Dubai International Capital หรือ DIC ได้ขายหุ้นจำนวน 2 ใน 3 ของหุ้นทั้งหมด 17% ที่ถืออยู่ใน Merlin Entertainment ให้กับตระกูล Kristiansen ผู้ก่อตั้งบริษัทของเล่นชื่อดัง เลโก้
กองทุนของดูไบแห่งนี้ตกลงที่จะขายหุ้นบางส่วนให้กับนาย Kjeld Kirk Kristiansen หลานของผู้ก่อตั้งเลโก้ตั้งแต่ฤดูร้อนปีที่แล้วก่อนที่ Merlin จะเริ่มดำเนินการระดมทุนจำนวน 2,000 ล้านปอนด์ผ่านการขายหุ้นไอพีโอในตลาดหลักทรัพย์ แต่อย่างไรก็ตามเรื่องการขายหุ้นโดยกองทุนจากดูไบถูกเก็บเป็นความลับเพื่อหลีกเลี่ยงข่าวลือของการเทขายหุ้นทิ้งอันเนื่องมาจากปัญหาวิกฤตหนี้ของดูไบ
นายอีริค คัมพ์ หัวหน้าฝ่าย Private Equity ของ DIC ประจำกรุงลอนดอนได้ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งกรรมการในบอร์ดของ Merlin หลังจากการขายหุ้นเมื่อปีที่แล้ว
Kirikbi A/S บริษัทของตระกูล Kristiansen ซึ่งเป็นเจ้าของเลโก้ได้ลงทุนใน Merlin เพิ่มโดยการเข้าไปถือหุ้นใน Merlin เพิ่มจาก 23% เป็น 34%
Blackstone Group บริษัท Private Equity รายใหญ่จากสหรัฐฯปัจจุบันถือหุ้น Merlin 48% โดย Merlin ได้ดำเนินกิจการสวนสนุก Theme Park ที่อื่นๆไม่ว่าจะเป็น Thorpe Park, Alton Towers หรือ London Dungeon ส่วนหุ้นที่เหลืออีก 12% เป็นของคณะผู้บริหารนำดดยนายนิค วาร์นีย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Merlin
การขายหุ้นครั้งนี้เป็นที่พอใจของทั้ง 2 ฝ่าย Kirikbi ต้องการเพิ่มการถือหุ้นใน Merlin ก่อนหน้าขายหุ้นไอพีโออยู่แล้วเพื่อลดผลกระทบจากการถูกลดทอนการถือหุ้นลงหลังจากการขายหุ้นใหม่เพิ่ม ทั้งนี้ Kirikbi ต้องการรักษาอำนาจในการควบคุม Merlin ไว้ในมือด้วยและจะไม่มีการขายหุ้นออกมาในช่วงทำไอพีโอ
อย่างไรก็ตาม DIC ก็ต้องการเงินเพื่อมาพยุงบริษัทอื่นๆที่กองทุนไปลงทุนไว้ในส่วนอื่นๆของยุโรปผ่าน Private Equity ของตัวเอง การดิ้นรนล่าสุดของ DIC คือ การณีของบริษัท Almatis ผู้ผลิตอลูมิเนียมของเยอรมนี DIC ต้องต่อสู้อย่างหนักกับกองทุน Oaktree Capital จากสหรัฐฯซึ่งเชี่ยวชาญการลงทุนในบริษัทที่ประสบปัญหาทางหนี้สิน เพื่อรักษาอำนาจในการควบคุมการบริหารของ Almatis เอาไว้
“Merlin จะยังคงได้ประโยชน์จากความสัมพันธ์ที่ดีในระยะยาวกับนักลงทุนทุกคน” นายวาร์นีย์กล่าวกับหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทม์
เงินที่ได้จากการขายหุ้นไอพีโอของ Merlin จะนำไปใช้ในการหาเครื่องเล่นและสิ่งดึงดูดใหม่ๆเข้ามาใช้ใน Theme Park
ที่มา FT
http://www.ft.com/cms/s/0/6fa4a12a-199e-11df-af3e-00144feab49a.html?nclick_check=1
กองทุนของดูไบแห่งนี้ตกลงที่จะขายหุ้นบางส่วนให้กับนาย Kjeld Kirk Kristiansen หลานของผู้ก่อตั้งเลโก้ตั้งแต่ฤดูร้อนปีที่แล้วก่อนที่ Merlin จะเริ่มดำเนินการระดมทุนจำนวน 2,000 ล้านปอนด์ผ่านการขายหุ้นไอพีโอในตลาดหลักทรัพย์ แต่อย่างไรก็ตามเรื่องการขายหุ้นโดยกองทุนจากดูไบถูกเก็บเป็นความลับเพื่อหลีกเลี่ยงข่าวลือของการเทขายหุ้นทิ้งอันเนื่องมาจากปัญหาวิกฤตหนี้ของดูไบ
นายอีริค คัมพ์ หัวหน้าฝ่าย Private Equity ของ DIC ประจำกรุงลอนดอนได้ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งกรรมการในบอร์ดของ Merlin หลังจากการขายหุ้นเมื่อปีที่แล้ว
Kirikbi A/S บริษัทของตระกูล Kristiansen ซึ่งเป็นเจ้าของเลโก้ได้ลงทุนใน Merlin เพิ่มโดยการเข้าไปถือหุ้นใน Merlin เพิ่มจาก 23% เป็น 34%
Blackstone Group บริษัท Private Equity รายใหญ่จากสหรัฐฯปัจจุบันถือหุ้น Merlin 48% โดย Merlin ได้ดำเนินกิจการสวนสนุก Theme Park ที่อื่นๆไม่ว่าจะเป็น Thorpe Park, Alton Towers หรือ London Dungeon ส่วนหุ้นที่เหลืออีก 12% เป็นของคณะผู้บริหารนำดดยนายนิค วาร์นีย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Merlin
การขายหุ้นครั้งนี้เป็นที่พอใจของทั้ง 2 ฝ่าย Kirikbi ต้องการเพิ่มการถือหุ้นใน Merlin ก่อนหน้าขายหุ้นไอพีโออยู่แล้วเพื่อลดผลกระทบจากการถูกลดทอนการถือหุ้นลงหลังจากการขายหุ้นใหม่เพิ่ม ทั้งนี้ Kirikbi ต้องการรักษาอำนาจในการควบคุม Merlin ไว้ในมือด้วยและจะไม่มีการขายหุ้นออกมาในช่วงทำไอพีโอ
อย่างไรก็ตาม DIC ก็ต้องการเงินเพื่อมาพยุงบริษัทอื่นๆที่กองทุนไปลงทุนไว้ในส่วนอื่นๆของยุโรปผ่าน Private Equity ของตัวเอง การดิ้นรนล่าสุดของ DIC คือ การณีของบริษัท Almatis ผู้ผลิตอลูมิเนียมของเยอรมนี DIC ต้องต่อสู้อย่างหนักกับกองทุน Oaktree Capital จากสหรัฐฯซึ่งเชี่ยวชาญการลงทุนในบริษัทที่ประสบปัญหาทางหนี้สิน เพื่อรักษาอำนาจในการควบคุมการบริหารของ Almatis เอาไว้
“Merlin จะยังคงได้ประโยชน์จากความสัมพันธ์ที่ดีในระยะยาวกับนักลงทุนทุกคน” นายวาร์นีย์กล่าวกับหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทม์
เงินที่ได้จากการขายหุ้นไอพีโอของ Merlin จะนำไปใช้ในการหาเครื่องเล่นและสิ่งดึงดูดใหม่ๆเข้ามาใช้ใน Theme Park
ที่มา FT
http://www.ft.com/cms/s/0/6fa4a12a-199e-11df-af3e-00144feab49a.html?nclick_check=1
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1558 ครั้ง