พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. กล่าวภายหลังเข้าชี้เเจงมาตราการรักษาความปลอดภัย ต่อคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า ในวันนี้ได้มาเสนอมาตราการการบูรณาการการข่าว โดยจะเป็นการทำงานร่วมกัน ระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร พลเรือน เเละหน่วยงานภาครัฐ พร้อมกับตั้งคณะชุดสอบสวนเหตุระเบิดเฉพาะกิจ โดยมีพล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ที่ปรึกษา (สบ 10) และพล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ช่วยผบ.ตร. ร่วมปฏิบัติการสืบสวนและจับกุม พร้อมกับจะให้มีการปฏิบัติตามแผนตั้งจุดสกัดตรวจสอบ เพื่อป้องกันเหตุร้าย โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงเเละจะขอความร่วมมือกับวินมอเตอไซด์ อาสาสมัคร ในการเเจ้งเตือนเหตุ โดยเฉพาะจุดเสี่ยงที่มีผลต่อความมั่นคง
“ได้กำชับให้สน.ทุกพื้นที่เตรียมความพร้อม ในการดูแลและซักซ้อมการเกิดเหตุ หากไม่ปฏิบัติตาม จะมีการลงโทษ อีกทั้งจะมีการขอความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจากภาคเอกชนในการดูเเล เพื่อช่วยเป็นหูเป็นตาด้วย”พล.ต.อ.วิเชียรกล่าว
ด้าน พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษก บชน. กล่าวว่า แผนปฏิบัติการในครั้งนี้ ได้มีการหารือกับทางศูนย์อำนวยการเเก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.)โดยจะเป็นการทำงานร่วมกันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร เเละพลเรือน สำหรับในพื้นที่ต่างจังหวัดจะร่วมมือกับทางหน่วยงานกระทรวงมหาดไทย และหลังจากนี้ไปจะมีมาตราการกดดัน เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่พอมีเบาะเเสจากภาพสะเก็ต หรือการตรวจสอบดีเอ็นเอผู้ต้องสงสัย โดยจะเน้นในจุดเสี่ยงที่มีผลต่อความมั่นคง เเละจะรีบเร่งขยายผล ในการจับกุมต่อไป อย่างไรก็ตาม คงต้องใช้เวลา เพราะเป็นการทำงานเชิงนิติวิยาศาสตร์ในการหาหลักฐานข้อมูล
ทั้งนี้ จะให้ทางสำนักงานข่าวกรองเเห่งชาติเป็นศูนย์ประสานงานในการดำเนินงานดูเเลข่าวกรอง พร้อมกับประสานความร่วมมือกับสำนักงานตำรวจนครบาลในการกำหนดจุดเสี่ยง ที่จะต้องติดตั้งโทรทัศน์กล้องวงจรปิดหรือซีซีทีวี โดยทางกทม.จะเป็นผู้สนับสนุนกล้องซีซีทีวี
ที่ประชุมครม.ได้ให้ข้อแนะนำเพิ่มเติมว่า ควรจะมีการประสานงานกับหน่วยงานอื่นๆ เช่น การทางพิเศษ ที่ดูแลทางด่วนทั้งกรุงเทพฯ หรือเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ทำงานในส่วนราชการมาทำงานร่วมกับทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงด้วยในเรื่องของการดูแลเเละเฝ้าระวัง
โฆษกบชน. กล่าวอีกว่า แนวโน้มความรุนเเรงในการก่อเหตุยังตอบไม่ได้ ว่าจะมีทิศทางเป็นอย่างไร เเต่ทางเจ้าหน้าที่จะเน้นขยายวงดูเเลพื้นที่ต่อไปให้กว้างมากที่สุด เเละจะซักซ้อมรับเหตุ ให้บ่อยครั้งขึ้น จัดตั้งจุดสกัดให้มากขึ้น ทั้งในกลางวันและกลางคืน
สำหรับมาตราการกดดันทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเเละหน่วยความมั่นคงจะทำงานทั้งในเเละนอกเครื่องเเบบ โดยเฉพาะกรณีกลุ่มเป้าหมายที่ยังไม่ได้ดำเนินการออกหมายจับ เเต่เบื้องต้น ก็มีหลังฐานว่าจะมีความเชื่อมโยง เเต่ได้กำชับกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกสน.ว่า หากมีรายงานข่าวให้ดำเนินการไปตามเเผน โดยไม่ต้องรอการยืนยันจากระดับสูง เพื่อความรวดเร็วในการเเก้ปัญหา โดยเฉพาะในพื้นที่หลักที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ซึ่งมาตราการกดดันมีอยู่ 8-9 มาตการ เเละได้มีการมอบหมายให้พล.ต.อ.ภานุพงศ์ เป็นผู้ดูเเล และยืนยันว่ายังไม่ถึงขั้นวินาศกรรม
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1083 ครั้ง