาหลีใต้